เพื่อนรักหักเหลี่ยมสวาท

19.0K · จบแล้ว
B.J.
12
บท
949
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

โปรย เขาคือผู้ชายที่น่ารักที่เข้ามาในชีวิตในช่วงที่เธอกำลังอกหัก เขาค่อย ๆ ทำให้เธอได้รู้ว่าความรักมีจริง และคนจริงใจก็มีอยู่จริงเช่นกัน

นิยายรักโรแมนติก

1

“ภพนี่ดีจังเลยนะ” สุทธิดาอมยิ้มเมื่อเห็นว่าไวภพซึ่งเป็นแฟนหนุ่มของยิหวาเพื่อนสาวของเธอ นิสัยดี เข้าอกเอาใจยิหวาสารพัด แถมยังขยันเก็บเงินอีกด้วย มีเงินมีทองเท่าไหร่ก็เก็บเอาไว้ที่ยิหวาจนหมด

“เราสองคนมีแพลนที่จะแต่งงานแล้วก็ซื้อบ้านกันจ้ะ นี่เก็บกันมาตั้งแต่สมัยเรียนเลยนะ” ยิหวาพูดแล้วยิ้มออกมา เธอกับไวภพไม่ได้ร่ำรวยอะไร จึงขยันและเก็บเล็กผสมน้อยกันมาเรื่อย ๆ เดือนไหนไม่มีจริงๆ ก็ยังเก็บกันหลักร้อย เดือนไหนมีเยอะขึ้นมาหน่อยก็เก็บกันหลักพัน หรือถ้าทำงานพิเศษเพิ่มแล้วเดือนนั้นอาจจะเก็บได้ถึงหลักหมื่นเลยด้วยซ้ำ

“เป็นคู่ที่น่ารักมาก ฉันขออวยพรล่วงหน้าให้เธอได้บ้านเร็วๆ จะได้แต่งงานกันสักที คบกันตั้งแต่สมัยเรียน จนตอนนี้ทำงานก็หลายปีแล้ว” สุทธิดาเป็นเพื่อนร่วมรุ่นที่เรียนด้วยกันมาหลายปี เรียนจบด้วยกันและทำงานที่เดียวกัน รู้ตั้งแต่ที่ไวภพตามจีบยิหวาเพื่อนของเธอแล้ว

“ขอบใจจ้ะ ถ้ามีบ้านเป็นของตัวเองก็จะแต่งงานกันเลย แต่คิดว่าแค่ผูกข้อไม้ข้อมือ จดทะเบียนสมรสก็พอ เพราะว่าพ่อแม่เราเสียชีวิตกันหมดแล้ว เหลือแค่ญาติผู้ใหญ่อยู่ต่างจังหวัดเท่านั้น ไม่จัดพิธีแต่งงานให้สิ้นเปลืองหรอกจ้ะ”

“เธอก็ยังคงเป็นเธอเหมือนเดิม เสมอต้นเสมอปลาย ขี้เหนียวสุด ๆ ไปเลย” เสียงที่พูดแทรกขึ้นมาคือนารากร เป็นเพื่อนอีกคนที่เรียนจบมาด้วยกัน

นารากรเป็นสาวทันสมัย แต่งตัวดี ใช้ของแบรนด์เนมและชอบกินหรูอยู่แพง หล่อนเช่าคอนโดฯ อย่างดีอยู่ไม่ไกลจากบริษัทมากนัก

“แบบยิหวาไม่ได้เรียกขี้เหนียว แต่เรียกว่ารู้จักใช้เงินต่างหากล่ะ ใครจะเหมือนเธอล่ะ รวยเหลือเกิน หนี้บัตรเครดิตเดือนนี้จ่ายหรือยังจ๊ะ” สุทธิดากัดเพื่อนเบา ๆ เธอไม่ค่อยขอบนิสัยชอบดูถูกคนอื่นของนารากรนักหรอก แต่ที่คบกันมานานเพราะว่าเรียนจบรุ่นเดียวกัน และทำงานที่เดียวกัน

“จ้ะ แม่คนแสนดี ฉันทำงานมาเหนื่อยก็ต้องใช้เงินจริงไหม เก็บเอาไว้แล้วถ้าเกิดตายขึ้นมาก่อนไม่ได้ใช้ ใครใช้เงินเราล่ะ คนที่อยู่ข้างหลังใช่ไหม ซึ่งคนพวกนั้นก็ไม่เคยลำบากเหนื่อยหาเงินเหมือนเราเลย มีเงินมันก็ต้องใช้จ้ะ จะไปกระเบียดกระเสียดอยู่ทำไมกัน”

“ต้องใช้น่ะถูกแล้ว แต่ก็ต้องเก็บเอาไว้ด้วย เผื่อฉุกเฉิน เจ็บไข้ไม่สบายหรือต้องการใช้เงินทำอะไร จะไปเอาที่ไหนล่ะ”

“คนโบราณสิถึงได้คิดแบบนั้น เดี๋ยวนี้รูดบัตรเครดิตเอาก็ได้ แล้วเราก็ค่อยผ่อนคืน ไม่เห็นต้องไปเก็บเงินให้เสียเวลาเลย”

“ฉันละเบื่อกับความคิดเธอจริงๆ” สุทธิดาส่ายหน้าไปมา

“ขนาดยิหวาจะดาวน์บ้าน ก็ต้องเก็บเงินตั้งหลายปี ก็ต้องผ่อนเหมือนกัน ถ้าเป็นฉันนะ จะดาวน์ให้ได้ในปีแรกๆ ที่ทำงาน แล้วค่อยผ่อนเอา ยังไงก็ต้องผ่อนอยู่แล้ว”

“ที่ยิหวารอไปก่อนเพราะจะได้ดาวน์ให้ได้เยอะๆ ไง จะได้ผ่อนไม่หนักเกินและมีเงินสำรองเอาไว้ใช้ตอนผ่อนบ้าน และถ้ามีเงินเหลือจากการเก็บไปอีกหลาย ๆ ปี อาจจะได้โปะไปเลยไง ไม่ต้องเป็นหนี้จนแก่ตาย”

“ผ่อนไปเรื่อย ๆ ไม่ต้องเครียดไม่ดีกว่าเหรอ เงินที่เหลือก็เอาไปใช้ชีวิต ชอปปิง ซื้อของที่อยากได้ เอาเงินไปโปะธนาคารทำไม เขาปล่อยกู้เขาก็ให้เครดิตผ่อนยาว ๆ ยี่สิบสามสิบปี ทำไมจะต้องรีบโปะด้วย ฉันไม่เข้าใจเลย”

“คงมีแต่เธอสินะที่คิดแบบนี้ ไม่รีบโปะเกิดตายขึ้นมาก่อน บ้านก็ยังเป็นหนี้อยู่น่ะสิ” สุทธิดาได้แต่ส่ายหน้าไปมา

“คนอื่นก็คิด เธอดูยิหวาสิ ใช้กระเป๋าแฮดเมดมาตั้งแต่มหาวิทยาลัย จนตอนนี้ยังไม่เปลี่ยนเลย รองเท้าก็คู่เก่า ทำไมไม่รู้จักให้รางวัลกับชีวิตบ้าง”

“หวาชอบแบบนี้จ้ะ อีกอย่างกระเป๋าใบนี้ภพเป็นคนซื้อให้ มันก็ทนดีด้วย ยังไม่ขาดเลย แล้วหวาจะเปลี่ยนทำไมล่ะจ๊ะ”

“แยกย้ายไปหาอะไรกินกันดีกว่า เดี๋ยวหมดเวลาพักจ้ะ” สุทธิดาบอกสองสาว ขณะยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู

“เย็นนี้ไปกินบุฟเฟ่ต์อาหารทะเลกันไหม มีร้านมาเปิดใหม่ 599 บาทเอง ฉันไปกินมาวันก่อนคุ้มมากนะ อาหารทะเลสด ๆ ทั้งนั้นเลย”

“หวาขอตัวนะจ๊ะ นัดกับภพเอาไว้ว่าวันนี้จะไปกินก๋วยจั๊บร้านประจำกันน่ะจ้ะ”

“ก๋วยจั๊บร้านยี่สิบบาทที่เธอกินตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยน่ะเหรอ ยี้... เธอยังจะกินร้านถูก ๆ แบบนั้นอยู่อีกเหรอ” นารากรทำหน้าเบ้ใส่เพื่อน

“ก็มันอร่อยนี่นา ลุงแกก็ขายมาตั้งหลายปี ยังไม่ขึ้นราคา ก็อยากไปอุดหนุนลุงแกน่ะจ้ะ เพราะเป็นสูตรดั้งเดิม ลุงแกทำอร่อยมาก”

“เหตุผลทั้งหมดที่เธอพูดมาฉันว่าไม่ใช่หรอก เธอไปกินเพราะมันถูกก็แค่นั้นเอง” นารากรพูดตามที่คิด

“ฉันยังชอบเลย อร่อย ประหยัด สมัยก่อนเธอก็ยังชอบกินเลยนี่นา” สุทธิดาหันไปพูดกับนารากร

“ตอนนั้นไม่มีเงินเลยไปกิน ก็ไม่ได้อร่อยอะไรหรอก เดี๋ยวนี้มีอาหารดี ๆ ให้กินเยอะแยะไป ทำงานมีเงินแล้ว ก็ให้รางวัลกับตัวเองบ้าง มื้อกลางวันพวกเธอสองคนกินอะไรกันล่ะ”

“หวาพาปิ่นโตมากินกับภพน่ะจ้ะ”

“นึกว่าจะไปกินอะไรอร่อยๆ ด้วยกันเสียอีก”

“ส่วนฉันไปกินที่ศูนย์อาหารของบริษัทจ้ะ ราคาประหยัดดี”

“ยี้ เธอสองคนนี่เจ้าแม่น้ำทะเลจริง ๆ เลย ส่วนฉันจะไปกินอาหารอิตาเลี่ยนร้านเปิดใหม่ ข้าง ๆ บริษัทนี่แหละ”

“ร้านนั้นเหรอนารา เห็นพนักงานเขาเม้าท์กันว่าขายแพงยังกับอะไรดี กินแค่มื้อเดียวนี่จนไปอีกอาทิตย์เลยนะ”

“คิดแบบเธอก็ไม่ต้องกินอะไรกันพอดี จะให้กินข้าวไข่เจียวเหมือนยายหวาทุกวันนี่อะนะ ไม่ไหวจริง ๆ หน้าฉันคงจะเป็นไข่” นารากรกลอกตาไปมา พลางถอนใจพรืด

“หน้าเป็นไข่ไม่ดีเหรอ หน้ารูปไข่ ไม่ต้องไปเติมโบท็อกแบบแก”

“โบท็อกเติมแล้วหน้าได้รูป มีแต่พวกเธอสองคนนี่แหละที่เชยระเบิดระเบ้อ ไม่รู้จักไปเข้าคลินิกเสริมความงามบ้าง ปล่อยให้แก่ เหี่ยว แต่งตัวเชย โอ๊ย! ไม่พูดด้วยแล้ว ไปหาอะไรอร่อยๆ กินดีกว่า” นารากรพูดแล้วเดินจากมาในทันที