2
“เชื่อธิดาไหม เดี๋ยวยายนาราก็โพสต์รูปอาหารที่ร้านนั่นลงโซเชียล”
“ปล่อยนาราไปเถอะจ้ะธิดา ความสุขของเขา เขาหาเงินมา เขาทำงานเหนื่อยเขาก็อยากใช้ชีวิตให้มีความสุข”
“มันจะมีความสุขจริง ๆ เหรอ หลอกลวงน่ะสิไม่ว่า ฉันหมายถึงหลอกตัวเองไปวัน ๆ ไงว่ามีชีวิตดี”
“ก็เรื่องของเขาจ้ะ เราไปกินข้าวกลางวันกันดีกว่า”
“แต่มีบางอย่างที่ยายนาราพูดแล้วจริงนะ” สุทธิดามองหน้าเพื่อน
“อะไรเหรอ”
“บางทีเธอก็ต้องให้รางวัลกับชีวิตบ้าง และรางวัลภพเขาบ้าง ถ้าตึงเกินไประวังจะขาดเอาได้นะ”
“เคยจะซื้อให้ แต่ภพเขาไม่เอาเอง เขาอยากให้เก็บเงินดาวน์บ้านให้ได้ก่อน มีที่อยู่ไม่ต้องเช่าเขาก็สบายแล้วจ้ะ”
“ภพนี่เป็นคนดีจังเลย ทำงานได้เท่าไหร่ก็ให้หวาเก็บหมด ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นคงเอาไปกินไปเที่ยวไร้สาระ ธิดาไปหาข้าวกินก่อนนะ เดี๋ยวธิดาจะทำกับข้าวมากินกับหวากับภพบ้าง จะได้มีเพื่อนกินข้าว”
“เอาสิจ๊ะ จะได้กินข้าวด้วยกัน” ยิหวายิ้มให้เพื่อนรัก ก่อนจะเดินไปหาแฟนหนุ่มที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องทำงาน ทั้งสองพากันไปรับประทานอาหารตรงสวนหย่อมข้างบริษัท ซึ่งมีม้านั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ให้ความร่มเงาเป็นอันมาก
“วันนี้ทำไข่เจียวทรงเครื่อง แกงจืดเต้าหู้หมูสับแล้วก็หมูทอดจ้ะ”
“น่ากินจังเลยครับ แฟนภพนี่ทำอาหารอะไรก็อร่อยไปหมด” ทั้งสองรับประทานอาหารด้วยกันจนอิ่ม ก่อนจะกลับเข้าไปทำงานอีกครั้ง
“เห็นไหมฉันพูดเอาไว้ไม่มีผิด ยายธิดาโพสต์รูปลงโซเชียลจริง ๆ ด้วย ทำไมนะ จะกินอะไร จะทำอะไรต้องโพสต์ตลอด คอยรายงานให้ชาวโลกรับรู้”
“เขาก็คงชอบถ่ายรูปกระมังจ้ะ”
“ไม่ใช่หรอก อยากอวดรวยมากกว่า หวาดูสิไปกินสต็กเนื้อร้านเปิดใหม่มาจ้ะ รสชาติว้าวมาก ราคาเบา ๆ” สุทธิดากลอกตาไปมา
“ราคาเท่านั้นเท่านี้เองของยายธิดานี่กินข้าวได้ไปอีกหลายมื้อเลยนะ”
“ก็เงินเขา” ยิหวายิ้มให้เพื่อน
“จ้ะ แม่คนแสนดี ธิดาไม่ส่องเฟซยายนาราแล้วก็ได้ นี่ละหนาพวกกินหรูอยู่แพง อวดชาวบ้านให้รับรู้ แต่ยืมเงินแล้วไม่ยอมคืน”
“นารายืมเงินของธิดาเหรอ”
“ใช่จ้ะ บอกว่าร้อนเงิน หมุนเงินไม่ทัน ไหนจะบัตรเครดิตอีก แทบจะคุกเข่า แต่ดูยายนาราทำตัว ต่อหน้าคนอื่นอวดรวยเหลือเกิน คอยดูนะธิดาจะทวงเงินคืน”
“ถ้าให้ยืมแล้วไปทวงหวาว่าคงมีปัญหากันแน่ ๆ ไม่น่าให้ไปเลย” ยิหวารู้จักนิสัยนารากรดี
“วันนั้นไม่รู้อะไรเข้าสิงให้ยืมเงินไปน่ะ ไม่น่าเลยจริง ๆ”
“เขาขอร้อยก็ให้สักสิบ แล้วบอกเอาไปเลย ไม่ต้องคืน แบบนั้นไม่เสียน้ำใจ ไม่เสียเพื่อน และเขาก็เกรงใจไม่กล้ามายืมบ่อย ๆ น่าจะดีกว่านะ”
“ขอบใจนะหวา”
“แต่สำหรับหวา คิดว่าทุกคนทำงานเหมือนกัน บางคนทำงานได้เงินเดือนเยอะกว่าเราเสียอีก เขาจะต้องบริหารจัดการเงินของเขาให้ดี ไม่ใช่มารบกวนยืมเงินคนอื่น เขาจะบอกว่าเรามีเงินเยอะกว่าก็ไม่ใช่เหตุผลนะ เพราะว่านี่มันเงินของเรา เราทำงาน เราเป็นคนเก็บ พวกเขาไม่รู้จักเก็บกันเอาเอง ถ้าพวกยืมเงินคิดว่ามีเงินเยอะกว่าเลยมายืม แบบนี้ก็เอาเปรียบกันสิ คุณมีเงินเท่ากัน แต่ไม่เก็บเอง เดือดร้อนขึ้นมาแล้วเที่ยวมารบกวนคนอื่น” ยิหวาแสดงความคิดดเห็นเพราะเธอไม่ชอบให้ใครยืมเงิน นอกจากว่าเป็นเพื่อนกัน เล็กน้อยเธอก็ไม่ทวงคืน ให้ได้ก็ให้ แต่ให้ยืมก้อนใหญ่ เธอไม่ให้เด็ดขาด เพราะนั่นคือเงินของเธอที่เธอทำงานมาด้วยน้ำพักน้ำแรง เธอก็อยากเก็บเอาไว้ทำประโยชน์ให้กับตัวเอง ไม่ใช่เที่ยวเอาไปให้คนอื่นที่เดือดร้อนเรื่องเงินยืม เพราะชีวิตติดหรู ไม่รู้จักบริหารเงินให้พอในแต่ละเดือนเอง ถ้าเดือดร้อนไม่พอขึ้นมาก็ต้องอยู่ให้ได้ ไม่ไปรบกวนคนอื่นเขา เพราะตอนตัวเองมีกินมีใช้ก็ไม่เคยมาเอื้อเฟื้อหรือคิดถึงคนอื่นนี่นา
“จริงอย่างที่หวาพูดนั่นแหละ” สุทธิดาเห็นด้วย
“พวกที่ชอบยืมเงินบอกว่าเรามีเงินเยอะกว่า ก็เหมือนคนจนที่อยากให้เศรษฐีบริจาคเงินนั่นแหละ บอกว่าเขามีเยอะก็ควรบริจาค ก็ควรช่วยเหลือ ซึ่งมันเป็นความคิดที่ผิดมาก เขาอยากบริจาคก็เรื่องของเขา ไม่อยากบริจาคก็สิทธิ์ของเขาอีก เราต้องยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง ทำงานหาเลี้ยงตัวเองให้ได้ จะได้ไม่เป็นภาระคนอื่น ไม่เป็นปัญหาสังคม มีเงินก็ต้องรู้จักใช้รู้จักเก็บ จะได้ไม่ต้องเที่ยวไปหยิบยืม ขอรับบริจาค เพราะคนที่เขารวยกว่าเรา เขาก็ต้องทำงานหนักกว่าเรา ขยันกว่าเรา ไม่มีอะไรในโลกนี้ได้อะไรมาง่าย ๆ หรอกจ้ะ”
“พูดอีกก็ถูกอีก เสียดายจังเลย ถ้าหวายังไม่มีแฟน ธิดาจะยุให้พี่ชายของธิดาจีบหวาเสียเลย”
“พี่ชายของธิดาเหรอจ๊ะ ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”
“เป็นลูกพี่ลูกน้องน่ะจ้ะ สนิทกันมาก ไปเรียนอยู่ต่างประเทศหลายปีแล้ว”
“ป่านนี้มีเมียฝรั่งไปแล้วกระมัง” ยิหวาพูดแล้วหัวเราะเบา ๆ ทำให้สุทธิดาหัวเราะตามไปด้วย
สุทธิดาชอบยิหวาเพราะว่าเพื่อนเป็นคนมองโลกในแง่ดี มองปัญหาเป็นเชิงบวก สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ดี และแก้ปัญหาชีวิตได้ดี แถมยังมีสติมีเหตุมีผล เธอคบกับยิหวามานานตั้งแต่เรียนปีหนึ่งจนเรียนจบ และทำงานมาแล้วสามปี รวมก็เจ็ดปีเข้าไปแล้ว จึงคิดว่าผู้ชายคนไหนได้ยิหวาเป็นภรรยาจะโชคดีมาก ๆ
ไม่ใช่เพราะยิหวารู้จักเก็บเงิน แต่ยิหวาทำงานบ้านได้ทุกอย่าง รวมถึงทำอาหารอร่อย เธอเคยไปห้องพักของยิหวา แม้จะไม่ใช่ห้องราคาแพงเหมือนนารากร แต่ห้องของยิหวาก็สะอาดเรียบร้อย ข้าวของจัดเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ หยิบจับง่าย จึงรู้ว่าแต่ละอย่างควรซื้ออะไรเพิ่มเมื่อของขาด เพราะถ้าข้าวของวางแบบระเกะระกะ ก็ไม่รู้ว่ามีหรือไม่มีอะไร หาไม่เจอก็ซื้อใหม่ สิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ
ด้วยความที่รู้จักกันมานานเลยทำให้สุทธิดานึกเปรียบเทียบ ห้องของนารากรรกก็รก ข้าวของวางไม่เป็นระเบียบ นั่นขนาดเช่าห้องราคาแพงกว่ายิหวาเสียอีก และเวลาหาอะไรไม่เจอก็ซื้อใหม่ เห็นนารากรภายนอกแต่งตัวสวยเฉี่ยวดูดี แต่อย่าไปดูห้องพักของอีกฝ่ายเพราะไม่เรียบร้อยเอาเสียเลย การเป็นอยู่จริงกับการใช้ชีวิตข้างนอกที่อวดให้คนอื่นเห็นมันช่างแตกต่างกันลิบลับราวฟ้ากับเหว ตอนมาขอยืมเงินก็พูดจาน่าสงสาร แต่ตอนคืนนี่สิ เธอคิดว่าน่าจะทวงยากทวงเย็น
เย็นวันนั้นสุทธิดาลองทวงเงินนารากรดู และผลปรากฏว่าเป็นจริงดังคาด ขอคืนเดือนหน้า เดือนนี้ไม่พอใช้
“รู้ไหมเมื่อวานไปทวงเงินยายนารามา ยายนาราพูดว่ายังไง” สุทธิดาคุยกับยิหวาในวันรุ่งขึ้น