ตอนที่ 2 แผนพิชิตสะกิดหัวใจ
เมื่อกลับมาถึงบ้านลดาก็จัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วมานั่งคุยกับคนเป็นพ่อและปฐมา ผ่านไปครู่ใหญ่ท่านจึงเลี่ยงออกไปคุยโทรศัพท์ และตอนนี้เองที่เธอได้อยู่กับเพื่อนรักตามลำพัง
“เรื่องอาธันน์ฉันเอาจริงนะ” ลดาพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง แม้ในตอนนี้จะยังคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรให้เธอได้ใกล้ชิดกับชายหนุ่ม ที่หลังจากวันนี้เขาก็คงกลับฟาร์ม เรื่องของเธอก็คงจะเลือนหายไปกับกาลเวลา
“แกจะทำยังไง” ปฐมาถามอย่างอยากรู้ เพราะคิดว่าเพื่อนอาจจะคิดแผนเด็ดๆ เอาไว้แล้ว แต่คำตอบที่ได้รับคือการส่ายหน้าพร้อมกับเสียงถอนหายใจ
“ไม่รู้ คิดไม่ออก เอาไว้เจอหน้าอาธันน์ก่อนแล้วกันค่อยคิด”
“งั้นก็เอาไว้ฉันจะรอดูปฏิบัติการสอยเพื่อนพ่อมาเป็นผัวของแกก็แล้วกัน” ปฐมาล้อพร้อมกับตบที่ไหล่เบาๆ อย่างเป็นกำลังใจกับความรักครั้งใหม่ของเพื่อนรัก
ซึ่งลดาฟังดูแล้วก็เหมือนจะดี แต่คำว่า ‘ผัว’ นี่มันยังไงเร็วไปไหม ทั้งที่ใจยอมรับละว่าอยากได้ แต่ก่อนจะถึงขั้นนั้นขอให้ได้ใช้คำว่า ‘แฟน’ ก่อนเถอะ
แต่ยังไม่ทันทีลดาจะแย้ง ลภชัยก็เดินกลับมา ทั้งสองสาวเลยเปลี่ยนเรื่องคุย ไม่นานธันน์ก็มาถึงและพักใหญ่ๆ ญดากับน้องชายและน้องสะใภ้ก็กลับมาพร้อมกับอาหารทะเลและเครื่องดื่ม
จากนั้นทุกคนก็ช่วยกันเตรียมงาน ผู้หญิงทำความสะอาดกุ้งหอยปูปลาแล้วหมัก ส่วนผู้ชายก็ช่วยกันเตรียมเตาเตรียมถ่านก่อไฟเพื่อย่างอาหารทะเลที่ลานหน้าบ้าน
ใช้เวลาไม่นานปาร์ตี้เล็กๆ ก็เริ่มต้นขึ้นอย่างสนุกสนาน ทุกคนมีความสุขการดื่มกินและเสียงเพลงที่เปิดคลอ ยกเว้นลดาที่เอาแต่มองหนุ่มใหญ่เพื่อนของพ่อแล้วถอนหายใจ แม้ตอนนี้เวลาจะล่วงเลยมาหลายชั่วโมงแล้วแต่เธอก็ยังคิดวิธีพิชิตใจหนุ่มใหญ่คนนี้ไม่ได้เลย
“เฮ้อ...คิดไม่ออก ช่วยหน่อยสิแก” ลดาที่นั่งมองเพื่อนพ่อสลับกับการยกน้ำอัดลมในแก้วขึ้นดื่มครางขึ้นพร้อมกับเอนศีรษะไปซบที่ไหล่ของปฐมา
“บุกปล้ำเลยไหม” ปฐมาเสนอวิธีที่ไม่ต้องคิดให้ซับซ้อนอะไร
“บ้า! พ่อรู้ได้ตีตาย อีกอย่างถ้าอาธันน์ไม่เล่นด้วยมีแต่เสียกับเสียเลยนะแก” ลดาค้านเพื่อนด้วยสีหน้าจริงจัง
“ก็มันคิดไม่ออกนี่ เวลาก็มีนิดเดียว”
“นั่นสิ ไปขอให้อาธันน์อยู่ต่อสักหน่อยดีไหมนะ”
“กล้าเหรอ”
ลดาส่ายหน้าทันทีที่เพื่อนถามจบ “ไม่กล้าและถึงจะกล้าก็ไม่รู้จะเอาเหตุผลอะไรไปอ้างให้อยู่ต่อ โอ๊ย หงุดหงิด ขอไปห้องน้ำก่อนแล้วกัน” เธอถอนหายใจแล้วลุกขึ้นเดินเข้าไปในบ้านด้วยท่าทีเหม่อลอยอย่างคนคิดหนัก ไม่รู้จะทำอย่างไรให้ความรักครั้งนี้สมหวัง หรือต้องพึ่งคนเป็นพ่ออย่างที่ปฐมาแนะนำจริงๆ
“อุ๊ย!” ลดาอุทานเสียงหลง ในขณะที่กำลังเดินคิดอะไรเพลินๆ จู่ๆ ก็มีใครบางคนมาคว้าเอวของเธอเอาไว้
“เดินดูทางหน่อยสิ ใจลอยไปไหนเนี่ย เกือบเดินชนผนังแล้วไหมล่ะ” ธันน์เอ็ดลูกสาวเพื่อนอย่างไม่จริงจังนัก “ไป...แถวๆ นี่แหละคะ” ลดายิ้ม แล้วแก้ตัวเขินๆ
“แถวๆ นี้มันคือแถวแถวไหนเหรอ ผนัง...” ชายหนุ่มถามพลางเลิกคิ้ว
“ห้องน้ำค่ะ” ลดาบอกเขินๆ เมื่อตัวเองเผลอทำอะไรโก๊ะๆ ต่อหน้าเขา
“ห้องน้ำ”
“ค่ะ” ลดาตอบเสียงแผ่วก่อนจะหน้าแดงจัดเมื่อเพิ่งสังเกตว่าตอนนี้เธอกำลังอยู่ในอ้อมแขนของเพื่อนพ่อชนิดที่ใกล้ชิดกันมาก แผงอกอันกำยำลอยเด่นอยู่ตรงหน้าห่างสายตาไม่ถึงสิบเซ็น แหม...มันน่าซบน่าลูบไล้เสียจริง อยากรู้เสียแล้วสิว่ามันจะแน่นและอบอุ่นแค่ไหน
“เราดื่มหนักเหรอหน้าแดงเชียว”
“อะ...เอ่อ...คะ...คงงั้นมั้งคะ” ลดาที่หลุดจากภวังค์ดึงมือที่เกือบจะเผลอไปลูบแผงอกกำยำตรงหน้ากลับมากุมที่ขมับทันทีเมื่อธันน์มาจุดประกายมารยาหญิง “รู้สึกมึนนิดๆ ด้วยนะคะเนี่ย” ไม่พูดเปล่าลดายังแกล้งโยกตัวไปมาแล้วซบลงที่เป้าหมายทันที
โอ้แม่เจ้า...ทำไมมันรู้สึกดีอย่างนี้ กลิ่นเหงื่อผสมกลิ่นน้ำหอมและกลิ่นบุหรี่มันมีเสน่ห์เย้ายวนอย่างร้ายกาจ อยากหยุดเวลาไว้อย่างนานๆ จังเลย
“เป็นอะไรมากไหม เดี๋ยวอาโทร.เรียกไอ้ชัยดีกว่า...”
พอได้ยินชื่อของคนเป็นพ่อ คนแกล้งเมาทั้งที่ดื่มแค่น้ำอัดลมก็รีบดีดตัวออกจากแผงอกอ้อมแขนที่แสนจะอบอุ่นอย่างเสียดาย “ไม่เป็นไรค่ะ ได้พักเมื่อกี้ดีขึ้นนิดหนึ่งแล้ว เดี๋ยวลดาไปล้างหน้าล้างตาก็คงหาย” พูดจบเธอก็รีบวิ่งเข้าห้องน้ำทันที จึงไม่ทันได้เห็นรอยยิ้มขำจากคนที่ยืนรออยู่ด้านนอก
“เฮ้อ...อุ๊ย!” ลดาอุทานเมื่อเดินออกจากห้องน้ำแล้วยังเห็นธันน์ยังไม่ยอมไปไหน หรือเขาจะจับได้ว่าก่อนหน้านั้นเธอแกล้งเมา “คะ...คุณอายังอยู่ มีอะไรหรือเปล่าคะ” เธอถามเสียงแผ่ว ไม่แม้แต่จะมองสบตาคนที่ยืนกอดอกพิงผนังรออยู่หน้าห้องน้ำ
“ไม่มีอะไร อารอเข้าห้องน้ำ เรานั่นแหละไม่ได้เป็นอะไรแน่นะ เดี๋ยวหน้าแดงเดี๋ยวหน้าซีด”
“อ๋อ...ซะ...ซีดเพราะโดนน้ำมั้งคะ ลดาเพิ่งล้างหน้ามา เชิญคุณอาค่ะ” หญิงสาวยิ้มแหยๆ ให้ชายหนุ่มเล็กน้อย ก่อนจะรีบเดินเลี่ยงออกมาพร้อมกับถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อสิ่งที่ทำลงไปไม่ได้โดนจับได้ แต่เมื่อคิดไปถึงตอนนั้นก็เขินและรู้สึกหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที อยากมีแบบนี้บ่อยๆ ทว่าโอกาสช่างไม่เอื้อเอาเสียเลย คิดแล้วก็ต้องถอนหายใจออกมาอีกครั้ง
“ใครพอจะช่วยเราได้บ้างนะ” ลดาบ่นลอยๆ พลางเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า และในตอนนี้เองเสียงโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงก็แผดเสียงขึ้น
“ยายฟ้า” ว่าแล้วก็รีบรับทันทีที่หน้าจอปรากฏชื่อของเพื่อนรักอีกคน “ว่าไงจ๊ะ โทร.มามีไรเปล่าเนี่ย ไหนบอกไม่ว่างไง” ลดาแกล้งทำเสียงตัดพ้อ
“ธุระมันมีเฉพาะกลางวันปะ ดึกแล้วก็กลับบ้านนอนสิคะ ก่อนนอนก็เลยโทร.หาแค่อยากรู้ว่าแกเปิดของขวัญยัง” คนให้ถามอย่างอยากรู้ เพราะถ้าเปิดแล้วจะได้ถามว่าชอบหรือเปล่า ถ้าไม่ชอบก็อาจจะซื้อให้ใหม่หรือเปล่าอันนี้ก็แล้วแต่อารมณ์และความหมั่นไส้
“ยัง โทร.มาเร่งแบบนี้แสดงว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ ใช่ไหม” ลดาถามอย่างระแวง
“ให้ของขวัญมันก็ต้องมีของขวัญสิยะ”
“มันคืออะไร” คนได้รับถามเผื่อคนให้จะใจดีบอก ตอนนี้เธอกลัวเซอร์ไพรส์แบบแปลกๆ เหลือเกิน ว่าจะเปิด ก็มัวแต่ยุ่งๆ เลยยังไม่ได้เปิดเสียที
“ไม่บอก เปิดดูเอง” ฟ้ารุ่งทำเสียงเริงร่าท้าทาย
“นี่ถ้าเป็นของขวัญแบบเปิดปุ๊บแล้วจะสมหวังในความรักปั๊บ ฉันจะรีบวิ่งไปเปิดเดี๋ยวนี้เลยจริงๆ” คนที่กำลังหาทางสานสัมพันธ์กับหนุ่มที่หมายตาในเวลาอันสั้นไม่ออกบ่นลอยๆ
“อะไรกันยะ บ่นแบบนี้แสดงว่ากำลังมีความรักใช่ไหมเนี่ย เมื่อไหร่กับใครยังไง ทำไมฉันตกข่าว” ฟ้ารุ่งคะยั้นคะยอถามอย่างอยากรู้
“ก็...เพิ่งเจอวันนี้แหละ แต่ฉันจริงจังนะแก ฉันอยากสมหวังอะ” ลดาบอกเพื่อนเสียงอ้อนระคนเขินเล็กๆ
“วันนี้!” ฟ้ารุ่งอุทานเสียงหลง แล้วรีบถามต่อ “ผู้ชายโชคร้ายคนนั้นเป็นใครวะ” แม้ปากจะแอบกัดเพื่อนเล็กๆ แต่น้ำเสียงที่ถูกส่งผ่านมานั้นก็มีความตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย
“ปากเสีย” ลดาสวนขึ้นทันควัน แต่ไม่ได้โกรธอะไร รู้ว่าที่เพื่อนพูดมานั้นก็แค่แหย่เล่นเท่านั้นเอง
“อะ โชคดีก็ได้ นานๆ แกจะสนใจผู้ชายก่อน ว่าแต่กี่ปีแล้วเนี่ยที่แกไม่มีแฟน เลือกอยู่นั่น” ฟ้ารุ่งแกล้งบ่น เพราะแม้ลดาจะไม่ใช่ผู้หญิงที่สวยจัด แต่ก็อยู่ในขั้นที่ใช้ได้มองไม่เบื่อ มีผู้ชายแวะเวียนมาขายขนมจีบบ้าง แต่นางก็ยังไม่คิดจะตกลงปลงใจกับใครเสียที ทั้งที่แฟนคนล่าสุดที่เลิกรากันไปจากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็สองปีกว่าแล้ว ถามเมื่อไหร่จะมีคนใหม่คำตอบที่ได้ก็คือยังไม่มีใครโดนใจ สงสัยคนนี้จะโดนเข้าจังๆ ถึงกับออกอาการคลั่งขนาดนี้ ว่าแล้วก็อยากรู้ “แล้วผู้ชายคนนั้นเป็นใคร แกยังไม่ได้บอกฉันเลย เผื่อช่วยได้”
“เพื่อนพ่อ”
“อุต๊ะ!” ฟ้ารุ่งอุทานเสียงหลง “เล่นรุ่นใหญ่ นัวละทีนี้”
“ใช่ รุ่นนี้มันต้องนัวมากแน่ๆ” พูดแล้วก็ปิดปากหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ
“แล้วจะได้กินเขาเหรอ รุ่นนี้ถ้าเขาไม่สน จ้างก็ไม่แลเด็กอย่างแกหรอก” ฟ้ารุ่งไม่คิดห้ามหรอกหากเพื่อนจะชอบผู้ชายรุ่นใหญ่ แต่ปัญหามันอยู่ที่อีกฝ่ายจะชอบเด็กที่อายุห่างกันหลายๆ ปีอย่างเพื่อนเธอหรือเปล่านี่สิ ผู้ชายอายุเยอะๆ ใช่จะสนใจสาวเอ๊าะๆ เสมอไป
“นั่นแหละปัญหา เขามางานรับปริญญาฉัน พรุ่งนี้ก็จะกลับฟาร์มแล้ว ฉันจะทำยังไงดี อยากสานสัมพันธ์กับเขาต่อ จะบอกพ่อก็ไม่ได้กลัวโดนด่า มีเวลาแค่คืนนี้เอง”
“เป็นเจ้าของฟาร์มเหรอ ฟาร์มอะไร” ฟ้ารุ่งถามอย่างสนใจ
“ฟาร์มม้า”
“จะไปยากอะไร เขาไม่อยู่แกก็ไปหาเขาดิ ไปเที่ยว อ้างว่าอยากเห็นม้า เห็นวัวเห็นควายอะไรแกก็อ้างไปดิจริงไหม” ฟ้ารุ่งแนะนำ และมันก็เหมือนเปิดทางที่มืดมนของลดาให้สว่างไสว
“จริงด้วย เฮ้ย! ขอบใจมาก ทำไมฉันกับยายแป๋มคิดไม่ออกวะ” ลดาตอบกลับด้วยน้ำเสียตื่นเต้นดีใจ ในที่สุดก็หาวิธีได้แล้ว บุญของเธอจริงๆ ที่มีเพื่อนอย่างฟ้ารุ่งและปฐมาที่รู้ใจคอยให้ความช่วยเหลือมาโดยตลอด
“มันสมองมันต่างกันย่ะ” ได้ที่ฟ้ารุ่งก็พูดข่มเพื่อนเสียหน่อย
“จ้า นาทีนี้ฉันอารมณ์ดีจะพูดอะไรก็เชิญ แต่ถ้าอยากพูดมากกว่านี้เอาไว้เจอกันค่อยพูดนะ ตอนนี้ขอไปวางแผนขอพ่อไปเที่ยวที่ฟาร์มอาธันน์ก่อน”
“โอเค ได้ผลยังไงแจ้งด้วย”
“จ้า บ๋ายบาย” ลดาวางสายจากฟ้ารุ่งแล้วรีบออกไปหาปฐมาที่หน้าบ้านเพื่อคุยเรื่องจะขอคนเป็นพ่อไปเที่ยวที่ฟาร์มของธันน์อย่างไรดีไม่ให้ดูน่าเกลียด และผลสรุปจากที่นั่งกินไปปรึกษากันไปก็คือขอเป็นของขวัญในวันรับปริญญา ซึ่งเป็นเหตุผลที่ดูเข้าท่ามากที่สุดในตอนนี้
ดังนั้นเมื่องานเลี้ยงจบ ทุกคนก็แยกย้ายกันกลับบ้านยกเว้นธันน์ที่ต้องพักที่นี่หนึ่งคืนก่อนที่พรุ่งนี้เขาจะเดินทาง หลังจากที่ช่วยกันเก็บกวาดล้างถ้วยชามเคลียร์ ลดาที่ยังไม่ได้ขอบุพการีเรื่องไปเที่ยว เมื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมเข้านอนจึงเดินมาที่ห้องนั่งเล่น เมื่อเห็นคนเป็นพ่อนั่งดูโทรทัศน์อยู่จึงตรงดิ่งเข้าไปหาทันที
“แม่นอนแล้วเหรอคะ” เธอเริ่มเปิดการสนทนา
“อื้อ แล้วนี่เรายังไม่นอนอีกเหรอ” ลภชัยถามพลางเอี้ยวตัวหันมามองลูกสาวที่อยู่ในชุดนอนยิ้มๆ
“ยังค่ะ แล้วพ่อล่ะคะ” ถามพลางทรุดตัวลงนั่งข้างๆ
“ว่าจะดูบอลน่ะ”
“ดูคนเดียวเหรอคะ” เธอถามพลางกวาดสายตามองหาใครอีกคน
“เปล่าดูกับไอ้ธันน์ แต่มันไปอาบน้ำ เดี๋ยวก็คงลงมา”
ลดาพยักหน้ารับรู้ และคิดว่านี่เป็นโอกาสเหมาะที่เธอน่าจะคุยเรื่องอยากขอไปเที่ยว ก่อนที่เจ้าของฟาร์มจะมา
“เอ่อ...”
“หือ...” ลภชัยครางรับและหันมาเลิกคิ้วมองรอฟังว่าลูกสาวจะพูดอะไรต่อ
“ไม่มีอะไรค่ะ” ลดายิ้มแหยๆ แล้วแสร้งทำเป็นดูโทรทัศน์ เอาเข้าจริงๆ เธอก็ไม่รู้จะเริ่มต้นพูดยังไงกลัวจะเผลอแสดงพิรุธออกมา แต่มาถึงขั้นนี้จะถอยก็คงไม่ได้ ลดาสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ให้ใจที่เต้นโครมๆ สงบลง แล้วหันไปหาคนเป็นพ่ออีกครั้ง “พ่อคะ...”
“อะไร” ลภชัยหันมามองลูกสาวที่มีท่าทีแปลกๆ เหมือนอยากจะพูดอะไรแต่ก็ไม่ยอมพูดสักทีขำๆ
“เปล่าค่ะ” ลดาปฏิเสธเสียงแผ่วอีกครั้ง แล้วลุกขึ้นจะเดินหนีกลับไปตั้งหลัก แต่เมื่อคิดว่าถ้าไปแล้วธันน์ลงมาและดูบอลยาว เธอจะเอาเวลาไหนไปคุยกับคนเป็นพ่อล่ะ คิดได้อย่างนั้นถึงถอยหลังกลับมานั่งที่เดิม
“มีอะไรทำตัวผลุบๆ โผล่ๆ อ้ำๆ อึ้งๆ อยู่นั่น อยากได้อะไร” ลภชัยถามลูกสาวเสียงกลั้วหัวเราะ
“พ่อรู้เหรอคะ” เธอถามหน้าตาตื่น
“ลุกลี้ลุกลนขนาดนี้ไม่รู้ได้ไง อยากได้อะไรว่ามา” คนเป็นพ่อถามย้ำแล้วหัวเราะเมื่อเห็นท่าทีเขินๆ ของลูกสาวเมื่อรู้ว่าโดนจับได้
“คือ...ไหนๆ ก็เรียนจบแล้ว...” ลดาขยับเข้าไปเกาะต้นแขนของคนเป็นพ่อแล้วซบศีรษะลงที่ไหล่กว้างของท่านอย่างออดอ้อน “และที่ผ่านมาลดาก็ตั้งใจเรียนไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง ถ้าจะขออะไรบางอย่างเป็นของขวัญวันเรียนจบพ่อจะให้ไหมคะ” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองคนเป็นพ่อตาปริบๆ
“ก็...ถ้าให้ได้นะ” ลภชัยบอกยิ้มๆ ยกมือขึ้นโยกศีรษะได้รูปของลูกสาวอย่างเอ็นดู
“ให้ได้สิคะ ถ้าพ่อจะให้” ลดาขยับตัวลุกขึ้นนั่งอย่างกระตือรือร้นพร้อมกับคว้ามือของคนเป็นพ่อมาเขย่า
“อะไร ลองว่ามาซิ”
“เพื่อนพ่อค่ะ”
“ฮ๊า!” ลภชัยอุทานเสียงหลง หันขวับมามองลูกสาวทันที นั่นทำให้ลดารู้ตัวว่าตัวเองเผลอปากไว จึงรีบพูดแก้ตัวเป็นพัลวัน “ตกใจอะไรคะ ลดาหมายถึงอยากไปเที่ยวฟาร์มของเพื่อนพ่อน่ะค่ะ”
เมื่อคนเป็นพ่อพยักหน้าเหมือนไม่ติดใจอะไรทำให้ลดายิ้มแหยๆ แล้วแอบถอนหายใจ ปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วพูดต่อ “ได้ไหมคะ ลดาอยากไปพักผ่อนในที่ที่อากาศดีๆ สดชื่นๆ ใกล้ชิดธรรมชาติ มันจะได้ผ่อนคลายเต็มที่ และฟาร์มม้าของอาธันน์ลดาคิดว่ามันก็น่าจะโอเคนะคะ”
“มันก็ได้อยู่ แต่คิดยังไงอยากไปเที่ยวฟาร์มม้า มันอยู่ไกลมากนะ แถวภาคอีสานนู่นเลย นั่งรถอย่างน้อยๆ ก็ห้าถึงหกชั่วโมง” ลภชัยถามอย่างสงสัย เพราะปกติถ้าพูดถึงเรื่องไปเที่ยวลูกสาวของเขามักจะเอ่ยถึงทะเลมากกว่าที่ไหนๆ หรือไม่ก็ที่ไหนก็ได้ที่ใกล้ๆ ใช้เวลาเดินทางไม่นาน
“ก็ลดายังไม่เคยเห็นม้าตัวเป็นๆ ใกล้ๆ นี่คะ อีกอย่างขึ้นชื่อว่าฟาร์มมันก็ต้องสวยและอากาศดีเหมือนฟาร์มที่ลดาเห็นในทีวีแน่ๆ เลยใช่ไหมคะ” ลดาหาเหตุผลขึ้นมากล่าวอ้าง
“ก็คงงั้นแหละเพราะไอ้ธันน์มันปรับปรุงเป็นแหล่งท่องเที่ยวแถมมีรีสอร์ตเล็กๆ ให้นักท่องเที่ยวได้พักด้วย” ลภชัยพูดถึงฟาร์มของเพื่อนที่เปลี่ยนแปลงไปมาก จากเดิมที่เป็นฟาร์มเลี้ยงม้าไว้เพื่อเพาะพันธุ์ขายเท่านั้น แต่ด้วยพิษเศรษฐกิจและหลายๆ อย่างการทำเพื่อการค้าอย่างเดียวไปไม่รอด ธันน์จึงแก้ไขด้วยการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และเรียกได้ว่าเดิมพันชะตาของฟาร์มไว้กับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เลยว่า จะรอดหรือร่วง แต่ดูเหมือนผลประกอบการที่เปลี่ยนฟาร์มม้าเป็นแหล่งท่องเที่ยวควบคู่ไปกับการขายม้าพันธุ์ดีของธันน์จะไปได้สวย
“ลดาอยากไป คุณพ่ออนุญาตนะคะ” เธอคะยั้นคะยอ
“แล้วลดาจะไปกลับใครล่ะ ช่วงนี้พ่อยังไม่ว่างนะ” คนเป็นพ่อถามอย่างเป็นห่วง
“ลดาขอไปพร้อมอาธันน์เลยได้ไหมคะ ขากลับค่อยกลับเองก็ได้ นะคะ”
“จะไปกับเขา ขอเจ้าตัวหรือยังล่ะ”
“คุณพ่อขอให้หน่อยสิคะ นะคะ” หญิงสาวออดอ้อน
“มันจะกลับพรุ่งนี้แต่เช้า เตรียมตัวทันเหรอ”
“ทันค่ะ ว่าแต่พูดอย่างนี้แสดงว่าพ่ออนุญาตใช่ไหมคะ” ลดาถามอย่างตื่นเต้น เปิดยิ้มกว้างรอคำตอบยืนยันจากปากของคนเป็นพ่ออีกด้วย
“เห็นว่าลดาเป็นเด็กดีหรอกนะ”
“เย้ๆ” หญิงสาวลุกขึ้นกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจ จากนั้นก็โผเข้ากอด หอมแก้มซ้ายแก้มขวาคนเป็นพ่ออย่างเก็บอาการเอาไว้ไม่อยู่ มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ท่านทักนั่นแหละ
“อะไร ดีใจขนาดนั้นเลยเหรอ” ลภชัยถามเสียงกลั้วหัวเราะ ไม่เคยเห็นลูกสาวดีใจที่ได้ไปเที่ยวขนาดนี้มาก่อน กับการเรียนจบหรือรับปริญญาก็ยังดูไม่ดีใจเท่านี้เลย
“ก็...นานๆ จะได้ไปเที่ยวนี่คะ” ลดาแก้ตัวเขินๆ
“ถึงพ่อจะอนุญาตแต่ถ้าเจ้าของสถานที่เขาไม่โอเคก็อดน่ะ”
“ค่ะ” ลดาตอบรับเสียงหนักแน่น ก่อนสีหน้าจะหม่นลงเมื่อคิดว่าถ้าเกิดธันน์ไม่อนุญาตอย่างที่คนเป็นพ่อว่า เธอจะทำยังไงดี แอบขึ้นไปซ่อนตัวในรถก่อนเขาออกเดินทางเลยดีไหม หรือจะเอาความดราม่าเข้ามาช่วย ร้องห่มร้องไห้ปานจะขาดใจให้เขาสงสาร หญิงสาวคิดหาวิธีจนไม่รู้ว่าคนที่จะตัดสินว่าเธอได้ไปหรือไม่นั้นมาแล้ว จนกระทั่งคนเป็นพ่อสะกิด
“คะ”
“อาเขามาแล้ว” ลภชัยพยักพเยิดบอกลูกสาว
“ว่าไง แล้วนี่เราไม่เมาแล้วนะ” ธันน์ถามหญิงสาวที่นั่งหน้าแป้นแล่นข้างๆ เพื่อนรักแล้วกดยิ้มเมื่อเห็นหญิงสาวทำหน้าเหวอ
“นี่ลดาแอบกินเบียร์เหรอ ตอนไหน ทำไมพ่อเห็นเรากินแต่เป๊บซี่” ลภชัยถามแล้วก้มไปดมหากลิ่นแอลกอฮอล์จากตัวลูกสาว “กินพ่อไม่ว่านะ แต่อย่าเยอะจนไม่มีสติ เราเป็นผู้หญิงถ้ากินมากจนเมามายมันอันตราย” เขาเตือนลูกสาวอย่างไม่จริงจังนัก แม้จะไม่ได้กลิ่นแอลกอฮอล์จากลูกสาวเลย ทั้งนี้อาจเป็นเพราะไม่ได้ดื่มเยอะและอาบน้ำแล้ว กลิ่นที่มีเพียงเล็กน้อยจึงถูกชะล้างไป
“ค่ะ” ลดารับคำเสียงแผ่ว ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นไปสบตาอย่างกลัวว่าจะโดนจับได้
“แล้วตกลงมีอะไรจะบอกอา” ธันน์ถามพลางเลิกคิ้วมองหญิงสาวคราวลูกที่ก้มหน้างุดอยู่ข้างๆ เพื่อนรัก
“เอ่อ...พ่อ” เมื่อตัวเองไม่กล้าเอ่ยปากจึงโยนไปให้คนเป็นพ่อทันที
“อยากไปก็ขอเองสิ” แต่คนเป็นพ่อกลับโยนคืนซะงั้น
“เอ่อ...คือ...เอ่อ...ลดาเอ่อ...”
“เอ่อ อยู่นั่นแหละ แค่บอกว่าอยากไปเที่ยวที่ฟาร์มมันยากตรงไหน” ลภชัยบ่นลูกสาวติดจะรำคาญ ที่มัวแต่อ้ำๆ อึ้งๆ ไม่ยอมพูดสักที
“ก็ลดาไม่กล้านี่” ลดาแย้งคนเป็นพ่อเสียงแผ่ว เหลือบตาขึ้นมองเพื่อนพ่อแล้วส่งยิ้มอายๆ ไปให้ พร้อมกับถามย้ำต่อจากคนเป็นพ่อที่ได้บอกในสิ่งที่เธออยากจะบอกแต่ไม่กล้าออกไปแล้ว “ก็อย่างที่พ่อว่ามานั่นแหละค่ะ คุณอาว่ายังไงคะ ลดาไปได้ไหมคะ”
“เรื่องไปเที่ยวอาไม่มีปัญหาหรอกนะ แต่ต้องบอกเอาไว้ก่อนว่า อาอาจจะไม่มีเวลาดูแลเทคแคร์เราเท่าไหร่” ธันน์ต้องบอกเอาไว้ล่วงหน้าจะได้ไม่เคืองกันทีหลังถ้าไปแล้วเขาดูแลหญิงสาวไม่ได้เท่าที่ควร
“ไม่มีปัญหาค่ะ ลดาดูแลตัวเองได้” หญิงสาวตอบรับเสียงแข็งขัน ตอนนี้ขอแค่ให้ได้ไปจะยังไงก็ได้
“แล้วจะไปสักกี่วันล่ะ”
“เอ่อ...ยังไม่รู้เลยค่ะ” ลดาตอบพร้อมกับหันไปมองคนเป็นพ่อเพื่อขอความเห็น “ไปได้นานสุดแค่ไหนคะ” ถามแล้วก็รอลุ้น ภาวนาให้ท่านอนุญาตสักหลายๆ วันหน่อย เป็นเดือนได้ยิ่งดี เพราะยังไม่รู้เลยว่าจะต้องใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะทำให้ผู้ชายรุ่นราวคราวพ่อมาสนใจ
“อาทิตย์หนึ่งพอมั้ง จะได้กลับมาหางานทำ” ลภชัยเสนออย่างคิดว่าน่าจะเป็นระยะเวลาที่เหมาะสมที่สุด ไม่น้อยและไม่มากจนเกินไป
“ได้ค่ะไม่มีปัญหา” แม้จะผิดหวังเล็กๆ แต่ลดาก็ไม่คิดจะแย้ง เพราะบุพการีของเธอก็ไม่ได้ร่ำรวยมากจนจะสามารถปล่อยให้ลูกสาวที่เรียนจบแล้วไปเตร็ดเตร่ได้นานเป็นเดือน
“อาจะออกเดินทางตอนสักหกโมงเช้า เลทสุดก็ไม่เกินเจ็ดโมง ทันนะ” ธันน์บอกกำหนดการของตัวเอง
“เหลือเฟือค่ะ ถ้าอย่างนั้นลดาขอตัวไปเก็บของก่อนนะคะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ”
“เดี๋ยวๆ ๆ” ลภชัยกวักมือเรียกลูกสาวที่กำลังจะเดินผละออกไป “บอกแม่หรือยัง”
“ก็ว่าจะแวะไปบอกนี่แหละค่ะ” ลดาบอกอย่างไม่เป็นกังวลเพราะรู้ดีว่าท่านนั้นว่าง่าย ถ้าคนเป็นพ่อว่าดีหรืออนุญาตมีน้อยครั้งมากที่จะค้าน
“ถ้าโดนห้ามพ่อจะหัวเราะให้ฟันโยกเลยคอยดู”
“เมื่อถึงตอนนั้นพ่อนั่นแหละค่ะที่ต้องช่วยลดา และต้องช่วยให้ได้ด้วย” พูดจบลดาก็หันไปยิ้มเขินๆ ให้กับธันน์แล้วรีบเดินหนีพร้อมกับกุมแก้มที่ร้อนผ่าว เมื่อคิดว่าตัวเองเหมือนจะเผลอออกตัวเรื่องอยากไปเที่ยวที่ฟาร์มของชายหนุ่มมากเกินไปแล้ว