เส้นทางข้างหน้า
ตอนที่ 3
เส้นทางข้างหน้า
“หลังจากนี้เราสองคนก็จะเหลือยอดหนี้แค่เพียง 200,000 บาทซึ่งผมคิดว่าไม่นานคุณก็คงจะหามาใช้ได้”
วีระพูดด้วยสายตาที่ชื่นชมเมื่อลูกเขยสามารถนำเงินจำนวนหลายล้านบาทมาใช้หนี้ให้กับเขาได้ภายในระยะเวลาที่ยังไม่ถึง 1 ปี
“ผมต้องขอบคุณในทุกสิ่งทุกอย่างที่ช่วยผม ช่วยให้คนงานในไร่มีชีวิตความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น วันนี้ผมโชคดีที่ได้ลูกค้าชาวจีนมาช่วยรับซื้อผลผลิตจากไร่ของเราเซ็นสัญญาเป็นเวลา 10 ปีแต่ผมก็ไม่ลืมว่าทุกสิ่งทุกอย่างก็เกิดจากการที่ท่านให้โอกาสให้เงินจำนวนนี้ไปซื้อที่ดินเพิ่ม”
เกวลินนั่งฟังพ่อและสามีของเธอคุยกันแต่ทั้งคู่ก็ไม่ยังไม่มีใครพูดถึงข้อตกลงระหว่างเธอกับวายุว่าต่อไปจะเป็นอย่างไร
“ลูกไปเอาของว่างที่แม่บ้านเตรียมไว้มาให้พ่อกับวายุกินหน่อยสิ”
เกวลินรู้ได้ทันทีว่าพ่อของเธอต้องการให้ลุกออกไปจากตรงนี้ เขาคงมีเรื่องบางอย่างที่เกี่ยวกับข้อตกลงที่อยากจะคุยกับวายุและไม่ต้องการให้เธอได้ยิน
“แล้วทำยังไงเราถึงจะรู้ได้”
หญิงสาวผู้ไม่เคยกล้าขัดคำสั่งพ่ออยากรู้ในข้อตกลงที่เกี่ยวกับชีวิตของตัวเองแต่เธอก็กล้าๆกลัวๆเกินกว่าที่จะถามออกไป หลายครั้งที่เกลวลินรู้สึกว่าในเมื่อมันเป็นชีวิตของเธอแล้วเธอจะกลัวอะไรแต่แค่เพียงกำลังจะเผยอปาก ใจของเธอก็เต้นแรงความรู้สึกมันบอกว่าเธอยังไม่พร้อม
“เดินทางกลับกันดีๆไว้พ่อจะขึ้นไปหาที่ไร่อีก”
วีระใช้มือลูบลงไปที่ผมของลูกสาวแบบเอ็นดู แววตาของเขาที่มองมายังเกวลินมันดูเศร้าซึ่งหญิงสาวเองก็สัมผัสได้มันยิ่งทำให้เธอรู้สึกได้ว่าความรู้สึกและแววตาของบิดาตอนนี้มันต้องเกี่ยวข้องกับสัญญาการแต่งงานระหว่างเธอกับวายุ
“ถ้าคุณใช้หนี้หมดจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างเราคะ”
เกวลินตัดสินใจถามเมื่อรถขับออกนอกตัวกรุงเทพฯมันอึดอัดจนเธอทนไม่ไหวไม่ว่าสิ่งที่ได้ยิน มันจะเป็นอย่างไรสุดท้ายมันก็คือเรื่องจริงที่เธอต้องยอมรับ
“จุดเริ่มต้นของเรามันก็ไม่ได้เกิดจากความต้องการของเราสองคนอยู่แล้ว ชีวิตทั้งคุณและผมก่อนหน้าที่เราจะมาอยู่ด้วยกันมันก็คงจะมีจุดหมายปลายทางกันคนละแบบผมเหลือหนี้ที่ติดค้างพ่อของคุณอีก 200,000 บาท เมื่อไหร่ที่ใช้หนี้ได้จนหมดสัญญา เรื่องของเราก็เป็นอันจบลง ที่จบคือสัญญาแต่สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้มันก็คงเหมือนคู่สามีภรรยาอื่นๆที่เราจะต้องตัดสินใจกันเอง แต่ผมคิดว่าการที่ผัวเมียจะอยู่ด้วยกันได้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรแต่สิ่งที่สำคัญคือความรู้สึก ถ้ามันไม่ได้มี มันไม่ได้รัก มันก็คงไม่มีทางใดดีกว่าต่างคนต่างไป”
คนขับตอบโดยไม่แม้แต่จะมองสบตาคนข้างๆวายุมั่นใจว่าสิ่งที่เขาพูดออกไปมันคือความจริงและหวังว่า หญิงสาวคงเข้าใจในความหมายของเขาเพราะตัวเขาเองก็คิดว่าความรู้สึกคือสิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้สามีภรรยาอยู่ด้วยกันได้ เขาเองรู้ความรู้สึกของตัวเองดีถึงแม้จะยังไม่มีคำตอบว่าต่อไปจะเป็นอย่างไรแต่ที่เขาไม่รู้คือความรู้สึกหัวใจของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาเพราะถึงแม้เธอกับเขาจะอยู่ด้วยกันมาเกือบครึ่งปีแล้วแต่ก็ยังไม่เคยมีใครก้าวล้ำเส้นข้อตกลงในใจไปได้ หลายครั้งที่วายุรู้สึกเหมือนว่าเกวลินอยู่กับเขาเพียงเพราะต้องการทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุดซึ่งเขาเองก็ตอบแทนด้วยการทำหน้าที่สามีที่ดีที่สุดเช่นกัน
“จอดก่อนค่ะ”
อาการแพ้ท้องและความเครียดที่สะสมมาตลอด หลายวันทำให้เกวลินต้องรีบลงจากรถลงไปอาเจียนที่ข้างถนนโดยมีชายหนุ่มคนขับรีบตามเป็นลูบหลังด้วยความเป็นห่วง
“ผมจะพาคุณไปหาหมอ คุณก็บอกว่าดีขึ้น ดีขึ้น แบบไหนถึงเป็นแบบนี้ เดี๋ยวข้างหน้าถ้าเราเจอในเมืองผมจะพาคุณแวะหาหมอคราวนี้ก็ไม่ต้องหาเหตุผลอะไรมาแล้วนะ”
เกวลินพยายามคิดหาทางออกเพราะในเมื่อเธอยังไม่เข้าใจในสิ่งที่ชายหนุ่มพูดกับเธอเมื่อสักครู่ เธอก็จะยังคงเก็บความลับนี้ไว้
“เกวอยากเข้าไปคนเดียว”
หญิงสาวเลือกที่จะเดินเข้าไปที่ห้องตรวจเพียงคนเดียว เธอขอร้องไม่ให้คุณหมอบอกกับญาติที่มาด้วยว่าเธอเป็นอะไร
“อาหารเป็นพิษค่ะไม่มีอะไรต้องเป็นกังวล เกวเองก็กินอะไรไปเรื่อยช่วงนี้ก็ชอบกินผลไม้เปรี้ยวๆส้มตำคุณหมอบอกว่าอาหารพวกนั้นมันทำให้เกิดอาการคลื่นไส้และท้องเสียได้ค่ะ”
เกวลินรีบเก็บยาที่ทางคลินิกให้ใส่กระเป๋าเพราะ ไม่อยากให้ชายหนุ่มสงสัยแต่ท่าทางของเธอมันกลับยิ่งทำให้คนขับคิดว่าสิ่งที่เธอพูดไม่เป็นความจริง
วายุตัดสินใจที่จะแอบถ่ายรูปยาของหญิงสาวที่เพิ่งได้มาเมื่อตอนที่เธอลงไปเข้าห้องน้ำในปั๊ม เขาตั้งใจว่าถ้ามีโอกาสได้เจอกับเพื่อนที่เป็นเภสัชกรเขาจะลองถามดูว่ายาพวกนี้เกี่ยวข้องกับอาการอาหารเป็นพิษไหม
ตลอดทางที่ทั้งคู่กำลังเดินทางกลับไปที่ไร่ลมหนาวเกวลินมองทอดสายตาไปยังนอกหน้าต่าง พยายามคิดทบทวนคำพูดของวายุว่าเขากำลังหมายความว่าอะไร สิ่งที่เธอพอจะจับใจความได้คือการที่หญิงและชายจะอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวมันต้องเกิดจากความรู้สึกที่ออกมาจากหัวใจแต่หญิงสาวไม่เข้าใจว่าจริงๆแล้วเขามีความรู้สึกอย่างไรให้เธอ ส่วนตัวเธอเองมันอาจไม่ได้เรียกว่าความรักแต่มันเป็นความผูกพันเธอมีความสุขเธอเคยชินกับการที่มีเขาอยู่ ข้างกาย จนไม่รู้ว่าถ้าจะต้องกลับไปอยู่กรุงเทพฯแล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่เธอจะนับหนึ่งไปได้อย่างไรถ้าข้างกายไม่มีเขาอยู่ ถึงแม้เธอจะต้องการแบบนั้นแต่เธอก็ไม่เคยลืมว่าความสัมพันธ์ของเธอกับเขาเกิดจากสัญญาข้อตกลงแล้วมันคงเป็นการใจร้ายมากถ้าเธอจะเหนี่ยวรั้งเขาไว้เพียงเพื่อความสุขของตัวเองเพียงคนเดียว