มันเป็นช่วงเวลาที่มีค่า
ตอนที่ 4
มันเป็นช่วงเวลาที่มีค่า
“คุณเรียนจบอะไรมา”
วายุถามขึ้นในขณะที่เขากำลังนั่งกินสลัดโรลฝีมือของภรรยาที่เขาชอบสั่งให้เธอทำ เพราะนอกจากจะเป็นเมนูสุขภาพมันยังเป็นอาหารจานโปรดของเขาด้วย
“เกวเรียนจบด้านภาษามาค่ะ” คนตอบเริ่มรู้สึกได้ว่าสามีของเธอต้องมีอะไรมากกว่าแค่เพียงอยากรู้
“ตอนเรียนจบคุณมีความฝันว่าอยากจะเป็นอะไร”
“แอร์โฮสเตสค่ะ”
เจ้าของไร่สองมือกุมกันยกมันขึ้นมาวางไว้ใต้คางมองสบตาหญิงสาวตรงหน้าหน้าผากย่นแสดงถึงความจริงจัง
“การที่เราต้องแต่งงานกันทำให้คุณไม่มีโอกาสได้ทำตามความฝัน พรุ่งนี้ผมจะโอนเงินจำนวน 200,000 บาทไปให้พ่อของคุณ แอร์โฮสเตสความฝันของคุณรออยู่นะ คุณมีอิสระแล้วที่จะไปทำมันให้สำเร็จ”
วายุส่งยิ้มด้วยแววตาที่เหมือนคนกำลังร้องไห้ส่งผ่านไปยังคนตรงหน้าเหมือนต้องการจะสื่ออะไรบางอย่างที่ ทุกอย่างมันดูตรงข้ามกันไปหมด
“คุณอยากให้เกวไปจากที่นี่ใช่ไหมคะ”
“ผมอยากให้ทุกคนมีโอกาสได้ทำตามความฝัน ผมอยากให้ทุกคนได้มีความสุขกับเส้นทางที่ตัวเองเลือก”
วายุเลือกที่จะไม่รอฟังคำพูดใดๆ สำหรับเขาทุกอย่างที่พูดออกไปมันคือความจริงใจ มันไม่สำคัญว่าเขาจะรู้สึกอย่างไรกับเธอแต่สำหรับเขาสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการอยู่ตรงนี้ของเกวลินมันใช่ความฝันของเธอไหมและเธอมีความสุขอยู่หรือเปล่า
“พรุ่งนี้เกวขอไปไร่ด้วยนะคะ”
เกวลินลุกยืนพูดเสียงดังตามหลังสามีไปโดยที่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงต้องพูดแบบนั้นทั้งที่ปกติแล้วหญิงสาวไม่ค่อยจะขอตามไปที่ไร่เพราะเธอมีงานบ้านที่ต้องทำมากมายแต่จากคำพูดของเขามันทำให้หญิงสาวรู้สึกเหมือนเธออยากใช้ทุกเวลาทีนับจากนี้อยู่กับเขาให้ได้มากที่สุด
“อีกไม่นานเกวก็จะได้เห็นแล้วใช่ไหมคะว่าส้มทุกต้นออกลูกไร่ของเราจะสวยขนาดไหน”
เกวลินพยายามชวนสามีพูดขณะที่ทั้งคู่ขับรถมาถึงที่ไร่ส้มที่อยู่ห่างจากบ้านของเธอเกือบ 50 กิโลเมตร
“อีกเกือบปีกว่าที่ส้มพวกนี้จะออกผล คุณอาจจะไม่ได้เห็นมันแต่ผมจะส่งรูปไปให้ดูนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะเกวคิดว่ารูปภาพคงไม่สวยเท่าของจริง เกวจะมาดูมันด้วยตาของตัวเองเอง”
หญิงสาวรู้สึกได้ว่าเหมือนอีกฝ่ายกำลังจะบอกว่าอีกไม่นานเธอต้องไปจากที่นี่ส่วนตัวเธอเองก็เหมือนกับผู้หญิงที่หน้าด้านไร้ความรู้สึกตอบเขาไปให้รู้ว่าเธอจะยังอยู่ตรงนี้อยู่ในวันที่ส้มกำลังออกผล
คนขับลงไปทักทายกับคนงานในไร่ สาวน้อยที่นั่งข้างๆใช้มือลูบลงไปที่ท้อง เธอส่งผ่านความรู้สึกทุกอย่างไปถึงอีกหนึ่งชีวิตว่าเธอจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เธอจะยื้อเวลาที่เธอกับเขาจะอยู่ด้วยกันให้มันนานเท่าที่เธอจะทำได้ เกวลินอยากให้ลูกเกิดมาพร้อมหน้าแบบครอบครัวแต่หัวใจลึกๆก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าเธอจะทนแบบนี้ไปได้นานแค่ไหน ในเมื่ออีกฝ่ายเหมือนพยายามจะขับใส่ไล่ส่งแต่ตัวเธอเองก็เหมือนพยายามจะยื้อทุกอย่างไว้จนสุดหัวใจ
“ผมไปส่งคุณที่ห้างในเมืองจะซื้ออะไรก็เลือกได้เลยเดี๋ยวผมไปจ่ายเงินให้อีก 3 ชั่วโมงจะไปรับ ผมมีธุระต้องพาคนงานไปซื้อของที่ต้องใช้ คุณไปด้วยก็คงจะเบื่อจะได้มีเวลาไปเลือกซื้อหนังสือเห็นคุณบ่นว่าไม่ได้อ่านนิยายมาหลายวันแล้ว”
วายุขึ้นมานั่งบนรถเขาพาภรรยาขับไปส่งที่ห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในตัวจังหวัด เขาคิดว่ามันเป็นทางที่ดีที่สุดที่เธอจะได้มีโอกาสได้ผ่อนคลายได้เลือกซื้อของแต่มันตรงข้ามกับหัวใจของเกวลินเพราะตอนนี้เธอกำลังรู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่วายุกำลังทำเหมือนต้องการผลักเธอไปให้พ้นตัว
เกวลินใช้เวลาเดินเลือกซื้อของไม่นานแต่เธอทุ่มเวลาให้กับร้านหนังสือและหนังสือที่เธอไม่ลืมที่จะหยิบมาคือคู่มือสำหรับการดูแลทารกน้อยในครรภ์อะไรที่เกี่ยวกับคุณแม่ท้องที่ต้องดูแลตัวเอง หญิงสาวเลือกหนังสือนิยายขึ้นมาสองเล่มเพื่อใช้ปิดไม่ให้ชายหนุ่มเห็นว่าเธอกำลังเลือกซื้อหนังสือชนิดไหนกลับบ้าน
“คุณเกวครับคุณวายุประสบอุบัติเหตุตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล”
คนงานที่ไร่โทรศัพท์มาหาเกวลินเพื่อให้เธอรู้ว่าตอนนี้วายุเกิดอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์ล้มที่ไร่หลังจากที่เขาได้กลับไปเอาข้าวของที่คนงานซื้อไปเก็บก่อนที่จะมารับเธอหญิงสาวจึงต้องรีบเดินทางไปที่โรงพยาบาลโดยมีคนงานในไร่มาคอยรับ
“คนไข้ขาหักนะครับแล้วก็มีแผลเล็กๆน้อยๆทางโรงพยาบาลคงต้องขอให้พักอยู่ที่นี่สัก 2 คืนเพื่อดูอาการ”
คุณหมอที่ทำการรักษาบอกเล่าถึงอาการของคนป่วยซึ่งมันก็ช่วยให้เกวลินรู้สึกสบายใจขึ้นเพราะตั้งแต่เธอมาถึงที่โรงพยาบาลยังไม่มีโอกาสได้เจอกับวายุเลย
หญิงสาวตัดสินใจเป็นคนเฝ้าสามีของเธอที่โรงพยาบาลด้วยตัวเองแม่บ้านที่ไร่ลมหนาวทำหน้าที่จัดเตรียมเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวมาให้
“อย่าลืมเอายาที่อยู่ใต้หมอนมาให้ด้วยนะคะ”
วายุที่กำลังนอนอยู่บนเตียงนอนถึงแม้ว่าเขาจะหลับตาแต่ความจริงแล้วเขายังไม่ได้นอนหลับได้ยินสิ่งที่ หญิงสาวกำลังคุยโทรศัพท์กับแม่บ้านที่ไร่จึงทำให้เขาคิดขึ้นมาได้ว่าเขายังไม่ได้ถามเพื่อนที่เป็นเภสัชกรเลยว่ายาที่หญิงสาวได้จากคลินิกเป็นยาอะไรและอาการของเธอก็ยังดูเหมือนไม่ดีขึ้นหลายครั้งที่เขาสังเกตเห็นว่าเธอมีอาการคลื่นไส้และอ่อนเพลีย
ตลอดเวลาของการอยู่โรงพยาบาลเกวลินรู้สึกว่ามันเป็นช่วงเวลาที่มีค่า เธอกับเขามีโอกาสได้อยู่กันสองคน เธอทำหน้าที่เช็ดตัวให้สามีเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขา ทำทุกอย่างให้จนเธอรู้สึกได้ว่ามันเป็นช่วงเวลาที่แสนจะมีค่าที่ทำให้เธอกับเขาและลูกในท้องได้อยู่ด้วยกัน อย่างน้อยมันคงไว้ทดแทนเวลาของอนาคตที่เธอยังไม่รู้ว่าอีกนานไหมที่เธอกับเขาจะได้อยู่กันแบบนี้อีก