ตอนที่ 3 การกลับมา (02)
@ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
“เฮ้อออ~ วันนี้ลูกค้าเยอะจังเสิร์ฟแทบไม่ทัน” ร่างบางอรชรถอดผ้ากันเปื้อนออก พลางยกมือขึ้นปาดเหงื่อ เธอทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยท่าทางแสนเหน็ดเหนื่อย
“แหงสิ ก็วันศุกร์แห่งชาตินิ..หืม..แล้วเธอจะกลับเลยไหม สี่ทุ่มกว่าแล้วนะ” สายป่านเพื่อนสนิทของดารินยกนาฬิกาข้อมือเรือนน้อยขึ้นมาดู “เลทไปเกือบชั่วโมง แบบนี้ต้องได้ค่าโอทีเพิ่มละ”
“ลองขอผู้จัดการดูสิ ฮ่าาาา~”
ดารินทำงานส่งตัวเองเรียนโดยการเป็นลูกจ้างที่ร้านอาหารใกล้บ้าน เหลือแค่เทอมสุดท้ายชีวิตของเธอก็จะเป็นอิสระแล้ว ตั้งแต่คุณแม่และประมุขของบ้านจากไป ชีวิตของดารินก็พลิกผันเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ต้องทำงานส่งตัวเองเรียนตั้งแต่ยังเด็ก เพราะถ้าไม่ทำงานก็ต้องหยุดเรียน ดารินฮึดสู้กับชีวิต อีกแค่เทอมเดียวเท่านั้นกับชีวิตเด็กทุน
...ชีวิตที่เหมือนอยู่ตัวคนเดียวตั้งแต่แม่จากไป
รู้ดีว่าตัวเองเป็นแค่กาฝากของคฤหาสน์ นอกจากป้าเนียมแล้วที่นั่นไม่มีใครอยากให้เธออยู่เลย โดยเฉพาะคุณหญิง ดารินจึงตัดสินใจย้ายไปอยู่เรือนเล็กหลังคฤหาสน์แทน..เพื่อเฝ้ารอวันที่ใครบางคนกลับคืนมา
ด้วยความที่ร้านอาหารอยู่ไม่ไกลจากคฤหาสน์ เธอจึงปั่นจักรยานไปทำงานเพราะจะได้ประหยัดค่าเดินทาง ดารินเลือกเข้าประตูหลังคฤหาสน์เพราะอยู่ใกล้เรือนเล็ก จากนั้นก็รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเข้านอน
"เอ้ะ?" ทันใดนั้น สายตาก็เหลือบไปเห็นชั้นบนของคฤหาสน์กำลังเปิดไฟอยู่
ห้องนั้น...
ห้องที่ไม่ได้เปิดไฟมานานหลายปี หรือมีคนเข้าไปอยู่? คงเป็นไปไม่ได้ เพราะคุณสิงห์เป็นคนหวงห้องยิ่งกว่าสิ่งใด
ด้วยความอยากรู้อยากเห็นที่มีมากเกินไป ดารินค่อยๆย่องออกจากเรือนเล็กไปแอบอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ เห็นร่างของชายคนหนึ่งกำลังถอดเสื้อยืนหันหลังพิงหน้าต่าง
ตึกตัก~ตึกตัก~
หัวใจดวงน้อยเต้นโครมคราม
ตาฝาดใช่ไหม? มันไม่ใช่..เขาไม่มีทางกลับมาที่นี่!
แต่ทันใดนั้น..ดวงตากลมโตเบิกโพลงแทบไม่เชื่อสายตา และไม่คิดว่ามันคือเรื่องจริง เมื่อชายร่างสูงหันหน้าออกมาพ่นควันบุหรี่
ใช่จริงๆด้วย!!
คนที่เธอเฝ้ารอมานานแสนนาน เฝ้ารอเพื่อเอ่ยคำว่าขอโทษ เฝ้ารอว่าซักวันเขาจะกลับมาทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงอีกครั้ง!
ปึก!
“โอ้ยยย!!” แต่แล้วกิ่งไม้เจ้ากรรมก็ดันตกลงมาใส่หัวเธอ ทำให้ร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างบนโยนบุหรี่ทิ้งทันที
“นั่นใคร!”
“...” ไม่มีเสียงตอบ
“ฉันถามว่าใคร!!”
“...” เงียบ
ซักพักชายหนุ่มเห็นเงาของใครบางคนวิ่งออกจากใต้ต้นไม้ใหญ่ ด้วยความที่มันมืดมากจึงมองไม่เห็นว่าเป็นใคร แต่ก็พอจะเดาได้ว่าต้องเป็นคนรับใช้ที่อยู่ในเรือนเล็กหลังคฤหาสน์แน่ๆ เพราะที่นั่นเปิดไฟอยู่!
“กล้าดียังไงมาแอบดูฉัน!!” ร่างสูงหยิบเสื้อคลุมมาใส่แล้วตรงดิ่งยังไปเรือนเล็กทันที
ดารินวิ่งมาถึงเรือนเล็กรีบปิดประตูลงกลอนให้แน่นหนา หัวใจของเธอเต้นแรงจนหน้าอกข้างซ้ายสั่น
เขากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่!?
“หรือว่าเราตาฝาดไป”
คงไม่ใช่เขาหรอก เขาไม่มีทางกลับมา เธอก็แค่ตาฝาดเห็นคนอื่นเป็นผู้ชายที่อยู่ในหัวใจ
ปึง!ปึง!ปึง!
"อ้ะ!"
ทันใดนั้น! แรงเคาะจากฝีมือของใครบางคนสั่นสะเทือนจนร่างเล็กสะดุ้ง
“ใครอยู่ข้างใน!” ชายหนุ่มเคาะประตูเรียก แต่คนข้างในก็ไม่มีทีท่าว่าจะเปิด ทำให้เขารู้สึกโมโหเข้าไปอีก กล้าดียังไงมาเมินเฉยเจ้าของบ้าน! “ฉันถามว่าใครอยู่ข้างใน! เปิดประตูเดี๋ยวนี้!!”
“...”
"ก็ได้ งั้นพรุ่งนี้เห็นดีกัน!!"
เมื่อไม่มีทีท่าว่าคนข้างในจะเปิด คนตัวสูงจึงเดินกลับพร้อมความหงุดหงิด กลัวเสียงดังรบกวนการนอนของคนอื่น ไว้พรุ่งนี้ค่อยกลับมาดูใหม่ว่าในบ้านมันเป็นใคร กล้าดียังไงมาแอบดูเจ้าของบ้าน!
ร่างบางยืนหันหลังพิงประตูถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาไปแล้ว...
“ฟู้ววว~ เกือบไปแล้วไหมเรา”
ใจหนึ่งก็อยากเจอ แต่ใจก็ยังกลัว กลัวว่ามันจะกลับไปเป็นเหมือนอดีต..เมื่อสิบสองปีที่แล้ว
‘อิเด็กอ้วนมานั่งทำอะไรตรงนี้!’ เด็กชายลูกครึ่งไทย-ฮ่องกงเดินเข้ามากระชากผมเปียของเด็กหญิงร่างอ้วน
‘ออกไปเดียวนี้ยัยตัวเหม็น! อย่ามานั่งหน้าบ้านฉัน!!’เด็กชายพยายามผลักเด็กหญิงตกบันได เธอร้องไห้โฮยกใหญ่ แค่มานั่งรอแม่แต่กลับโดนลูกชายของเจ้าของบ้านไล่ แถมยังดึงทึ่งผมของเธอจนเจ็บหนังศีรษะ
‘ฮรื้อออ~ พี่สิงห์หนูเจ็บ’
‘หุบปากเดี๋ยวนี้นะยัยบ้า!!’ มือป้อมรีบปิดปากของเด็กหญิงทันที เด็กหญิงพยายามแกะมือออก แต่เด็กชายผลักเธอจนล้มตึง ส่งผลให้เด็กหญิงร้องไห้โฮหนักกว่าเดิม
‘ฮรื้อออ!! หนูเจ็บ! อึก..อย่าทำหนู~’
‘เกิดอะไรขึ้น! ตายแล้ว! สิงห์ทำอะไรน้อง!’ แม่ของเด็กชายเดินออกมาเห็นเข้าพอดี รีบวิ่งไปดึงเด็กหญิงตัวน้อยออกจากลูกชาย
‘สิงห์ทำอะไรน้อง บอกแม่มา!’
‘ไม่ได้ทำอะไรครับ’ เด็กน้อยโกหกหน้าตาเฉย ‘ยัยนี่เดินล้มเอง ไม่เกี่ยวกับผม’
‘ถ้าลูกไม่ได้แกล้งน้อง ผมคงไม่ยุ่งขนาดนี้’ ผู้เป็นแม่ลูบศีรษะเด็กหญิงเบาๆ ด้วยความสงสาร โดนลูกชายเธอแกล้งไม่เว้นวัน
‘เกิดอะไรขึ้นคะคุณหญิง!’ สาวใช้คนหนึ่งเดินผ่านมาเห็น รีบวิ่งเข้าไปกอดลูกสาวที่กำลังร้องไห้ไห้ฟูมฟาย
‘ไม่มีอะไรหรอกจ้า แค่เด็กเขาคงแกล้งกัน’
‘น้องรินทำอะไรคุณสิงห์หรือเปล่าคะ’ แม่ของดารินหันไปถามเด็กชายหน้าบูดบึ้งแสดงอาการไม่พอใจที่แม่ของตนเข้าข้างคนอื่น
‘ไม่ได้ทำอะไรครับ แต่ช่วยเอายัยนี่ออกไปจากบ้านผมที ทั้งสกปรกทั้งมอมแมม ผมกลัวเชื้อโรค!’
‘ตายแล้ว ทำไมสิงห์พูดแบบนี้!’ คุณหญิงแสงมณียกมือทาบอก ทำไมลูกชายของเธอคิดแบบนี้
‘ได้ค่ะ ดิฉันจะพารินกลับเรือนเล็กตอนนี้เลย ขอโทษคุณสิงห์ด้วยนะคะ ต่อไปดิฉันจะไม่ให้รินมาเจอคุณอีก’