บทที่ 6
‘เป็นเมืองที่แม่กับพ่อได้เจอกัน’
น้ำเสียงยามพูดถึงอดีตภรรยา ทำให้ตวงรักตื้นตันยิ่งนัก มารดาแท้ๆ ของเธอ อังรี เป็นชาวสวิสเซอร์แลนด์ เป็นมัคคุเทศก์เหมือนบิดาของเธอ ที่ทำงานอยู่กับการพาท่องเที่ยวประเทศที่สวยงามดินแดนแห่งหุบเขา และภูมิประเทศที่ขึ้นชื่อในด้านการท่องเที่ยว ทั้งคู่พบรักกันตกลงอยู่กินด้วยกัน อังรีตามสามีมาอยู่ที่เมืองไทย แต่เมื่อคลอดตวงรักได้ไม่เท่าไหร่ เธอก็ได้ตายจากไป เมธัสทำใจอยู่นาน จนเมื่อเขาพบรักใหม่คือผาณิต คุณครูสาวผู้ใจดี หญิงสาวที่เข้าใจพ่อหม้ายลูกติดอย่างเขา เธอไม่รังเกียจตวงรัก ออกจะรักลูกเลี้ยงมากด้วย เพราะเธอมีลูกไม่ได้เนื่องจากปัญหาเรื่องสุขภาพ ผาณิตจึงรักตวงรักราวกับลูกสาวแท้ๆ ของตัวเองเลยทีเดียว
หากแต่อย่างไรก็ตาม สักครั้งหนึ่ง ตวงรักก็เฝ้าฝันและอยากจะไปเห็นเมืองเกิดของมารดาสักครั้ง มันเป็นสิ่งที่เธอเก็บไว้ในส่วนลึกของหัวใจ ว่าอยากจะไปพบเจอกับเมืองที่ทำให้มารดาและบิดารักกัน จนทำให้ตวงรัก ถือกำเนิดขึ้น
คำนวณจากค่าใช้จ่ายที่สูงลิบลิ่วแล้ว คงจะอีกนานกว่าความฝันของเธอจะเป็นจริง ตวงรักแอบถอนใจ ตอนนี้เงินเก็บของเธอมีไม่ถึงห้าหมื่นบาท แม้จะทำงานพิเศษหนักมากขนาดไหนก็ตามที การไปเที่ยวประเทศในฝันนี้ ต้องมีเงินเป็นหลักแสนเลยทีเดียว แต่เอาเถอะ จะอย่างไร ตวงรักก็ต้องทำตามความฝันสักครั้งให้ได้ก่อนตาย เจ้าตัวท่องไว้ในใจแบบนั้น ตามแบบของคนที่มุ่งมั่นและไม่ยอมแพ้
“อยากได้สูตรขนมอะไรล่ะจ๊ะ หนูตวง”
คุณย่าหญิงทักอย่างเอ็นดู เมื่อเห็นหญิงสาวหน้าตาคมสวยน่ารัก มีส่วนผสมของสองดินแดนอย่างลงตัว แม้จะไม่ใคร่ชอบชาวต่างชาติ ขัดตากับกิริยากระโดกกระเดก ไม่เป็นกุลสตรีตามประสาหญิงหัวโบราณ แต่ตวงรักเพื่อนสนิทของชนิตสิรีดูเหมือนจะเป็นข้อยกเว้น เพราะเจ้าตัวนอบน้อมน่ารัก หน้าตาสวยคมหวานจับใจคุณย่าหญิง ทำให้นางเอ็นดูแบบไม่มีเงื่อนไขเลยทีเดียว
“อยากได้สูตรกระทงทอง กับจ่ามงกุฎน่ะค่ะคุณย่าหญิง ขนมสองอย่างนี้สวยมากเลย อาหารตาอาหารใจ พวกแขกที่มาพักคงจะชอบน่ะค่ะ”
ตวงรักตอบเสียงใส เธอกำลังคิดหาทางทำขนมไทยๆ วางขายในโฮมสเตย์ของญาติที่อยู่อยุธยา ที่เธอมักจะไปช่วยทำงานพิเศษด้วยการเป็นไกด์พาเที่ยว มีนักท่องเที่ยวมาเยือนบ่อยๆ รายได้ค่อยข้างดีพอสมควร แขกบางคนติดใจไกด์สาวลูกครึ่งท่าทางทะมัดทะแมงกระฉับกระเฉงอย่างตวงรัก ก็แนะนำเพื่อนๆ มาพักอีกหลายคน บางคนก็ให้ตวงรักพาเที่ยวจังหวัดอื่น เงินเก็บของเธอส่วนใหญ่ก็มาจากรายได้พิเศษทางนี้นี่เอง
“เอาแบบนี้สิ ย่าแถมขนมช่อม่วงให้ด้วย”
คุณย่าหญิงพูดอย่างใจดี นางรู้สึกชอบที่เด็กคนหนึ่งไม่อยู่นิ่งเฉย และเป็นคนขยัน ตวงรักรีบยิ้มแป้นและพนมมือไหว้นางทันที
“ขอบคุณมากค่ะ คุณย่าหญิง ขนมฝีมือคุณย่าหญิงอร่อยมาก ถ้าหนูได้สูตรไปล่ะก็สงสัยแขกทั้งไทยทั้งฝรั่งเหมากันเรียบ”
“อย่ามาชมย่าเลย มาเดี๋ยวย่าจะบอกให้ไปในครัวกัน จะไปด้วยไหมยัยน้อง”
คุณย่าหญิงหันมาเรียกชนิตสิรี ที่ทำท่าจะขึ้นไปยังห้องนอนของเธอ ทิ้งเพื่อนรักไว้กับคุณย่าหญิงเสียแล้ว
“น้องไม่ไปหรอกค่ะ คุณย่าหญิง จะเตรียมตัวไปเยี่ยมพี่เพลิง น้องไม่ถนัดงานครัว เดี๋ยวทำไฟไหม้ครัวอีก”
ชนิตสิรีอ้าง ทำเอาคุณย่าหญิงค้อนหลานสาวตัวดีขวับ แล้วบ่นว่า
“แหม ข้ออ้างจริงเชียว อยากไปเตรียมพร้อมเที่ยวล่ะสิเรา ไปๆ แล้วถ้าทำเสร็จห้ามมาขอกินเชียวนะ ย่าจะตีมือให้”
“ช่อม่วงของโปรดพี่เพลิงนะคะคุณย่าหญิง” ชนิตสิรีว่าเสียงแจ๋ว
“คุณย่าหญิงใจร้ายไม่ให้น้องกิน จะใจร้ายไม่ให้พี่เพลิงกินด้วยเหรอคะ”
“ย่ะ เฮ้อ ไปไหนก็ไป เรานี่เจ้าเล่ห์ ไม่อยากจะช่วยทำแต่อยากจะกิน ไม่ต้องเอาพี่ชายเรามาอ้างเลย ไปกันหนูตวง ปล่อยหลานสาวฉันไปเตรียมตัว กำลังเห่อกล้องตัวใหม่ว่าถ่ายรูปแล้วสวย สวนส้มตาเพลิงงานนี้คงจะพรุนแน่ๆ เพราะแม่ตัวดีคงจะเที่ยวไล่ถ่ายรูปจนปรุ”
ตวงรักอมยิ้ม ฟังย่าหลานคุยกันเย้าแหย่กัน ชนิตสิรีเคยพูดถึงเพลิงให้ฟังอยู่หลายครั้ง เธอจำได้ว่าพี่ชายคนนี้ของชนิตสิรี อกหักหรืออะไรสักอย่างนี่แหละ ถึงกับหนีเข้าสวนไปเลย ไม่ยอมออกมาอีกเลย
‘ความรักนี่ก็ทำให้คนเป็นเอามากแหะ จะว่าไปเราก็ไม่เคยเห็นหน้าพี่เพลิงของยัยน้องสักที หรือหน้าตาจะสุดจะทนกันนะ สาวถึงได้ทิ้ง ทั้งๆ ที่รวย ตระกูลผู้ดีเก่าแก่ แค่แบบนี้สาวๆ ก็วิ่งเข้าหาขาแทบจะขวิดแล้ว อืม...พี่วิชญ์ก็หน้าตาดูดีจะตาย ติดแต่ขรึมไปนิดเดียวเท่านั้นเอง’
ตวงรักคิดในใจ พลางแอบนึกจินตนาการหน้าตาของเพลิง ชายหนุ่มผู้พ่ายรักไปด้วย ว่าจะเป็นอย่างไรกันหนอ
................................................................................................................................................................
“แม่ขา ตวงเอาขนมอร่อยๆ ฝีมือตวงมาฝากค่า”
ตวงรักตะโกนเสียงดัง เมื่อเข้ามาในบ้านหลังเล็กกะทัดรัดของครอบครัว ‘ชัยนภัทร’ ทำให้หญิงวัยกลางคน ที่กำลังขะมักเขม้นกับการทำอาหารในครัว ต้องตะโกนตอบตวงรักเสียงใส
“แม่อยู่ในครัว หนูตวง กำลังทำแกงส้มชะอมชุบไข่ของโปรดหนูเลย”
ตวงรัก เดินแกมวิ่งไปทางต้นเสียงทันที เธอเอากล่องพลาสติกชูขึ้นอวด ผู้มีศักดิ์เป็นแม่เลี้ยง แล้วยิ้มอย่างสดใส ก่อนจะกล่าวอย่างภูมิใจว่า
“นี่ค่ะ ขนมฝีมือตวง ไปเรียนมาจากตำรับชาววังเก่าเลยนะคะแม่ ขนมช่อม่วง จ่ามงกุฎ กระทงทอง เหลือมาอย่างละชิ้นสองชิ้นเอง ยัยน้องจอมตะกละแย่งตวงชิมจนเกือบหมดน่ะค่ะ”
“ไหน”
ผาณิตรับกล่องพลาสติกบรรจุขนมที่ตวงรักอวดมาเปิดดู แล้วก็ต้องอมยิ้ม เมื่อเห็นฝีมือของลูกสาวของเธอ
“หน้าตาน่ากินจัง แม่ขอเก็บไว้เป็นของหวานหลังอาหารเย็นนะจ้ะ นี่มีแผนจะทำอะไรอีกล่ะ”
“แหม...”
ตวงรักหัวเราะกิ๊ก เธอมองคร่าวๆ ว่าผาณิตกำลังทำอะไรอยู่ เห็นว่ามีน้ำพริกกะปิที่ทำเสร็จเรียบร้อยแล้วอยู่ในถ้วยใบเล็ก เธอจึงเปิดตู้เย็น มองหาผักเคียง สนทนากับมารดาไปด้วยและลงมือช่วยทำอาหารเย็นไปด้วย
“รู้ทันล่ะสิ ขยันหาเงินขนาดนี้ หนูตวงจะเอาเงินไปเก็บไว้ที่ไหนหมดล่ะลูก”
“ตวงมีจุดมุ่งหมายค่ะแม่ จุดมุ่งหมายในการผลาญเงิน”
ตวงรักตอบ แล้วหัวเราะกิ๊ก ผาณิตหัวเราะบ้างอย่างอดไม่ได้ แม่ลูกสาวไฮเปอร์อยู่นิ่งไม่เป็นของเธอคนนี้ เป็นเด็กดีคนหนึ่ง ที่ไม่เคยทำให้เธอหรือเมธัสเดือดร้อนใจ ตรงกันข้าม ตวงรักขวนขวายช่วยเหลือตัวเองทุกอย่าง ทุกทางที่จะทำได้ เธอภูมิใจในตัวลูกเลี้ยงมาก
“จะเอาไปขายที่โฮมสเตย์เหรอลูก ท่าทางจะอร่อย ขายทั้งรสชาติและฝีมือ ขนมไทยหน้าตาน่ากินแบบนี้ เดี๋ยวนี้หาคนทำยาก เพราะวิธีการมันยุ่งยาก”
“ว่าจะฝากแม่ไปขายที่ร้านของป้าทิพาด้วยนะคะ” ตวงรักว่าเสียงใส
“ตวงล้างผักเสร็จแล้ว เดี๋ยวยกไปรอที่โต๊ะเลยนะคะ หิวมากเลย”
“ทำไหวเหรอลูก”
ผาณิตพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ตวงรักหันมาย่นจมูกแล้วยกนิ้วการันตรีตัวเอง
“ไหวสิคะ ตอนนี้รอพ่อหางานให้อยู่ ระหว่างที่ว่างงาน ตวงก็หารายได้ไปก่อนดีกว่าปล่อยเวลาให้มันอยู่เฉยๆ น่ะค่ะ”
“เออ...พูดถึงพ่อเราแม่ก็พึ่งจะนึกได้” ผาณิตหันมาหาตวงรัก ที่กำลังจัดเรียงจานอยู่บนโต๊ะอาหาร
“พ่อเราเขาโทรมาเรื่องฝากงานให้เราน่ะ ที่โรงแรมที่กระบี่ เขาบอกว่ารอตำแหน่งว่างนิดหนึ่ง พอดีคนที่ตอนแรกว่าจะออกน่ะ เขากลับลำ พ่อเราเลยต้องหางานใหม่ให้”
“ว้า...” ตวงรักถอนใจเฮือก พลางนั่งแปะลงกับเก้าอี้
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เดี๋ยวตวงลองเดินหางานอีกทางดู ไม่อยากรอเป็นเด็กฝากของพ่อ ว่าแต่พ่อจะได้กลับบ้านเมื่อไหร่คะ”
“คงอีกสามสี่เดือนล่ะลูก แกงสุกพอดีเลย กินข้าวเย็นกันดีกว่า เดี๋ยวแม่จะได้ชิมขนมฝีมือตวงด้วย ว่าจะเอาไปฝากพี่ทิพาขายได้ไหม”
ผาณิตยิ้มอย่างให้กำลังใจหญิงสาว ก่อนจะตักแกงใส่ชาม กลิ่นของอาหารหอมกรุ่นทำให้ตวงรักหันมาสนใจจัดการอาหารตรงหน้าแทน อาการกลุ้มใจเมื่อครู่หายไปชั่วคราว
อาหารเย็นมื้อนั้นจบลง ต่อด้วยขนมฝีมือตวงรัก ผาณิตชิมแล้วก็ยกนิ้วให้ ทำเอาคนทำถึงกับปลื้มใจ เธอเริ่มวางแผนถึงการทำขนมไปฝากขายที่ร้านเบอร์เกอร์รี่ของทิพา เพื่อนของมารดาเลี้ยง อยู่ใกล้กับโรงเรียนที่ผาณิตสอนอยู่
หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว หญิงสาวนั่งจดรายการข้าวของ ที่ใช้ในการทำขนมทั้งสามอย่าง และคำนวณถึงทุน รวมถึงการตั้งราคาขาย กำไรไปด้วย เพลินจนเกือบสี่ทุ่ม ตวงรักก็ปิดปากหาว นัยน์ตาที่สดใสเริ่มหรี่ปรือ หญิงสาวบิดขี้เกียจ ก่อนจะเก็บสมุดจดงานของเธอไว้ และก้าวขึ้นเตียงนอน มือเรียวหยิบโบรชัวร์ของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ติดมือมาด้วย นัยน์ตากลมโตคมหวานของเธอ มองมันด้วยสายตาเป็นประกาย พลางเอื้อมหยิบกรอบรูปที่อยู่หัวเตียง มีรูปของบิดาสมัยยังหนุ่มเคียงคู่กับหญิงสาวหน้าหวานคม ผมสีน้ำตาลอ่อน ถ่ายคู่กัน ณ หอนาฬิกา Zytgloggeturm ที่เป็นเหมือนประตูเมืองแห่งแรกของกรุงเบิร์น เมืองหลวงของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ สถานที่แรก ที่ท่านทั้งสองได้พบกัน ตวงรักจำได้ดี เพราะบิดามักจะเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับมารดาผู้ล่วงลับให้กับบุตรสาวฟัง เขาอยากจะให้บุตรสาวรับรู้ถึงเรื่องราวของมารดา ผาณิตเองก็ไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อย จนห้ามสามีพูดถึงภรรยาเก่า ตวงรักจึงได้รับทราบเรื่องราวความรักของท่านทั้งสอง และประทับใจกับประเทศนี้มาก เก็บมันไว้เป็นความใฝ่ฝันว่าอยากจะไปเยือนสักครั้งหนึ่ง
ตวงรักลูบไล้รูปถ่ายนั้นแล้วยิ้มให้กับคนทั้งสองที่อยู่ในรูปภาพ เธอเอากรอบรูปและโบรชัวร์มากอดไว้แนบอก ริมฝีปากอิ่มสวยพึมพำกับตนเอง
“สักวัน ตวงจะเก็บเงิน ไปที่นี่ให้ได้ค่ะ ตวงอยากจะไปเมืองที่พ่อกับแม่รักกัน ต่อให้ต้องทำงานมากขนาดไหน ตวงก็ต้องทำความฝันให้เป็นจริงให้ได้”