บท
ตั้งค่า

บทที่ 6

หญิงสาวลูบไล้กระโปรงราตรีสีดํา ท่าทางของเธอในยามนี้ราวจะบอกเขาอยู่ว่า การที่เธอไต่ลงมาจากหน้าต่างในตอนกลางดึกนั้นเป็นพฤติกรรมที่คนดีๆไม่น่าจะต้องถามซ้ำ

“ฉันหนาวนะ ถ้าได้ชาสักถ้วยก็จะดีหรอก” เธอเอ่ยออกไป

“อ๋า ยังอยากกินชาอีกหรือนี่” แม้จะถามด้วยน้ำเสียงประชดประชัน แต่เจมี่ก็ยังรินน้ำใส่กาและกระแทกลงบนเตาอยู่ดี เนื่องจากไฟใกล้จะมอดดับอยู่แล้วเขาจึงต้องใช้ลมปากเป่าอยู่เป็นครู่กว่าที่มันจะลุกโพลงขึ้นมาอีก “ทั้ง ๆ ที่เพิ่งไต่ลงมาจากหน้าต่างบ้านยังกะขโมยแบบนั้นแล้ว ยังมีหน้ามาขอน้ำชากินอีก”

เสียงหัวเราะคิกของบลิสส์ทําให้เขาถึงกับสะดุ้ง หันขวับมาจ้องหน้าเธอตาลุกวาว

“ก็คุณเองนั่นแหละที่ทําให้ฉันไม่มีทางเลือก ฉันก็ต้องหาทางหนีทุกวิธีที่จะทําได้น่ะสิ” เธอพูดราวกับว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาสามัญที่สุด

เจมี่ส่ายหัวอย่างอ่อนใจ เอื้อมไปหยิบกระป๋องชาที่คาร์ร่าเก็บไว้บนชั้นเหนือเตาไฟ กระแทกมันลงกับ เคาน์เตอร์เต็มแรงจนบลิสส์อุทานออกมาด้วยความตกใจ

“พวกผู้ชายนี่แย่จริง ๆ ให้ตายสิ” บลิสส์เอ่ยอย่างตั้งข้อสังเกต “ชอบแสดงความไม่พอใจเสมอ และเวลาที่ผู้หญิงเกิดอยากทําอะไรตามความคิดของตัวเองขึ้นมาบ้าง คุณรู้หรือเปล่าว่า ในอเมริกาน่ะเขานิยมชมชื่นบุคคลที่ สามารถตัดสินใจอะไรด้วยตัวเองได้”

“คุณรู้ได้ยังไงว่าอะไรเป็นที่ชื่นชอบหรือไม่ชอบในอเมริกา” เจมี่ถามเครียด ๆ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่า ทําไมถึงได้โมโหมากมายถึงเพียงนี้ เขาตักใบชาใส่ลงในกาน้ำที่เดือดพล่าน

“คนอย่างคุณจะไปเข้าใจอะไร” บลิสส์ขึ้นเสียงสูง เมินหน้าไปเสียทางหนึ่ง

เจมี่สูดลมหายใจลึกและค่อย ๆ ระบายออกมาช้า ๆ

‘ใจเย็น ๆ ไว้ไอ้หนุ่ม...’ เขาสอนสั่งตนเองก่อนจะพูดออกมาดัง ๆ ว่า

“ขอบใจนะคุณสแตฟฝอร์ด กับความเห็นของคุณที่มีต่อผมแบบนั้น”

“ก็คุณกับฉันมันคนละแบบกันอยู่แล้ว” เธอวางท่าหยิ่งพูดอย่างไม่คํานึงถึงความรู้สึกของเขาแม้แต่น้อย

เจมี่นึกอยากจะตวัดร่างเล็ก ๆ นั้นเข้ามาไว้ในอ้อมแขน แล้วก็เอาไปโยนลงบนเตียงนอนเสียเดี๋ยวนั้น แต่ก็พอดีกับที่กาน้ำส่งเสียงหวีดหวิวขึ้น จึงไม่ได้โต้ตอบอะไรออกไป หันไปคว้ากาขึ้นจากเตาโดยไม่ทันระวังความร้อน จึงลวกมือเข้าให้ ต้องสะบัดมืออยู่เร่า ๆ

“ตายแล้วนเอามือมาแช่ในน้ำเย็นนี้เสียก่อน” เธอลากข้อมือเขาเอาจุ่มลงไปในอ่างน้ำข้าง ๆ นั้น ซึ่งเจมี่ก็ปล่อยให้เธอทําตามใจ ความเย็นเยือกของน้ำช่วยให้ความร้อนที่ลวกอยู่กับปลายนิ้วคลายลงได้บ้าง

แต่ขณะเดียวกันมันก็มีความรู้สึกใหม่ ๆ เกิดขึ้น เขาได้แต่มองหน้าบลิสส์ สแตฟฝอร์ด อยู่ ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าโชคชะตาหรืออะไรที่ส่งเธอให้เข้ามาซ่อนตัวอยู่ในโรงนาของเขา เข้ามาสร้างความไม่พอใจให้เกิดขึ้นกับคาร์ร่า แล้วยังปีนหน้าต่างหนีในตอนกลางคืนอีก เขาไม่เคยเกิดความรู้สึกอย่างนี้กับผู้หญิงคนไหนมาหลายปีแล้ว แต่ขณะนี้เขากําลังคิดถึงเรื่องนั้นอีกแล้ว

“รู้สึกดีขึ้นบ้างหรือยังล่ะ” บลิสส์ซึ่งมองดูมือเขาอยู่เอ่ยถามขึ้น และมันทําให้เจมี่รู้สึกตัวขึ้น

“ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก อย่าไปสนใจเลย คุณชงชาเองก็แล้วกัน” เขาบอกและเดินไปทิ้งตัวลงนั่งในเก้าอี้

บลิสส์หยิบล้วยกระเบื้องเคลือบลงมาจากชั้น จากนั้นก็เดินมาทรุดตัวลงนั่งในเก้าอี้ตรงข้ามกับเขารินชาใส่ลง เจมี่อดไม่ได้ว่าใครก็ตามที่เข้ามาเห็นภาพนี้เขาจะต้องคิดว่า เธอเป็นเจ้าของบ้านคนหนึ่ง เป็นเมียเขาเสียด้วยซ้ำ จนเมื่อเธอยกถ้วยชาขึ้นซดดัง ๆ ซึ่งทําให้เจมี่ต้องหัวเราะออกมาด้วยความขบขันอีกครั้ง และบลิสส์ก็มองหน้าเขาอย่างโมโห

“ก็มันร้อนนี่” เธอพูดเป็นเชิงแก้ตัว

“ใช่สิขอรับ ดัชเชส” เขาค้อมศีรษะให้พยายามกลั้นยิ้มไว้ แต่แล้วเขาก็ต้องตกใจเมื่อเห็นหยาดน้ำใสๆหล่อรื้นขึ้นในดวงตาคู่นั้น

“คุณไม่ต้องมาหัวเราะเยาะฉันหรอก” หยาดน้ำตาไหลพร่างพรูลง “คุณคงไม่รู้หรอกว่าสองสามวันที่ผ่านมานี่ฉันต้องอยู่ในสภาพยังไง แทบไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยด้วยซ้ำ แถมยังต้องนอนกลางดินด้วย” เธอสูดน้ำมูกเสียง ดังลั่น “แล้วฉันก็ยังต้องเจอกับเรื่องร้าย ๆ อีกเกือบตลอดเวลา ยังโชคดีนะที่ไม่เจอกับไอ้พวกโจรผู้ร้าย ไม่อย่างนั้น ป่านนี้คงไม่ได้เข้ามานั่งอยู่ในบ้านคุณหรอก”

“หรือไม่ก็คงคอหักตาย เพราะปีนลงมาจากหน้าต่างบ้านแล้ว” เจมี่ซึ่งนั่งจิบชาอยู่เงียบ ๆ เอ่ยเสริมขึ้นด้วย น้ำเสียงราบเรียบ แต่จริง ๆ แล้วเขากําลังหวั่นไหวกับหยาดน้ำตาที่ไหลพรากอยู่บนแก้มอย่างมาก

“คุณไม่มีสิทธิ์จะมากักตัวฉันไว้เลยนะคุณแม็คเคนน่า อย่างน้อยฉันก็เป็นมนุษย์ที่มีอิสระเสรีคนหนึ่ง...” เธอเช็ดน้ำตาอยู่ป้อย ๆ “บางครั้งฉันก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าตัวเองจะไปพ้นจากนิวซีแลนด์ได้หรือเปล่า” เธอเหลือบตาขึ้นมองหน้าเจมี่อยู่ “คุณตั้งใจจะพาฉันกลับไปเวลลิงตันอีกใช่ไหมล่ะ”

เจมี่พยักหน้าๆ จะด้วยเหตุผลประการใดก็ตามเขาเกิดตกอยู่ในสภาพที่พูดไม่ออกขึ้นมาเฉย ๆ

“ฉันรู้ว่าคุณจะต้องคิดว่านั่นเป็นสิ่งที่ถูกต้องสมควรจะทําอย่างที่สุด...”

เขายังรอให้เธอพูดต่อ อยากจะรู้เรื่องทั้งหมดเพื่อที่ตนเองจะได้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น และคนอย่างเขาเมื่อตัดสินใจแล้วจะไม่ยอมเปลี่ยนแปลงแน่

“คุณไม่มีวันรู้หรอกว่า ถ้าคุณทํายังงั้นจริงมันจะเป็นความผิดพลาดที่ใหญ่หลวงทีเดียว” สีหน้าของบลิสส์ซีดเศร้าลงกว่าเดิม “คุณรู้ไหมว่าทันทีที่เราแต่งงานกัน อเล็ก ซานเดอร์จะต้องบังคับให้ฉันเรียกเขาว่า มิสเตอร์เซท... แล้วฉันก็ยังจะต้องนอนร่วมเตียงกับเขาด้วยทั้งที่ฉันไม่เคยรักเขาเลย”

เจมี่ผลุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งหันหลังให้บลิสส์ เขาไม่อยากรู้ว่า ผู้ชายซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสามีของเธอนั้นจะมีสิทธิ์ทําอะไรกับเนื้อตัวของเธอบ้าง

“คุณไม่ได้มาสร้างปัญหาอะไรกับผมหรอกนะดัชเชส และผมก็ตั้งใจแล้วว่าจะต้องเอาคุณกลับไปส่งให้ถึงเวลลิงตัน”

คําพูดของเขาทําให้บลิสส์ถึงกับร้องไห้โฮออกมาอีก เสียใจกับโชคชะตาที่กําหนดให้เธอต้องมาตกอยู่ในสภาพนี้

“หยุดร้องไห้เสียเถอะนะ...” น้ำเสียงของเจมี่อ่อนโยนลงอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อเขาคุกเข่าลงเบื้องหน้าเก้าอี้ที่เธอนั่งอยู่ “จริง ๆ แล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรเลยไม่ใช่หรือ...จริงไหม”

“คุณไม่รู้หรอกว่ามันยิ่งกว่าชั่วร้ายขนาดไหน” บลิสส์สะอึกสะอื้น “ฉันยอมเป็นทาสคุณชั่วชีวิตนี้ยังจะดี

เสียกว่า”

เขาทําเสียงบางอย่างอยู่ในลําคอก่อนจะลุกขึ้นจับมือบลิสส์ไว้และฉุดให้เธอลุกขึ้นยืนตามปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นกับเขา ในยามนี้น่าจะทําให้บลิสส์ตื่นตกใจ แต่เธอกลับอบอุ่นใจยิ่งนัก เมื่อเจมี่ประคองกอดไว้ในอ้อมแขนราวกับเธอเป็นเพียงเด็กหญิงเล็ก ๆ คนหนึ่ง

“เอาละ หยุดร้องไห้ได้แล้วนะ ผมว่าตอนนี้คุณกลับไปนอนพักผ่อนเสียก่อนดีกว่า เมื่อตื่นขึ้นทุกอย่างมันก็จะดีขึ้นเอง”

บลิสส์ได้แต่จ้องมองหน้าเขาอยู่ กะพริบตาถี่ ๆ เพื่อขับไล่หยาดน้ำตาให้แห้งเหือด โอบแขนอยู่รอบคอเขา บางทีความหวังที่จะหลบหนีนั้นยังจะพอมีทางอยู่บ้าง ถ้าเธอจะรู้จักใช้สติปัญญาให้มากกว่านี้

“ฉันไม่อยากอยู่คนเดียวหรอก” เธอได้ยินตัวเองพูดออกไปอย่างนั้น และเจมี่ก็หัวเราะออกมาเบา ๆ

“ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ผมก็จะไม่ปล่อยให้คุณนอนคนเดียวเหมือนกัน เดี๋ยวคุณจะเกิดนึกสนุกปีนหน้าต่างหนีขึ้นมาอีก”

เขาดับตะเกียงลง แล้วจึงได้ตวัดร่างบลิสส์ขึ้นอุ้ม พาเดินขึ้นบันไดไปชั้นบน เธออดแปลกใจในตัวเองไม่ได้เหมือนกัน ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองอย่างมาก แต่เมื่ออยู่ในอ้อมแขนของเจมี่ เธอกลับมิได้คิดจะดิ้นรนหรือขัดขืนการกระทําของเขาเลยแม้แต่น้อย จนเมื่อถึงห้องนอนแล้วเจมี่จึงได้โยนร่างเธอลงบนเตียง

“เรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงอีกเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นสในเมลเบิร์นคืนหนึ่งขึ้นมาได้...” เขาเอ่ยออกมา ขณะทรุดตัวนั่งตรงขอบเตียงถอดรองเท้าออก

“เดี๋ยว...” เธอรีบกระถดถอยหนีไปยังอีกฟากหนึ่ง “นี่คุณคงไม่คิดว่าฉันจะนอนร่วมเตียง...”

“นั่นละ เป็นสิ่งที่ผมกําลังคิดอยู่พอดีเลย” เขาเอื้อมมาคว้าข้อมือตรึงร่างเธอไว้กับเตียงนอน “นับแต่นี้เป็นต้นไป ผมจะไม่ยอมให้คุณรอดพ้นสายตาผมไปได้อีกแล้วนะ ดัชเชส”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel