บท
ตั้งค่า

บทที่ 3

บลิสส์กลืนอาหารในปากลงก่อนจะตอบ แม้ว่าเธอจะต้องแอบเข้ามานอนในโรงนาของคนแปลกหน้าผู้นี้ และยังถูกบังคับกลาย ๆ ให้รับบริจาคอาหาร แต่กระนั้นมรรยาทก็ยังเป็นสิ่งที่เธอมิได้ลืมเลือน คิดไปถึงจุดหมายของแม่ที่ได้รับก่อนจะตอบเขาออกไปว่า

“มันมีทุกสิ่งทุกอย่างอยู่แล้ว...” อีกครั้งหนึ่งที่เธอคิดไปถึงอเล็กซานเดอร์ “ว่าแต่คุณเคยไปอเมริกาหรือเปล่าล่ะ”

“ทําไมคุณต้องหรี่ตามองหน้าผมยังงั้นด้วย สายตาสั้นหรือเปล่า”

“เปล่านี่ แต่ฉันว่ามรรยาทคุณแย่จังเลยนะที่มาเปลี่ยนเรื่องพูดแบบนี้”

สีหน้าของเขาบอกความขบขันขึ้นอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่า เขาไม่แคร์เลยว่าใครคนอื่นจะมองเห็นว่าเขาเป็นคนที่มีมรรยาทดีหรือเลวอย่างไร “ขอโทษ...” เขาเอ่ยออกมา แต่สีหน้าไม่ได้บอกความเสียใจเช่นคําพูดเลยแม้แต่น้อย

ถ้าบลิสส์จะไม่หิวมากเกินไป และถ้าอาหารจะไม่มีรสชาติดีถึงเพียงนี้ เธอคงจะลุกขึ้นจากโต๊ะและเดินออก จากบ้านของมิสเตอร์แม็คเคนน่าผู้นี้ไปเสียแล้ว

“ผมรู้จักชาวอเมริกันคนหนึ่ง” เขาเอ่ยขึ้นลอย ๆ

บลิสส์ชะงักมือที่กําลังจะตักอาหารส่งเข้าปากลงทันที สีหน้ากระตือรือร้นเมื่อโน้มตัวเข้าไปหาเขา ไม่กล้าพอที่จะเอ่ยถึงแม่เพราะถ้าเอ่ยออกไปเกรงว่าเขาจะถามต่อว่า ทําไมแม่ถึงไปอยู่อเมริกาและอยู่ที่ไหน

“จริงหรือนี่”

เขาเพียงพยักหน้ารับแทนคําตอบและทําให้บลิสส์ต้องถามต่อว่า

“แล้วเขาเป็นใครล่ะ”

สีหน้าของชายหนุ่มชาวนาบอกความแปลกใจที่ได้ยินเธอถามออกมาเช่นนั้น แต่แล้วก็ยักไหล่

“เขาเป็นพ่ะใภ้ผมเอง ชื่อแม็กกี้”

สีหน้าของบลิสส์บอกความตื่นเต้นยิ่งขึ้น แม่ได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับอเมริกามาให้ฟังอย่างมากมาย แต่กระนั้นก็ยังมีอะไรอีกมากนักที่เธออยากจะหาความรู้ให้กับตัวเองไว้

“แล้วเขาอยู่ใกล้ ๆ นี่หรือเปล่าล่ะ ฉันจะพบเขาได้ไหม”

“เห็นจะไม่ได้หรอกนะ เพราะตอนนี้เขาอยู่ออสเตรเลีย”

แต่บลิสส์ยังไม่ยอมแพ้ เธอสนใจใคร่จะรู้เกี่ยวกับผู้หญิงที่ชื่อแม็กกี้คนนี้ให้มากขึ้น

“แล้วทําไมเขาถึงไม่อยู่อเมริกาต่อไปล่ะ คุณพอรู้เหตุผลหรือเปล่า”

“เอ...ผมก็ไม่เคยถามเสียด้วยสินะ” รอยย่นบาง ๆ ปรากฏขึ้นบนหน้าผาก “เขาคงมีเรื่องอะไรที่ทําให้ไม่อยากอยู่ละมั้ง”

ความรู้สึกอิจฉาในความโชคดีของผู้หญิงคนนั้นทําให้บลิสส์กลับนั่งตัวตรงอยู่ในเก้าอี้อีกครั้ง ลืมความหิวที่รุมเร้าตัวเองไปแล้ว

“คุณน่ะรู้แม้กระทั่งชื่อแรกของฉัน ที่จริงฉันไม่น่าบอกให้คุณรู้เลย”

“งั้นผมบอกชื่อแรกของผมให้คุณรู้ไว้ด้วยก็ได้ ผมชื่อเจมี่” รอยยิ้มอ่อน ๆ ฉาบขึ้นบนใบหน้าอีกครั้ง และ ก่อนที่บลิสส์จะทันพูดอะไรต่อเขาก็เสริมว่า “อเมริกาน่ะมันไกลมาก ผมว่าคุณเองก็คงรู้ดีอยู่แล้วนะ แล้วมันเรื่องอะไรคุณถึงอยากไปที่นั่นล่ะ”

เขาพูดราวกับจะให้เธอยกเลิกแผนการที่จะเดินทางไปถึงประเทศนั้นเสียดีกว่า ซึ่งทําให้บลิสส์โมโหขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

“ฉันคงอยากไปว่ายน้ำเล่นที่นั่นละมั้ง”

แววตาของเจมี่ไม่ได้บอกความเป็นมิตรเหมือนในตอนแรกซึ่งทําให้บลิสส์รู้สึกกลัวขึ้นมาทั้งที่ไม่เคยมีความรู้สึกเช่นนั้นมาก่อน

“ใครเป็นคนตั้งชื่อคุณว่าบลิสส์ แล้วทําไมเขาจะต้องยัดเยียดความเพ้อฝันแบบนั้นเข้าไว้ในสมองของคุณด้วย... สงสัยว่าที่คุณคงหนีใครสักคนหนึ่งมาละสิ อาจจะเป็นสามีหรือไม่ก็พ่อใช่ไหม”

คําถามของเขาใกล้เคียงความจริงอย่างที่สุด มันใกล้เสียจนใบหน้าของบลิสส์ร้อนผ่าว และต้องหลบสายตาที่จรดจ้องมองอยู่ลง แต่ในที่สุดก็ประสานสายตาอยู่กับเขาอย่างไม่พรั่น

“จริง ๆ แล้วเขาก็ยังไม่ได้เป็นสามีฉันหรอก เพราะฉันกับอเล็กซานเดอร์เพิ่งหมั้นกันเท่านั้น ยังไม่ได้แต่งงานกัน”

สีหน้าของเจมี่บอกความไม่พอใจ ราวกับว่าการที่เธอเข้ามาแอบนอนอยู่ในโรงนาของเขา เป็นความผิดที่ร้ายแรง และยังกินอาหารของเขาอีกด้วย

“ผมยังมีงานต้องทํา เมื่อคุณกินเสร็จแล้วก็กลับบ้านเสียเถอะนะ”

บลิสส์เลื่อนจานที่อยู่ตรงหน้าออกทันที ไม่มีใครจะมาพาเธอกลับไปเวลลิงตันได้อีกแล้ว เธอจะไม่มีวันยอมแต่งงานกับคนแก่ที่พ่อจัดหาให้คนนั้นอย่างเด็ดขาด

“ฉันเองก็รบกวนคุณมามากแล้วนะคุณแม็คเคนน่า” เธอเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงชาเย็น “ขอบใจมาก ฉันเห็นจะต้องไปก่อนละ”

“คุณยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น” เจมี่ตอบด้วยน้ำเสียงห้วนห้าว “คุณก็รู้ว่าตอนนี้เป็นหน้าหนาว ถึงยังไงก็ไปได้ไม่ไกลหรอก ทางที่ดีตอนนี้คุณควรจะอาบน้ำแล้วก็นอนพักผ่อนเสียก่อน” เขาออกคําสั่ง ซึ่งทําให้บลิสส์รู้สึก แปลกใจที่เขาเปลี่ยนใจได้เร็วขนาดนั้น แต่มันมีคําพูดบางคําของเขาที่ทําให้เธอเบิกตาโพลงขึ้น

“คุณจะให้ฉันนอน...นอนในเตียงน่ะเรอะ”

คราวนี้แม็คเคนน่าถึงกับหัวเราะเสียงดังลั่นออกมา

“คุณคงคิดว่า ผมจะใช้เล่ห์เหลี่ยมทําอะไรคุณสินะ” เขาเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม ดวงตาเปล่งประกายขบขันอย่างแท้จริง

“เอ้อ...” ใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยจุดกระแดงซ่าน ขณะเดียวกันบลิสส์ก็อดโล่งใจไม่ได้ที่อย่างน้อยคําพูดของ เขาก็แสดงให้เห็นว่าเธอไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายอย่างที่คิด “คือฉันคิดเอาเองว่าผู้ชายที่อยู่ตัวคนเดียวห่างไกลจากความเจริญ...”

“ผมอยู่คนเดียวที่ไหนกันเล่า แล้วโอ๊คแลนด์ก็อยู่ ไม่ไกลด้วย”

บลิสส์น่าจะดีใจที่รู้ว่าโอ๊คแลนด์อันเป็นจุดหมายปลายทางของเธอนั้นอยู่ไม่ไกลนัก ถ้าเขาจะไม่พูดเป็นเชิงเตือนให้เธอนึกขึ้นมาได้ว่า ในบ้านหลังนี้ยังมีหญิงสาวชาวเมารีอยู่ร่วมกับเขาด้วยอีกคนหนึ่ง เธอเชิดหน้าขึ้นเมื่อบอกเขาว่า

“เอาละ ถ้าฉันสามารถเชื่อใจได้ว่าคุณจะไม่ทําอะไรฉันละก้อ ฉันยินดีจะอาบน้ำแล้วนอนพักผ่อนอย่างที่คุณเอื้อเฟื้อมา”

“แต่ผมคงช่วยอาบน้ำให้คุณไม่ได้หรอกนะ ดัชเชส เพราะถึงยังไงผมก็ยังเป็นคนที่มีมรรทยาทอยู่”

ดวงตาที่แวววับด้วยความขบขันนั้นทําให้บลิสส์ต้อง หน้าแดงขึ้นมาอีก

“นี่ ฉันไม่ได้หมายความอย่างที่คุณคิดสักหน่อย” เธอตอบเสียงกร้าว “คุณน่ะแย่มากเลยนะที่มาแปลความหมายในคําพูดของฉันเป็นนัยอย่างนี้”

แม้สีหน้าของเจมี่ แม็คเคนน่า จะเคร่งขรึม แต่มันก็คล้ายกับฉาบอยู่ด้วยรอยยิ้มขบขัน

“ว่าแต่คุณกินอิ่มแล้วหรือนี่ หรือว่าจะให้ผมฆ่าแกะอีกตัวหนึ่ง”

ก่อนที่บลิสส์จะทันตอบโต้อะไรออกไป ก็พอดีกับที่หญิงสาวชาวเมารีผู้นั้นเดินกลับเข้ามา หล่อนจัดว่าเป็นผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่ง ผิวสีน้ำตาลนวลเหมือนไม้จันทน์ พวงผมยาวสยายนั้นเป็นสีดําสนิทแวววาม หล่อนสวมกระโปรงยาวเสื้อจีบรูดเปลือยไหล่ ขณะเคลื่อนไหวร่างกายนั้นจะมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ อวลอบ หล่อนเพียงแต่เดินเข้ามาเก็บโต๊ะอาหารโดยไม่ได้มองหน้าใครทั้งสิ้น

บลิสส์อยากรู้ชื่อเสียงเรียงนามของหล่อนใจจะขาด แต่ยอมตายเสียดีกว่าที่จะยอมเสียศักดิ์ศรีเอ่ยถามออกไป ความสัมพันธ์ระหว่างแม็คเคนน่ากับแม่บ้านสาวผู้นี้ไม่ใช่ ธุระกงการอะไรของเธอด้วย แต่น้ำเสียงยามที่เขาพูดกับหล่อนอย่างอ่อนโยนทําให้บลิสส์เปี่ยมท้นด้วยความริษยา

“คาร์ร่า คุณช่วยดูแลเรื่องการอาบน้ำแล้วก็จัดเตียงให้คุณสแตฟฝอร์ดนอนพักหน่อยได้ไหม”

แม้บุคคลทั้งสองจะไม่ได้สัมผัสแตะต้องร่างกายซึ่งกันและกัน แต่กระนั้นบลิสส์ก็ยังอดมองเห็นภาพยามที่เจมี่ยื่นมือออกไปบีบมือสีน้ำตาลอ่อนประกอบด้วยนิ้วเรียวยาวของหญิงสาวผู้นั้นไม่ได้ คาร์ร่าเพียงพยักหน้ารับคําสั่งอย่างไม่เต็มใจนักก่อนจะยกจานชามที่ใช้แล้วไปวางลงในอ่าง

บลิสส์ก้มลงมองมือของตัวเองอยู่เป็นครู่ แต่เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นอีกครั้งนั้น ปรากฏว่าเจมี่ลุกออกจากโต๊ะไปแล้ว และคาร์ร่าได้เข้ามายืนอยู่ใกล้ เหมือนจะรอให้บลิสส์เป็นฝ่ายเห็นหล่อนเอง

หลังจากนั้นคาร์ร่าก็พาบลิสส์เดินขึ้นบันไดซึ่งอยู่ด้านหลังของห้องครัวไปยังชั้นบนของตัวบ้าน ชั้นบนนี้ก็ได้รับการตกแต่งและดูแลรักษาไว้สะอาดสะอ้านเหมือนชั้นล่างที่บลิสส์ได้เห็นมาแล้ว จากการสังเกตบลิสส์เข้าใจเอาเองว่า เจมี่ไม่ถึงจะอยู่อาศัยในบ้านหลังนี้เสียทีเดียว น่าจะเป็นเพียงบ้านพักหลังหนึ่งของเขามากกว่า

“คุณแม็คเคนน่านี่คงเดินทางบ่อยมากเลยใช่ไหม” บลิสส์เอ่ยถามออกไปขณะที่คาร์ร่าเดินไปเปิดประตูห้องที่อยู่ตรงสุดปลายห้องโถงทางเดินออก

หญิงสาวชาวเมารีเพียงแต่เอี้ยวหน้ามามอง มีแววแปลกใจปรากฏขึ้นในดวงตาแวบหนึ่ง

“ใช่”

ยังมีคําถามอีกมากมายที่บลิสส์อยากจะถาม แต่ทุกคําถามนั้นก็ล้วนแต่ไม่สมควรทั้งสิ้น เธอจําเป็นจะต้อง ซ่อนเร้นความสงสัยใคร่รู้ไว้ก่อนที่มันจะสร้างความยุ่งยากลําบากใจให้มากกว่านี้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel