เพราะมึงเป็นของกู |Ep.8|
"กูไปเปลี่ยนชุดก่อนนะ" ปุณเอาแขนออกจากคอของติณแล้วแยกตัวเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่มีหรือที่ติณจะปล่อยปุณไปง่ายๆ
ร่างสูงเดินตามเพื่อนเข้ามาข้างในห้องล็อคเกอร์ จังหวะที่ติณกำลังจะเอื้อมมือไปคว้าไหล่มนนั้นเพื่อดึงให้อีกฝ่ายหันมา ทว่าปุณกลับหันมาเองแถมยังคว้ามือติณไว้ได้ เลยคิดจะผลักอกติณหมายให้อีกฝ่ายถอยหลังไปติดตู้ล็อคเกอร์
แต่มีหรือที่ติณจะยอมเป็นฝ่ายถูกล่า มือหนากระชากคอเสื้อปุณเข้ามาแล้วพลิกตัวกลับไปอย่างรวดเร็วทันที
ปึก!
กลายเป็นปุณเองที่ถูกผลักติดล็อคเกอร์ท่าเดียวกับเมื่อวานตอนเย็นที่ถูกผลักติดกำแพงสนามบาสในหมู่บ้าน
"กูไม่ได้เข้าใจมึงผิดใช่ไหม?" ใบหน้าหล่อยื่นเข้าไปกระเส่าถามด้วยน้ำเสียงมีเสน่ห์ชิดข้างแก้มขาวนวล
...แค่อยากถามให้แน่ใจว่าปุณเองก็รู้สึกเหมือนเขาจริงๆ ใช่ไหม
"ถ้าเข้าใจผิดกูจะชวนมึงมาทำไม" มุมปากหนายกยิ้มหนึ่งข้างเบาๆ หลังตอบคำถามติณไปแล้ว ริมฝีปากเขาก็ถูกติณประกบจูบลงมา
...และครั้งนี้เขาจูบตอบ
เมื่อติณรู้สึกถึงเรียวลิ้นที่ตวัดสู้มา เขาก็ย้ายมือที่ผลักอกปุณไว้ขึ้นไปคว้าต้นคอขาวแทน ปุณรู้สึกถึงแรงรุกหนักขึ้นของอีกฝ่ายที่เริ่มบดเบียดร่างกายเข้ามาแนบชิด มือหนาเรียวจึงเผลอไปเกาะเอวหนาของติณเอาไว้ด้วยความเคลิบเคลิ้ม
แกร็ก
ในขณะที่ทั้งคู่กำลังแลกจูบกันอย่างนัวเนีย เสียงบิดลูกบิดประตูก็ดังขึ้นท่ามกลางร่างสองร่างที่บดเบียดกันราวกับจะสิงร่างกันและกัน จนอะไรต่อมิอะไรมันตื่นตัวตุงกางเกงออกมา
และแล้วประตูบานนั้นก็ถูกเปิดเข้ามาโดยครูต๊ะ ซึ่งครูต๊ะแค่อยากจะเข้ามาเช็คเฉยๆ ว่าลูกศิษย์ตัวเองมาแล้วหรือยังเพราะนี่มันถึงเวลาซ้อมแล้วแต่ไม่เห็นปุณยืนวอร์มร่างกายอยู่ที่ขอบสระ
"สวัสดีครับครู"
"หวัดดีครับครู"
ทั้งปุณและติณยกมือไหว้ครูต๊ะต่อกัน ติณพึ่งจะจัดความเรียบร้อยของเสื้อผ้าเสร็จ ส่วนปุณกำลังถอดเสื้อเพื่อเปลี่ยนชุด และทั้งคู่ก็ทำได้อย่างแนบเนียน ไม่ทิ้งพิรุธหรือร่องรอยของการกระทำเมื่อครู่ไว้เลยสักนิดแม้เวลาจะกระชั้นชิดก็ตาม
เว้นก็แต่ลูกรักในกางเกงนั่นแหละที่เหมือนจะควบคุมยากกว่าส่วนอื่นๆ คงต้องใช้เวลาร่วมหลายนาทีเลย
"อ่าว มาแล้วเหรอ? ครูก็นึกว่ายังไม่มาเลยเข้ามาดู"
"กูไปรอข้างนอกนะ.." ติณหันไปบอกกับปุณแล้วเดินโก่งตัวไปหยิบกระเป๋านักเรียนที่วางทิ้งไว้บนเก้าอี้ไม้ยาวขึ้นมาสะพายหลังแล้วเดินออกไปโดยไม่ลืมเอามือบังเป้ากางเกงไว้อย่างเนียนๆ
วันต่อมา
ช่วงพักกลางวัน
หลังจากกินข้าวเสร็จ ปุณและติณก็แยกตัวจากเพื่อนสนิทสองคนไปเข้าห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัว ธุระส่วนตัวที่เป็นธุระส่วนตัวจริงๆ ไม่ได้ปากแนบปากเหมือนในห้องเปลี่ยนชุดที่โรงยิมเมื่อวาน คนเข้าออกเยอะขนาดนี้พวกเขาไม่สามารถทำอะไรแบบนั้นได้หรอก
หลังจากออกมาจากห้องน้ำแล้ว ทั้งคู่ก็ได้เดินออกจากโรงอาหารแล้วเดินไปที่หลังตึกเรียนภาษาอังกฤษเนื่องจากเพนและอ้อมรออยู่ที่นั่น และที่ตรงนั้นก็เป็นที่ประจำของพวกเขาสี่คน
ปุณเดินกอดคอติณเหมือนเดิมอย่างที่ชอบทำประจำ แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือประโยคที่คุยกัน
"เอาหน้ามาใกล้กูแบบนี้คืออ่อยกูอยู่เหรอ?"
"แล้วมึงหวั่นไหวเหรอ? แสดงว่ากูอ่อยสำเร็จดิ" ปุณยกยิ้มจนลักยิ้มสองข้างบุ๋มลง เขาแค่อยากจะลองแกล้งอ่อยคนเงียบๆ อย่างติณเสียหน่อยว่าจะมีอาการยังไง
อันที่จริงเหตุการณ์เมื่อวานในโรงยิมมันก็ชัดเจนแล้วนะว่าติณมีอาการแบบไหน แต่วันนี้อยากลองอีก ได้แกล้งคนนิ่งๆ ขรึมๆ อย่างติณก็สนุกดี
"ทำเป็นเล่นไปเถอะ วันไหนกูอดไม่ไหวขึ้นมามึงจะซวยไอ้เหี้ยปุณ" ติณกระตุกยิ้มมุมปากด่าเพื่อน มันคงไม่คิดสินะว่าเขาคิดอะไรกับมันจริงๆ ตอนนี้มันแค่ยังไม่ถึงเวลาเฉยๆ เขาเลยไม่รีบร้อนบุกไปหาปุณถึงบ้าน ถ้าจะไปมันก็ไม่ยาก แค่บอกลุงกูลกับป้านางว่ามานอนกับปุณก็ไม่มีปัญหาแล้ว ใช่ว่าเขาไม่เคยไปนอนเสียที่ไหน
"มึงกับกูใครจะซวย คิดไม่ดีกับร่างกายกูเหรอไอ้สัด!"
"ใครจะคิดไม่ดีกับร่างกายมึง ถ้าได้ทำก็คงคิดมาดีแล้วป๊ะ หรือมึงจะลองตอนนี้?"