เพราะมึงเป็นของกู |Ep.4|
"เออ ยังไม่ถึงวันแข่งเลย จะรีบบังคับกูไปไหน" ติณว่าไปก็หลบตาไป พยายามจะไม่ตื่นเต้นกับใบหน้าขาวๆ ที่เข้ามาเฉียดข้างแก้ม
ทั้งนี้เขาเองก็ไม่กล้ารับปากปุณด้วยว่าจะได้ไปเชียร์ปุณว่ายน้ำไหม เพราะหลังสอบปลายภาคเสร็จ อาจมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้
และเขาเชื่อว่ามันต้องเกิดขึ้นแน่ๆ เลยยังไม่กล้ารับปากปุณและไม่กล้าแม้แต่จะเล่าหรือปรึกษาเรื่องนี้กับปุณแม้แต่นิดเดียว
"แล้ววันนี้กินข้าวบ้านกูไหม แม่ฝากถามตั้งแต่เช้าละ กูลืมถามมึง" ด้วยความที่อยู่บ้านติดกัน ติณจึงได้มีโอกาสไปทานข้าวกับครอบครัวปุณบ่อยๆ และพ่อแม่ของปุณก็เอ็นดูติณไม่น้อย เนื่องจากสนิทสนมกับนพกรพ่อของติณมากเมื่อตอนที่อีกฝ่ายยังมีชีวิตอยู่
"อืม"
"โอเคงั้นไปบ้านกูเลยละกัน"
แล้วทั้งคู่ก็เดินตรงไปที่บ้านของปุณทันที ซึ่งบ้านปุณกับบ้านติณอยู่ติดกันเนื่องจากเป็นบ้านแฝดสองชั้นที่นพกรกับนุกูลพ่อของปุณซื้อพร้อมกันเมื่อสมัยยังหนุ่ม
สองวันต่อมา
สนามบิน
15:30 น.
วันนี้เป็นวันเสาร์ ซึ่งตรงกับวันที่โรงเรียนปิดการเรียนการสอน ทำให้ติณต้องมานั่งรอรับมารดาลงเครื่องที่สนามบิน ทั้งๆ ที่ไม่อยากมาสุดๆ
ส่วนปุณแม้อยากจะมาเป็นเพื่อนก็มาไม่ได้เพราะต้องไปซ้อมว่ายน้ำที่โรงเรียน ทำให้คนที่หาทางออกจากปัญหาไม่เจออย่างติณต้องมานั่งกลัดกลุ้มอยู่คนเดียว
"ติณ"
"...." เด็กหนุ่มเงยหน้ามองมารดาที่พึ่งส่งเสียงเรียกก่อนที่ร่างระหงส์ในลุคคุณนายจะเดินลากกระเป๋ามาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา
"หวัดดีครับแม่" คำทักทายที่เลี่ยงไม่ได้หลุดออกมาจากปากคนเป็นลูก แม่เขายังดูเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางราคาแพงยังดูมุ่งมั่นในสิ่งที่กำลังจะทำ
"เรียกรถไว้แล้วหรือยัง รีบกลับบ้านกันเถอะ แม่มีของมาฝากแกเยอะเลย" ศศินา ปล่อยกระเป๋าเดินทางให้ลูกชายถือ ก่อนจะเดินไปกอดคออีกฝ่ายแล้วพากันเดินออกจากสนามบินไปขึ้นแท็กซี่ที่ติณเรียกไว้เมื่อสิบห้านาทีก่อน
หลังจากนั่งรถมาครึ่งชั่วโมง ในที่สุดทั้งคู่ก็ถึงบ้าน และบังเอิญว่าปุณก็พึ่งจะกลับจากซ้อมว่ายน้ำที่โรงเรียน จึงมีโอกาสได้เจอติณกับศศินาพอดี
ปุณเองก็รู้จักแม่ของติณมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เด็กหนุ่มจึงไม่รอช้าที่จะเข้าไปยกมือไหว้ทักทาย
"น้าปรางสวัสดีครับ ยังสวยเหมือนเดิมเลยนะครับ"
"อ้าวปุณ! ไม่เจอตั้งนาน โตขึ้นเยอะเลยนะ" ศศินาที่พึ่งลงจากรถแท็กซี่ เห็นปุณเข้ามาไหว้ทักทายจึงรีบรับไหว้และทักทายกลับ
"ก็ไม่เท่าไหร่หรอกครับ สูงขึ้นไม่กี่เซ็นฯ เอง"
"แล้วนี่ไปไหนมาเหรอ?" ศศินายิ้มถามอย่างสนิทสนม ในขณะที่ติณตามคนขับแท็กซี่ไปเอากระเป๋าเสื้อผ้าที่ท้ายรถ
"ไปซ้อมว่ายน้ำมาครับ"
"อ๋อ ได้ข่าวว่าได้เหรียญทองตอนแข่งระดับภูมิภาคหนิ เก่งนะเรา"
"ขอบคุณครับ"
"เออ น้ามีของมาฝากด้วย ไว้รื้อของในกระเป๋าแล้วจะให้ติณเอาไปให้นะ"
"ขอบคุณครับน้าปราง"
"เอองั้นน้าเข้าบ้านก่อน มีเรื่องต้องจัดการเยอะแยะเลย"
"ครับน้า"
เมื่อเห็นติณได้กระเป๋าเดินทางใบโตมาแล้ว ศศินาก็รีบฉุดตัวลูกชายเข้าบ้าน ไม่ปล่อยให้เด็กหนุ่มสองคนได้คุยอะไรกัน เพราะเธอดูออกว่าทั้งติณและปุณไม่ได้มีความรู้สึกให้กันแค่เพื่อนธรรมดา
ปุณยืนมองแผ่นหลังของคนทั้งสองที่กำลังเดินเข้าบ้านด้วยความรู้สึกหดหู่เล็กน้อย
แต่แล้วลักยิ้มทั้งสองข้างก็ต้องบุ๋มลึกลงเมื่อเห็นติณเอามือไขว้หลังมาแล้วทำมือเป็นรูปโทรศัพท์ส่งมาให้ เด็กหนุ่มจึงหันหลังเดินเข้าบ้านอย่างสบายใจ
"นี่นาฬิกา แม่ซื้อมาฝากแก สวยไหม?" หลังจากรื้อข้าวรื้อของเสร็จ ศศินาก็หยิบนาฬิกาเรือนหรูออกมาให้ลูกชายด้วยความตื่นเต้น "ยังมีเสื้อผ้าดีๆ แพงๆ อีกหลายชุดเลย แกลองเอาไปสวมดูสิ"
ติณวางกล่องนาฬิกาเรือนหรูลงแล้วรับเสื้อผ้าที่มารดายัดใส่มือมาให้อย่างไม่รู้สึกอะไร
ถ้าแม่จะเงยหน้ามองเขาสักหน่อยก็คงจะรู้ว่าลูกชายคนนี้ไม่ได้อยากไปเรียนที่เมืองนอกตามคำเรียกร้องของมารดาเลยสักนิดเดียว
...ลองมองหน้าเขาสักหน่อยสิว่าเขามีความสุขบ้างหรือเปล่า
หรือบางทีแม่อย่างเธออาจไม่ได้สนใจว่าลูกชายอย่างเขาจะรู้สึกยังไง แค่ต้องทำตามคำสั่งเธอก็พอ