บทที่๖...อย่าสะกิดเดี๋ยวไม่หยุดแค่นอน (๒)
“ง่วงหรือยัง” หมอนข้างที่คั่นกลางไม่ได้ทำให้รู้สึกห่างไกลสักนิด เธอถามเขาแล้วรอฟังคำตอบ
“ยัง” ความเงียบคืบคลานเข้ามาอีกครั้ง ไม่รู้ว่าจะถามอะไรแต่คิดว่าหากไม่ได้ลองสักครั้งคงนอนไม่หลับแน่ มันไม่ใช่เรื่องแปลกเลยแต่ว่าเธอก็เคยเริ่มก่อนแล้ว และโดนเขาปฏิเสธอย่างไรเยื่อใย พอครั้งนี้ก็อยากให้สัญญาณก่อน
มือเล็กค่อยเลื่อนไปใต้หมอนข้างแล้วแตะที่มือหนา ไม่เห็นเขาชักมือหนีจึงค่อยไล่แตะทีละนิด หยอกเล่นอย่างนั้นจนหล่อนไม่ทันคิดว่าอย่าแหย่เสือหลับ เพราะมันจะลุกมาขย้ำจนตั้งตัวไม่ทัน
รู้ตัวอีกทีร่างหนาก็ขึ้นคร่อมหล่อนเอาไว้แล้ว ดวงตาทั้งสองจ้องกันก่อนที่เขาจะโน้มลงมาจุมพิตปากจิ้มลิ้มอย่างรวดเร็ว ชิมความหวานที่ไม่เคยได้ลิ้มลองอย่างหลงใหล มันนุ่มเสียจนต้องจูบย้ำซ้ำๆ อย่างนั้นและดูปฏิกิริยาคนตัวเล็กว่าขัดขืนหรือไม่
และดูเหมือนว่าเธอจะเต็มใจกับจูบแรกระหว่างเรา ไม่มีอาการต่อต้านแต่อย่างใดนอกจากเสียงครางในลำคอ ใบหน้าคมผละออกมาเล็กน้อยแล้จูบปลายคางมนค่อยไล่ลงมายังลำคอระหงที่ยังมีกลิ่นจากน้ำหอมติดอยู่
แชมเปญราคาแพงที่ได้ดื่มทำให้หล่อนเริ่มมัวเมากับกิจกรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น ความอยากรู้อยากลองมีอำนาจเหนือการสั่งของสมอง เสื้อยืดตัวบางถูกเลิกขึ้นมากองยังเนินอกเมื่อไหร่หล่อนก็ไม่อาจทราบ แม้กระทั่งเขาถอดมันออกพรณัชชาก็ชูแขนให้โดยไม่ต้องร้องขอสักคำ
อากาศในห้องกำลังเพิ่มขึ้นสูงตามแรงอารมณ์ของคู่สามีภรรยาข้าวใหม่ปลามัน ฮันนีมูนที่เคยคิดว่าคงไม่เกิดอะไรขึ้นมันกลับพลิกอย่างรวดเร็ว รู้อย่างนี้เขาคงหยิบถุงยางอนามัยที่น้องชายซื้อให้ติดมือมาด้วย
ทุกอย่างอยู่เหนือการควบคุม จิตใจของทั้งสองกำลังเดินไปตามหนทางที่ทอดยาวขึ้นไปสู่สรวงสวรรค์ ไม่รู้ว่าระหว่างทางจะเป็นเช่นไร แต่แค่มือหนาแตะยังทรวงอกที่มีเพียงชุดชั้นในสีส้มปกปิดก็เกร็งไปหมดแล้ว
“ถ้าเธอไม่อยาก ฉันจะหยุด” ขณะที่กำลังจะเอื้อมมือไปปลดตะขอด้านหลังออกก็ถามความสมัครใจของภรรยาก่อน
“อย่าหยุด ทำต่อ” ตอบอย่างรวดเร็ว เขาเป็นคนเริ่มแล้วจะมาหยุดกลางทางได้อย่างไร หล่อนไม่มีทางยอมหรอก ของแบบนี้ต้องไปให้สุดทางเท่านั้น
“ถ้าอย่างนั้น ฉันจะทำให้สุดฝีมือ” ดวงตาทั้งสองสบกันก่อนที่ร่างสูงจะโน้มมาจูบหล่อนอีกครั้ง และคราวนี้ไม่ใช่การขออนุญาตเมื่อคราวแรก แต่มันคือการที่พร้อมจะเริ่มความสัมพันธ์ทางกาย
จูบแสนดุดันเล่นเอาคนใต้ร่างไม่ทันตั้งรับ ชั่วโมงบินของเธอยังน้อยจึงทำได้เพียงตอบรับด้วยความเงอะงะ มันไม่ได้ดูน่ารำคาญแต่กลับยิ่งท้าทายชายหนุ่มมากกว่าเดิม ตัดสินใจสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากสีหวาน ก่อนต้อนจนหล่อนยอมสยบ เขาจึงได้เกี่ยวกระหวัดแสดงความชำนาญทั้งที่ตนเองก็ไม่ได้ผ่านผู้หญิงมามาก
ถึงไม่มีแฟนแต่ไรวินทร์ก็เคยมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงมาเหมือนกัน เพียงแค่คนสองคนเท่านั้น ตามคำชักชวนของเพื่อนและเขาก็ไม่ยุ่งกับหล่อนอีกเลยเพราะดูเหมือนฝ่ายนั้นต้องการจับตนเอง
“เธอไม่เคยเหรอ” ถามอย่างตรงไปตรงมา แล้วหญิงสาวก็หลบสายตาเขาก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย
“ตอบให้ฟังหน่อยสิ เธอไม่เคยนอนกับใครเลยเหรอ” ภายนอกเหมือนว่าหญิงสาวเป็นคนเจนจัดผ่านโลกมามาก แต่ดูจากการร่วมรักที่กำลังจะดำเนินต่อไปแล้ว ร่างสูงค่อนข้างเซอร์ไพรส์เหมือนกันที่ภรรยาไม่เคยผ่านมือชายใดมาก่อน
“ไม่เคย จะทำอะไรก็รีบทำ” บอกด้วยความอาย และเขาก็ไม่ขัดจับทรวงอกนวดเคล้นสร้างอารมณ์ให้หญิงสาว ซึ่งเธอก็มองหน้าเขาด้วยแววตาเว้าวอน รู้สึกว่าตอนนี้ความต้องการพุ่งมากขึ้นกว่าเดิมเสียแล้ว
มือหนาเอื้อมไปปลดสายคล้องด้านหลัง แกะเชือกที่หล่อนผูกเอาไว้ออกแล้วหยิบบีกินี่ชิ้นบนให้พ้นร่างกายแสนงดงามที่ล่อตาเสียเหลือเกิน ดอกบัวคู่งามปรากฏแก่สายตา ไม่รอช้าลงไปชิมความหอมหวานด้วยลิ้นของตนเอง
เขาดูดกลืนปลายยอดจนมันชูชัน ก่อนจะเลียรอบฐานเล่นเอาเปียกชุ่มไปหมด ใบหน้าหวานแหงนขึ้นพลางแอ่นอกให้ชิดปากได้รูป เสียงครางถูกเปล่งออกมาไม่สามารถอดกลั้นเอาไว้ได้อีก
สามีหยอกล้อกับทรวงอกของภรรยาด้วยความสนุก ยิ่งเห็นท่าทีของหล่อน ลมหายใจขาดห้วงก็เกิดความท้าทาย อยากเห็นมากกว่านี้ อยากได้ยินเสียงร้องอ้อนวอนจากปากสวย
ค่อยไล่จุมพิตลงมาที่หน้าท้องแบนราบ วนแอ่งสะดือด้วยความหลงใหลแล้วดึงกางเกงออกจากขาเรียวด้วยความร่วมมือจากเจ้าของร่าง การฮันนีมูนกำลังจะสมบูรณ์แล้ว หญิงสาวรู้สึกว่ามันเนิบเกินไป หล่อนอยากให้คนตัวสูงเข้ามาภายในกายตนเอง
“อ่ะ” สะดุ้งเมื่อมือหนาสัมผัสที่กลีบดอกไม้งามทั้งที่หล่อนยังสวมจีสตริง ชื่นชมความงดงามของรูปร่างที่เหมือนภาพวาดด้วยตาเปล่า หลังจากนั้นจึงถอดเสื้อผ้าของตนเองออกอย่างรวดเร็วใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีด้วยซ้ำ
เธอเหลือบมองสามีที่ตอนนี้ร่างกายเปล่าเปลือย ใจเต้นแรงมากกว่าเดิมด้วยความตื่นเต้น ไม่คิดว่าตนเองจะมาถึงจุดนี้ได้ ใบหน้าหวานแดงก่ำพลางมองไปที่อื่นแต่ไม่นานก็ต้องหลุดครางเพราะเขามานอนซ้อนด้านหลัง พลิกกายให้ร่างบางตะแคงข้าง
“หอมชะมัด” หอมซอกคอขาวแล้วจุมพิตจนได้ยินเสียง แอบฝากรอยเอาไว้จางๆ ไม่กล้าทำสีเข้มมาก มือข้างหนึ่งสอดมากอบกุมทรวงอกนุ่มเอาไว้ ขณะที่อีกข้างเลื่อนไปยังจีสตริงแล้วค่อยล้วงเข้าไปด้านใน
“อ่า เอาเข้ามาเลยได้ไหม” ทนไม่ไหวแล้ว หากจะให้โอ้โลมกันอยู่แบบนี้เธอขาดใจตายแน่ คนฟังได้ยินอย่างนั้นก็ลอบอมยิ้มกับคำพูดเอาแต่ใจ
“อย่าใจร้อนสิ” บอกทั้งที่ยังสอดเข้าออกเป็นจังหวะกับกลีบสีอ่อน
“ก็นายช้า เร็วๆ” ได้ยินอย่างนั้นก็ไม่ขัดศรัทธา เขาจัดการจับแก่นกายของตนเองเช้าไปในช่องทางของร่างบาง
“อย่าเกร็ง” แต่คนปากเก่งก็เกร็งจนเขาต้องบอกให้ผ่อนคลายลง ค่อยเข้าไปจนสุดแล้วแช่ไว้อย่างนั้นสักพัก จนกระทั้งสะโพกมนเริ่มขยับเป็นการบอกให้เคลื่อนตัวได้แล้ว เขาจึงได้ทำตามความต้องการของภรรยา
เสียงเนื้อกระทบกันดังไปทั่วห้องพร้อมกับเสียงครางกระเส่าของร่างบาง มือหนายังทำหน้าที่ได้ดีด้วยการนวดเคล้นดอกบัวนุ่มหยุ่น แต่การที่เข้าทางด้านหลังก็เสียดายที่ไม่เห็นใบหน้าหวานตอนกำลังมีความสุข
อยากเห็นว่าตอนนี้หล่อนรู้สึกเช่นไร จึงได้หยุดชั่วครู่ก่อนขึ้นคร่อมหญิงสาวเอาไว้ เข้าไปในช่องทางสีอ่อนค่อยขยับกายอย่างเชื่องช้า ก่อนจะเริ่มเร็วขึ้นเมื่อความต้องการเริ่มพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ไม่ลืมมองใบหน้าหวานที่เคลิ้มไปกับสิ่งที่กำลังพบเจอ
แววตากลมโตเต็มไปด้วยเพลิงปรารถนายามจ้องมาที่เขา ชายหนุ่มแหวกเรียวขาให้กว้างขึ้นเพื่อจะได้สอดเข้าไปลึกกว่าเดิม แล้วเหมือนว่ามันจะทำให้หล่อนมีความสุขเมื่อริมฝีปากจิ้มลิ้มแย้มยิ้มออกมาจนเขายิ่งเพิ่งความดุดัน
ทรวงอกกระเพิ่มตามแรงสั่นไหว มือเล็กยกขึ้นมาจับแขนหนาเอาไว้พลางส่ายศีรษะแล้วแหงนหน้าขึ้น ครวญครางด้วยความรู้สึกแปลกใหม่ที่ได้พานพบ ยิ่งเขาเร็วเท่าไหร่เสียงของหล่อนก็ดังมากขึ้นเท่านั้น ไม่ต้องกลัวว่าข้างห้องจะได้ยินเพราะรีสอร์ทแห่งนี้เก็บเสียงทุกห้อง
เหมาะแก่การมาฮันนีมูนหรือสวีทเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะคู่รักข้าวใหม่ปลามันที่ต้องการใช้เวลาร่วมกันทั้งคืน
“ไม่ไหวแล้ว ใกล้แล้ว อีกนิด อ่า” หล่อนร้องเสียงหลงเมื่อแตะปลายขอบฟ้าก่อนที่จะหอบหายใจถี่ด้วยความเหนื่อย เหมือนวิ่งมาราธอนกว่าสามสิบกิโล เหงื่อแตกออกตามร่างกายทั้งที่เรื่องปรับอากาศก็ยังทำงานได้ดี
“ไปอาบน้ำกัน” ไม่ทันได้รับคำตอบก็อุ้มคนตัวเล็กขึ้นมา จนหล่อนต้องเกี่ยวขาที่เอวสอบพลางกอดคอหนาเอาไว้ด้วยกลัวตก
“ไม่อยากอาบ” บอกเขาขณะที่ร่างสูงพาเดินเข้าห้องน้ำ เนื้อแนบเนื้อจนหนุ่มการตลาดแทบอดใจเอาไว้ไม่ไหวแล้ว เพียงแค่มองใบหน้าหวานก็มอบจุมพิตให้อีกครั้ง ไม่สนใจว่าจะมองเห็นทางเดินหรือไม่ จนกระทั่งมาถึงห้องน้ำที่มีอ่างจากุซซี่วางไว้ติดผนังกระจกสามารถมองเห็นวิวรอบทิศ
ค่อยวางเธอลงแล้วเข้าไปนั่งข้างใน หันหน้าเข้าหากันจนคนตัวเล็กรู้สึกเขิน เธอยกมือขึ้นปิดทรวงอกในขณะที่เขาถอดจีสตริงออกจากร่างบาง หันไปเปิดน้ำอุ่นให้เต็มอ่างค่อยจับเอวคอดดึงหล่อนให้มาแนบชิด
“ฉันว่ารอบเดียวไม่พอหรอก” บอกด้วยน้ำเสียงแหบพร่า เธอเองก็คิดเช่นเดียวกัน ตอนนี้อยากต่ออีกหลายรอบ เหมือนนั่งรถไฟเหาะแล้วไม่อยากลงทั้งที่มันมีแต่ความหวาดเสียวตลอดเวลา
“ถ้างั้น ต่ออีกหลายๆ รอบเลยดีไหม” กรีดนิ้วไปตามแผงอกหนา แล้วช้อนสายตามองเขาเล่นเอาใจหนุ่มสั่นไหวกับท่าทีของหล่อน
“ท้าเหรอ” ขยับเข้าไปใกล้จนปากเกือบจะแตะกันอยู่แล้ว
“กล้าไหมล่ะ” เพียงเท่านั้นหนุ่มการตลาดก็ไม่ยอมน้อยหน้า เขาจูบหล่อนทันทีพร้อมกับกอบกุมทรวงอกนุ่มหยุ่นที่พอดีมือเสียเหลือเกิน
ห้องพักที่คิดว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกลับเต็มไปด้วยเสียงครางกระเส่าของคู่สามีภรรยา การดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์มันช่างหวานล้ำเสียเหลือเกินจนอยากยืดเวลาออกไป
อยากโอบกอดเธอเอาไว้ทั้งวันทั้งคืน...
ดวงตาคมค่อยลืมขึ้นอย่างเชื่องช้าก่อนจะเห็นคนตัวเล็กอยู่ในอ้อมกอดของตนเอง รอยยิ้มประดับที่ริมฝีปากแล้วกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น เห็นตัวเล็กแบบนี้แต่ก็นุ่มนิ่มน่าจับไปทั้งตัว หล่อนขยับกายเล็กน้อยเมื่อรู้สึกอึดอัด ก่อนจะลืมตาในเช้าวันใหม่
เห็นว่าสามีกำลังมองอยู่ก็ทำหน้าไม่ถูก หลุบตามองต่ำก่อนจะรู้สึกว่าตอนนี้ร่างกายแทบไม่มีอะไรห่อหุ้ม เนื้อแนบเนื้อที่แท้จริง
“หิว” ไม่ได้บอกอรุณสวัสดิ์แต่กลับพูดคำว่าหิวซะอย่างนั้น คนฟังหัวเราะในลำคอก่อนปล่อยเธอให้เป็นอิสระ
“จะกินที่ห้องหรือลงไปข้างล่าง” เธอหันไปอีกทางแล้วเอื้อมหยิบเสื้อยืดที่ถูกทิ้งไว้ข้างเตียงมาสวม ถึงจะไม่ได้ใส่ชั้นในแต่ขอให้มีอะไรปิดร่างกายก็พอ
“ข้างล่าง ฉันอยากไปเดินเล่นริมหาดก่อนกลับด้วย” เขามองตามร่างเล็กที่เดินเข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกาย ไม่รู้ทำไมหล่อนน่ารักมากขึ้นขนาดนี้แค่ผ่านไปคืนเดียว
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันไม่ได้เกิดจากความเมา แต่มันคือความตั้งใจของพวกเขา และอารมณ์ซึ่งเกินจะยับยั้งไว้ได้ ความต้องการมันพุ่งขึ้นสูงและไม่เห็นว่าจะต้องอดทนไปทำไมในเมื่อเป็นสามีภรรยากันอยู่แล้ว
สิ่งที่ทำจึงเป็นการทำตามใจตนเอง...ด้วยการสร้างความสัมพันธ์แสนลึกซึ้งกับพรณัชชา
หลังอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ลงมากินข้าวข้างล่าง บรรยากาศสีชมพูกว่าวันแรกที่มาแต่กลับไม่มีใครพูดอะไรเลย พวกเขาไม่เอ่ยถึงเรื่องเมื่อคืนทั้งที่ทุกภาพ ทุกการกระทำ ทุกคำพูดยังชัดเจนก้องอยู่ในหู
“ถ่ายรูปไหม” หลังรับประทานอาหารเสร็จจึงพากันมาเดินเล่นริมชายหาดก่อนจะกลับเมืองหลวงไปสะสางงานที่น่าจะพอกพูนขึ้น
พรณัชชาส่ายหัวเป็นคำตอบ แค่นี้ก็ไม่รู้ว่าจะลงยังไงหมดแล้ว หล่อนถ่ายตั้งแต่วันที่มาจนเมื่อวานที่ไปดำน้ำกับสามี ไหนจะอยู่สระน้ำของห้องพักอีก พอคิดถึงตรงนี้ภาพเหตุการณ์ต่างๆ ก็ผุดขึ้นมาอีกครั้ง
เพราะมือไม้อ่อนจนทำให้เสียตัวครั้งแรก และมันก็ดีจนหล่อนลืมไม่ลง แถมยังอยากลองอีกหลายครั้งซะด้วยสิ
แย่แล้วหมิง นี่เธอกำลังเสพติดร่างกายของสามีหรือเปล่า...
“นายไม่เคยมีแฟนเหรอ” ทางเดินทอดยาวไปจนสุดลูกตา หล่อนถอดรองเท้าแล้วนำมาถือไว้เพื่อสัมผัสน้ำทะเลที่ซัดขึ้นมาบนหาด ความเย็นทำให้ผ่อนคลายจากอากาศร้อนได้บ้าง
“ไม่ เธอล่ะ” หล่อนเงียบไปครู่หนึ่งแล้วค่อยตอบ
“ก็มีคนเดียว” แล้วบรรยากาศก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง ทั้งที่ก่อนมาหล่อนเป็นคนพูดมาก พูดไม่หยุดแต่พอผ่านค่ำคืนแสนหวานเมื่อคืนกลายเป็นว่าปากหนักเสียอย่างนั้น
“เรื่องเมื่อคืน คือฉัน โอ๊ย” กำลังจะบอกว่ามีความสุขมากแค่ไหนกับเรื่องเมื่อคืนหล่อนก็ต้องร้องด้วยความเจ็บแล้วก้มมองเท้า พบว่าตนเองเดินเหยียบเปลือกหอยจนได้แผล แต่ดีที่ไม่ลึกมากเท่าไหร่
คนตัวสูงเห็นอย่างนั้นก็รีบก้มลงดูแผลด้วยความเป็นห่วง คิ้วขมวดเข้าหากันก่อนจะลุกยืนแล้วเผชิญหน้ากับภรรยา
“เดินยังไงให้หอยบาดเนี่ย ไม่ระวังเลย” บอกเสียงเข้มเล่นเอาคนโดนบ่นถึงกับหน้าเสีย
“อย่าดุสิ” เงยหน้าขึ้นมองก่อนจะกระพริบตาปริบ ไรวินทร์เห็นอย่างนั้นก็ถอนหายใจแล้วยกมือขึ้นลูบศีรษะมน
“ไม่ได้ดุ ก็แค่เป็นห่วง” จำไม่ได้แล้วว่าคำว่าเกลียดหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ความรู้สึกไม่ชอบผู้หญิงคนนี้มลายไปตอนไหน
รู้เพียงแค่เวลานี้ วินาทีนี้...เขาอยากให้พรณัชชาอยู่ในสายตาตลอดไป