บทที่๖...อย่าสะกิดเดี๋ยวไม่หยุดแค่นอน (๑)
บทที่๖...อย่าสะกิดเดี๋ยวไม่หยุดแค่นอน
หลังดำน้ำเสร็จเรียบร้อยก็พากันกลับมายังห้องพัก ร่างบางเหนื่อยจากการผจญภัยทั้งวันแทบนอนหลับแต่ก็ยั้งตัวเองเอาไว้ทัน เข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายโดยร่างสูงก็รออยู่ข้างนอก เธอใช้เวลาในห้องน้ำไม่นานด้วยรู้ว่าไรวินทร์รออยู่ ปกติก็ไม่ใช่ผู้หญิงอาบน้ำนานด้วย
ออกมาด้วยชุดเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขาสั้นอวดเรียวขาสวย หล่อนใช้ผ้าขนหนูโพกศีรษะที่เปียกเอาไว้ ชายหนุ่มเห็นอย่างนั้นก็แอบมองเพราะชอบในความธรรมชาติของเธอ ไม่ว่าจะทำอะไรพรณัชชาก็ดึงดูดสายตาเขาไปเสียหมด
แบบนี้ดูเหมือนจะแย่เสียแล้ว ไม่อยากตกเป็นรองเท่าไหร่
“ฉันสั่งอาหารมากินบนห้องนะ” ตะโกนบอกตอนที่ร่างสูงเข้าห้องน้ำไปแล้ว ได้ยินเขาตอบรับก็อมยิ้มก่อนโทรสั่งจากห้องอาหาร
หนุ่มการตลาดชำระร่างกายเรียบร้อยก็เดินออกมาทั้งที่ผ้าเช็ดตัวยังพันกายด้านล่าง เขาเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบเสื้อมาสวม ก่อนจะเลือกกางเกงขาสามส่วน ฮันนีมูนครั้งนี้เขาเอามาแต่กางเกงสามส่วนเพราะใส่สบาย กับกางเกงทรงกระบอกผ้านิ่ม
ทิ้งมาดของหนุ่มบริหารมาเป็นหนุ่มเซอร์ผมก็ไม่เซต หยิบผ้าขนหนูผืนเล็กมาเช็ดผมให้แห้งก่อนมองหาคนร่วมห้อง ก่อนจะเห็นว่าหล่อนอยู่ที่สระน้ำส่วนตัวค่อยเดินออกไปหาที่ระเบียง
“ทำอะไร” เห็นหล่อนกำลังจัดแจงก็ถามขึ้น
“มาพอดี ถ่ายรูปให้หน่อย” เลิกคิ้วมองคนตัวเล็ก พลางถามด้วยความทึ่ง
“ถ่ายมาทั้งวันยังไม่พออีกเหรอ กะจะลงถึงปีหน้าหรือไง” ฟังอย่างนั้นก็ถอนหายใจก่อนจะมองสามีแล้วกรอกตา
“ฉันถ่ายก็คิดว่าจะลงทั้งปีนั่นแหละ น่าจะไม่ค่อยว่างไปไหนแล้ว ปีนี้เป็นครั้งแรกที่ฉันมาเที่ยวเลยนะ ปกติทำแต่งานไม่ได้ไปไหน นายถ่ายให้ฉันแค่นี้..” พูดไม่ทันจบโทรศัพท์ก็ถูกคว้าไปเสียก่อน
“ไม่ต้องพูดมากเลย ฉันถ่ายให้ จะเอาท่าไหน” แอบยิ้มสมใจแล้วถอดเสื้อของตนเองออก เล่นเอาเขาอ้าปากเหวอไม่ทันเตรียมใจ
ผมยาวสลวยถูกมัดขึ้นเป็นมวยหลังจากที่เป่าจนแห้งแล้ว ไม่อยากให้มันเปียกน้ำอีก ค่อยถอดกางเกงออกจากเรียวขาค่อยวางไว้บนโต๊ะ ทุกการกระทำของพรณัชชาอยู่ในสายตาคม พยายามไม่มองแต่ก็ทำไม่ได้
ทำไมหล่อนมีเสน่ห์ตรึงสายตาเขาได้ขนาดนี้
“ถ่ายสวยๆ เลยนะ” ตอนนี้แทบไม่ได้มองหน้า บีกินี่สีส้มของหล่อนกระแทกตาเขาเต็มๆ ต้องเรียกสติตัวเองแล้วกดถ่ายภาพตรงหน้าหลายๆ มุม
ถาดอาหารที่ลอยบนน้ำเอามาเป็นพร็อบเท่านั้นแหละ เดี๋ยวก็ขึ้นมากินบนโต๊ะเหมือนเดิม หล่อนเคลื่อนกายอย่างพลิ้วไหวใต้สายน้ำไปยังวิวที่เห็นทะเลกว้าง โพสท่าราวนางแบบทำให้ช่างภาพจำเป็นกดถ่ายไม่หยุด
เธอสวยจนไม่อยากให้คนอื่นได้เห็น เป็นนางไม้ในป่าหิมพานต์หรืออย่างไร บางทีอาจเล่นมนต์เสน่ห์ใส่หรือเปล่า เหมือนเขาจะหลงเธอในเวลาไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ
บางทีอาจจะชอบตั้งแต่คืนที่เห็นพรณัชชาเต้นอยู่กลางฟลอร์ของคลับแล้ว...
“พอได้แล้ว มากินข้าวสักทีฉันหิว” ท้องเริ่มร้องประท้วงจึงได้บอก เธอก็ไม่ขัดรีบขึ้นมาจากน้ำแล้วยกถาดอาหารไปด้วย นั่งกินด้วยความหิวโดยไม่สนใจจะสวมเสื้อก่อนด้วยซ้ำ ไม่คิดจะอายที่อยู่กับชายหนุ่มสองต่อสองเลยจนเป็นไรวินทร์เองที่หยิบเสื้อมาให้เธอเพื่อสวม
ติ๊งน่อง
เสียงออดดังขึ้นทำให้หญิงสาวตาลุกวาว กำลังจะออกไปเปิดประตูก็เจอสามีจับไหล่ให้นั่งลง สายตาตำหนิเต็มที่
“นั่งอยู่นี่แหละ เอาเสื้อไปใส่ด้วยอย่านั่งตัวเปล่า ใส่แค่บีกินี่จะออกไปข้างนอกได้ไง” ประโยคสุดท้ายพึมพำกับตนเอง เล่นเอาคนตัวเล็กเพิ่งนึกออกว่าตนขึ้นจากน้ำโดยไม่ได้สวมเสื้อยืด มีเพียงบีกินี่สีส้มเท่านั้น
หล่อนเม้มปากแน่นยกมือขึ้นเขกศีรษะตนเอง ลืมตัวนึกว่าอยู่กับเพื่อนจนได้เรื่อง อายจนไม่กล้ามองหน้าชายหนุ่ม รีบสวมเสื้อยืดและกางเกงอย่างรวดเร็วพอดีกับที่เขาเดินเข้ามาพร้อมบริกรที่เข็นรถอาหารเข้ามาด้วย
“แชมเปญที่คุณผู้หญิงสั่งครับ” ยิ้มด้วยความดีใจ ไม่ได้ดื่มแชมเปญนานก็รู้สึกเปรี้ยวปากอยากจิบในบรรยากาศสวยงามสักหน่อย
บริกรรินน้ำสีอ่อนลงแก้วทรงสูง ยื่นให้สองสามีภรรยาแล้วเดินออกไปปล่อยให้เป็นเวลาส่วนตัว ไรวินทร์มองเธอพลันส่ายศีรษะ
“เธอมันเมรีขี้เมา” หยิบแชมเปญมาดื่มแล้วนั่งลงตรงข้ามภรรยา หญิงสาวฉีกยิ้มหวานเป็นการกวนแล้วแสร้งถามด้วยความตกใจ
“รู้ฉายาฉันได้ไง” กลายเป็นว่าต้องเลิกสนใจหล่อนแล้วรับประทานอาหารตรงหน้าแทน จำได้ว่าเจอกันครั้งแรกพรณัชชาก็ดื่มด่ำกับน้ำสีอำพันราวมันคือส่วนหนึ่งของชีวิต และจากฉายาที่เขาเรียกและเธอบอกว่าเพื่อนตั้งให้นั้น ตอนเรียนมหาวิทยาลัยคนตรงหน้าต้องเป็นพวกแอลกอฮอล์ลิซึ่มแน่ๆ
“ดื่มแล้วอร่อยตรงไหน ขมจะตาย” ส่วนมากเขาจะดื่มเฉพาะต้องเข้าสังคม ไม่ค่อยชวนเพื่อนดื่มเท่าไหร่ หรือถ้ามีเรื่องทุกข์ใจก็แค่เข้าไปดูหนังอวกาศ หรือฟังเพลงคลาสสิคเพื่อผ่อนคลาย ไม่คิดว่าการใช้แอลกอฮอล์จะช่วยอะไรได้
ขนาดอกหักจากการโดนปฏิเสธรักยังทำแค่ดูหนังเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาว มันก็ไม่ได้ดีขึ้นในเร็ววันหรอกแต่เวลาจะช่วยรักษาบาดแผลเอง
“แล้วใครเขาดื่มให้อร่อยกัน เขาดื่มเอาฟีลลิ่งทั้งนั้นแหละ” ทำหน้าเคลิบเคลิ้มแล้วกินสเต็กเนื้อนุ่มละมุนลิ้น
อาหารเย็นหมดภายในเวลาอันรวดเร็ว บริกรมาเก็บอาหารเหลือไว้เพียงแชมเปญที่พร่องไปครึ่งขวดใหญ่ ยังเหลืออีกเยอะหล่อนจึงหยิบแก้วที่รินน้ำสีอ่อนก่อนนั่งลงหย่อนขาลงสระน้ำ มองเห็นวิวแสนสวยยามเย็นที่พระอาทิตย์เริ่มตกดิน
ไรวินทร์เห็นอย่างนั้นจึงมานั่งข้างหล่อนโดยมือถือแก้มแชมเปญของตนเองเช่นกัน เว้นระยะห่างเล็กน้อยก่อนจะชื่นชมความสวยงามของเกาะแห่งนี้ ความเงียบสงบที่หาไม่ได้ในเมืองหลวง ทำให้เริ่มหลงรักทะเลเข้าเสียแล้ว
“เธอชอบทะเลเหรอ” ถามขึ้นเพื่อทำลายบรรยากาศ
“อือ ฉันชอบทะเล แค่มองก็รู้สึกดีแล้ว นายล่ะชอบทะเลไหม” หันมามองคนข้างตัว เขานิ่งคิดก่อนจะตอบด้วยความไม่แน่ใจ
“ฉันไม่ค่อยชอบเที่ยว ชอบอยู่บ้านมากกว่า แต่ถ้าชวนไปก็ไปได้หมด” ไม่เคยเจอผู้ชายแบบนี้ ส่วนมากคนที่เธอรู้จักไม่ค่อยติดบ้าน เพื่อนผู้ชายที่เรียนมาด้วยกันเข้าร้านเหล้าเป็นชีวิตจิตใจ แต่ก็ไม่เคยตัดสินใครเพราะประสบการณ์ส่วนตัวเช่นกัน
ไม่น่าเชื่อว่าไรวินทร์จะพัฒนาขึ้นจากเมื่อก่อนค่อนข้างมาก ทั้งที่เคยเป็นคนใจร้ายแท้ๆ
ไม่สิ ตอนนี้ก็ยังใจร้ายอยู่ ขอหย่าหล่อนวันละสามรอบ จะดีขึ้นก็ตอนมาฮันนีมูนนี่แหละที่เขาไม่พูดถึงเรื่องหย่าเลย
“เธอไม่คิดจะเรียกฉันว่าพี่เลยเหรอ ฉันอายุมากกว่าเธอนะ” พรณัชชาเงียบไปสักพัก ไม่เคยเรียกเขาว่าพี่เลยถึงจะห่างกันสองปี แค่คิดว่าต้องเรียนคำว่าพี่นำหน้าแล้วตามด้วยชื่อก็จั๊กจี้หัวใจแปลกๆ
“ไม่ ทีนายยังไม่เห็นเรียกฉันน้องเลย” กลายเป็นความเงียบระหว่างคนทั้งสอง ถ้าให้เขาเรียกเธอด้วยชื่อก็คงรู้สึกแปลก ปกติเรียกด้วยสรรพนามเธอฉันตลอด
“เอาไว้สนิทใจจะเรียกค่อยเรียกแล้วกัน” หนุ่มการตลาดบอกเสียงเบา แต่เพราะสถานที่นั่งมีเพียงลมพัดผ่านทำให้หล่อนได้ยินชัดเจน คิดว่าวันหนึ่งคงสามารถเรียกไรวินทร์ว่าพี่ได้อย่างเต็มใจ
และแค่คิดก็ทำเอาสั่นไหวไปทั้งหัวใจ จนมือไม้ที่ถือแก้มแชมเปญอ่อนปล่อยมันหลุดมือสร้างความตกใจให้คนนั่งข้าง หล่อนเองก็รีบโน้มตัวไปคว้าพอดีกับที่เขาวางแก้วตนเองแล้วคว้าแก้วของหล่อนเช่นกัน
ทว่ามือหนากลับพลาดไปจับทรวงอกของคนตัวเล็กเขาเต็มเปา ดวงตากลมเบิกกว้างขึ้นไม่ต่างจากคนตัวสูงที่ตกใจเช่นเดียวกัน เขารีบผละออกอย่างรวดเร็วราวโดนของร้อน ส่วนหญิงสาวหน้าแดงเห่อเพราะมือหนาที่สัมผัสตนนั้นอุ่นจนเกือบร้อน
ภาพที่เคยเห็นตอนดูหนังสิบแปดบวกโผล่ขึ้นมา ไม่สนใจแก้วที่ตกอยู่ก้นสระแล้ว ขณะที่ชายหนุ่มลงสระเพื่อไปเอาแก้วขึ้นมาให้หล่อน
“สะ เสียดายแชมเปญ” พยายามพูดออกมาให้เป็นประโยค กำหนดลมหายใจเป็นปกติแต่ไม่กล้ามองใบหน้าคม
“ช่างมันเถอะ ฉันไปเปลี่ยนชุดก่อนแล้วกัน” กลายเป็นว่าบรรยากาศแสนสบายถูกแทนที่ด้วยความกระอักกระอวน ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี มือไม้ก็เกะกะไปหมดทั้งที่เคยทำเก่งเกือบปล้ำเขาในวันเข้าหอ พอมาเจอของจริงหล่อนก็ไปไม่เป็น
เก็บของจากข้างนอกเข้าข้างในห้อง ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้วทั้งเพลียจากการทำกิจกรรมทั้งวันจึงคิดจะพักผ่อน นอนชุดนี้คงไม่เป็นไรหรอก เดินไปบนเตียงแล้วสอดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มผืนหนา ข่มตาก็ไม่หลับสักทีก่อนจะสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูห้องน้ำก่อนจะปิดลง
นอนตัวแข็งทื่อพยายามไม่กระดุกกระดิก เหตุการณ์แค่ไม่กี่วิทำให้กลัวขนาดนี้เลยเหรอ ไม่เข้าใจเช่นกันว่าทำไมเป็นอย่างนั้น
แต่ลึกลงไปมันกลับมีความตื่นเต้นปนอยากรู้อยู่ด้วย เธอไม่ได้หวงความสาวเท่าไหร่หรอก เพียงแค่ยังไม่เจอคนที่คิดว่าใช่เท่านั้นเอง ขนาดแฟนเก่าที่เป็นดาราหล่อนยังไม่เคยมีอะไรกับเขามากกว่าจูบเลย อาจเพราะช่วงนั้นบ้างานด้วยก็ได้
ผ่านมายี่สิบห้าปีแล้วยังไม่เคยได้รับความสุขทางเพศเลย เธอไม่ได้มองว่ามันเป็นเรื่องน่าเกลียด ในเมื่อมีความสุขทั้งสองฝ่าย แล้วการมีเพศสัมพันธ์ถือเป็นเรื่องธรรมดาด้วยซ้ำ ขอแค่รู้จักป้องกันก็พอ แต่ถ้าอยากมีลูกก็อีกเรื่องหนึ่ง...
“จะนอนแล้วเหรอ” เขาถามแล้วมองดูเวลาที่นาฬิกาดิจิตอล
“อือ ง่วง” ถึงจะบอกแบบนั้นแต่ทั้งสองย่อมรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ชายหนุ่มเดินไปปิดม่าน เห็นว่าเพิ่งหกโมงครึ่งแต่เขาก็ไม่มีอะไรจะทำเช่นกัน
ตัดสินใจสอดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มผืนเดียวกับหล่อน พวกเขานอนมองเพดานตาค้างไม่มีใครหลับ หญิงสาวกัดริมฝีปากล่างของตนเอง ได้ยินเสียงหายใจของคนข้างกายยิ่งทำให้รู้สึกกระสับกระส่าย