บท
ตั้งค่า

บทที่๓...คืนวิวาห์ (๒)

มาถึงด้านหน้างานที่เป็นบอร์ดขนาดใหญ่เขียนชื่อเจ้าสาวเจ้าบ่าวเป็นอักษรย่อภาษาอังกฤษ MT หมิงและต้น เห็นแล้วก็ขนลุกแปลกๆ

“นี่ นายจะจัดงานใหญ่โตทำไม เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว” หันไปเหวใส่คนข้างกายเมื่อแขกเริ่มซา

“จะได้เป็นการนัดพบนักธุรกิจไง เธอก็รู้อยู่แล้วว่าเราแต่งงานกันไม่ใช่เพราะความพิศวาส” ตอบหน้าตายเล่นเอาคนฟังเจ็บใจจนต้องกำหมัดแน่น

“และถ้าการประชุมผู้ถือหุ้นสิ้นสุด เราก็จะหย่ากันทันที” คิดมาเรียบร้อยแล้วว่าคงไม่สามารถอยู่กับหล่อนได้ การหย่าน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ไม่ต้องมาทนเห็นหน้าหรือนอนห้องเดียวกันทุกวัน

โดยไม่รู้เลยว่าคนฟังเจ็บแค่ไหน เธอเม้มปากแน่นขณะจ้องหน้าของเจ้าบ่าวตนเอง เขาพูดเรื่องหย่าในวันแต่งงานหน้าตาเฉย ราวไม่รู้สึกอะไรด้วยซ้ำ

“เสียใจด้วย ฉันไม่หย่า นายได้ตัวฉันไปแล้วก็ต้องรับผิดชอบให้ถึงที่สุด” ถึงจะรู้ความจริงว่าคืนนั้นไม่ได้เสียตัวแถมเขายังช่วยเหลืออีก แต่การถูกทำร้ายจิตใจด้วยคำพูดทำให้หล่อนโต้กลับรวดเร็ว

ไรวินทร์มองหล่อนด้วยแววตาแค้นเคือง กำหมัดแน่นที่โดนพรากอิสระหลังจากช่วยเหลือเธอจากการโดนลวนลาม

“คุณมัน..ยายแม่มด” ทำหน้าระรื่นท้าทายไม่สะเทือนสักนิด และก่อนจะเกิดสงครามน้ำลายไปกันใหญ่ก็มีแขกเข้ามาก่อน ซึ่งคนกลุ่มนั้นทำให้ร่างบางขยับเข้ามากอดแขนเจ้าบ่าวแน่นพร้อมยิ้มให้หวานหยดย้อยจนน่าสยอง

“เชิญเลยค่ะ” เป็นกลุ่มนักแสดงจากทีวีช่องหลักที่มาพร้อมผู้บริหาร

เมธัชรีบเข้าไปยืนข้างเจ้าสาวอย่างรวดเร็ว จนดวงหน้ามนแสดงสีหน้าไม่ชอบใจ ไรวินทร์ที่มองหล่อนก็ขมวดคิ้วก่อนมองนักแสดงหนุ่มหน้าหล่อ คาดว่าคงจะมีเบื้องหลังด้วยกันแต่เขาก็ไม่อยากเค้น รีบยิ้มให้กล้องก่อนทุกคนจะแสดงความยินดีแล้วเข้าไปข้างใน

“ไม่คิดเลยนะว่าเลิกกันแล้วจะมีใหม่เลย” เหลือก็แต่ชายหนุ่มเพียงคนเดียวที่ยังทักทายเจ้าสาว ด้วยประโยคที่แค่ฟังก็ทำเอาคิ้วขมวด

“เราเลิกกันนานแล้ว หยุดพูดจาน่ารำคาญสักทีได้ไหม” บอกเสียงสะบัด ไม่รู้ว่าหลงไปคบคนแบบนี้ได้อย่างไร เห็นกงจักรเป็นดอกบัวจริงเลยหมิง

“เชิญข้างในดีกว่าครับ หรือไม่จะเลือกออกจากงานผมก็ไม่ว่าอะไรนะ” บอกเสียงเรียบพร้อมหน้าตาเคร่งขรึม ไม่ชอบที่ฝ่ายชายมีท่าทีคุกคามคนของตนเอง

“ขอให้รักกันนานๆ แล้วกันนะ” อวยพรทั้งที่ใจไม่ได้อยากให้เป็นอย่างนั้นสักนิด แล้วเดินเข้าไปในงานไม่ลืมส่งสายตาเยาะคนทั้งคู่ เล่นเอาพรณัชชาแทบปรี๊ดแตกอยากเข้าไปตะบันหน้าหล่อๆ นั้นให้หายเจ็บใจ

“สวัสดีครับคุณภูษิต” ดึงแขนเจ้าสาวเอาไว้ก่อนไหว้ผู้ใหญ่ที่เข้ามาถ่ายรูป ร่างบางจำต้องวางความขุ่นข้องหมองใจ หันมายิ้มกับกล้อง และเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยจนกระทั่งพิธีช่วงเย็นเริ่มอย่างเป็นทางการ

ที่จริงช่วงเช้าพวกเขาหมั้นหมายกันตั้งแต่เก้าโมงตามฤกษ์มงคล จดทะเบียนสมรสเรียบร้อยเข้ามาอยู่ในตระกูลวิมานมรกตเป็นสะใภ้คนใหญ่ จากที่แต่ก่อนเป็นน้องสาวคนเล็กของบ้าน ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงเร็วจนไม่อยากเชื่อ

อย่างเช่นตอนนี้ที่เข้ามาอยู่ในห้องนอนของไรวินทร์พร้อมญาติผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าบ่าวและเจ้าสาว มารดาของพรณัชชาซับน้ำตามองลูกสาวด้วยความปลาบปลื้ม ไม่คิดว่าวันนี้จะมาถึงด้วยซ้ำเพราะจากนิสัยก็กังวลว่าลูกคนเล็กจะขึ้นคาน

หลังอวยพรให้ทั้งคู่เสร็จก็พากันออกจากห้องนอน เหลือแต่รชานนท์ที่ออกไปช้า หนุ่มวิศวกรยัดกล่องบางอย่างใส่มือพี่ชายด้วยความรวดเร็ว

“โชคดีนะพี่ มีหลานให้ผมอุ้มไวๆ ล่ะ” พูดจบก็วิ่งออกจากห้องเหลือแต่พี่ชายที่มองตามแล้วกัดฟันกรอด ช่างเป็นน้องที่ประเสริฐเหลือเกิน

“แบ่งที่นอนยังไง” ทุกคนออกจากห้องหล่อนก็ลุกขึ้นยืนพลางบิดขี้เกียจ ห้องนอนของเขาค่อนข้างกว้างกว่าของหล่อน เพราะพรณัชชาสละพื้นที่ห้องนอนเพื่อสร้างขนาดของห้องเก็บเสื้อผ้าให้ใหญ่ขึ้น แล้วการมาอาศัยที่นี่เธอก็นำเสื้อผ้าของตนเองมาเช่นกัน

วันขนของเข้าบ้านวิมานมรกตเถียงกันจะเป็นจะตายเพราะเขาไม่ต้องการซื้อตู้เสื้อผ้าเพิ่ม แต่หล่อนก็ใช้เสน่ห์ในการพูดไปอ้อนคุณรวิสุดาจนท่านให้ช่างมาเพิ่มตู้เสื้อผ้าสมใจหล่อน ไหนจะใส่เครื่องประดับมากมาย เห็นแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ

อยากจับหญิงสาวมาเขย่าให้ได้สติสักที นี่เขาก็ยอมเธอมากเกินไปด้วยซ้ำ ไม่เข้าใจว่าตั้งแต่วันนั้นมันมาไกลจนถึงวันแต่งงานและเข้าหอกันได้อย่างไร

แค่ช่วยเหลือจากการที่เธอถูกลวนลาม ต้องโดนตราหน้าว่าล่วงเกินเอง ไรวินทร์ทำบุญกับคนไม่ขึ้นจริงๆ

“ฉันนอนบนเตียง เธอจะนอนโซฟาก็เรื่องของเธอ” พูดจบก็เดินเข้าห้องไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดหลังจากเหนื่อยมาทั้งวัน

ลับหลังร่างสูงเธอก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่รู้ว่าทำไมต้องมาอยู่กับคนที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าเกลียดตนเองมากแค่ไหน เดินมานั่งที่โซฟาพลางถอนหายใจเช็ดน้ำตาที่คลอเบ้าจวนเจียนจะไหลออก สูดลมหายใจเข้าปอดแล้วคิดถึงคำเพื่อน

‘ไหนๆ ก็จะแต่งงานกันแล้ว แกต้องจับเขาให้อยู่หมัด เข้าใจว่าเสียตัวไปแล้วก็เอาให้เป็นความจริงเลย คืนแต่งงานต้องน่าจดจำสำหรับแก ลุยเลยเพื่อน ฉันเชื่อในตัวแกนะหมิง’ สายตาของทุกคนให้กำลังใจหล่อน

แต่งงานกันแล้วจะมาเหนียมอายก็ใช่เรื่อง แล้วเธอก็ไม่เคยคิดจะหย่าด้วย ถึงมันจะเกิดจากความเข้าใจผิดก็ตาม ใครจะอยากขึ้นชื่อว่าเป็นแม่ม่ายกันล่ะ

คิดพลางลุกขึ้นจากโซฟาก่อนเดินไปห้องแต่งตัวแล้วถอดเครื่องประดับออกจากร่างกาย ดีที่ชุดแต่งงานซิปอยู่ด้านข้างจึงไม่ต้องให้ใครคอยช่วยเหลือ แกะกิ๊ฟออกจนหมดพอดีกับที่ร่างสูงออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดนอนเรียบร้อย

แอบเสียดายที่ไม่เห็นหุ่นของเขา ซึ่งเธอคิดว่ามันต้องดีมากแน่ เห็นภายนอกก็รับรู้ได้ถึงภายใน

“จะมีประชุมผู้ถือหุ้นในอีกสองเดือน ระหว่างนี้เรามาสงบศึกกันเถอะ” เอ่ยขึ้นลอยๆ ระหว่างรอหล่อนเช็ดเครื่องสำอาง

“ทำไม หลังสองเดือนนายจะหย่ากับฉันเหรอ” หันมาถามด้วยใบหน้าเรียบเฉยทั้งที่ดวงตากลมสั่นไหว

“ใช่ ฉันไม่มีความสุขที่จะอยู่กับเธอ และเธอก็คงเหมือนกัน” ได้ยินก็หัวเราะเยาะทันที เขามานั่งในใจเธอหรืออย่างไรจึงได้รู้

ใครบอกว่าไรวินทร์มีความเป็นสุภาพบุรุษ แสนดีนักนะ มาเจออย่างที่หล่อนได้เจอบ้างสิ พูดเรื่องหย่าตั้งแต่วันไปลองชุดกระทั่งจดทะเบียนสมรสและเข้าหอแล้ว กะจะให้เธอตอบตกลงอย่างนั้นใช่ไหม

เมินเสียเถอะ อกแตกตายไปเลยเพราะอย่างไรหล่อนก็ไม่มีทางหย่า!

“ฉันไม่หย่า ฟังให้ชัดนะคะคุณต้นกล้า ฉันไม่หย่า” ย้ำอีกครั้งพร้อมรอยยิ้มหวานที่เขามองอย่างไรก็เต็มไปด้วยความร้ายกาจ มือหนากำหมัดแน่นก่อนเดินออกจากห้องแต่งตัวอย่างรวดเร็ว ปล่อยเธอเอาไว้เพียงลำพังพร้อมเสียงหัวเราะที่ดังตามหลัง

“อ้าว เดินหนีเร็วจังเลย ไม่พูดต่อแล้วเหรอ” ไม่มีเสียงโต้ตอบกลับมา พรณัชชาค่อยหุบยิ้มแล้วหันมองกระจก เห็นผู้หญิงที่แววตาไร้ความสุขอยู่ในนั้น

วันแต่งงานควรจะมีความสุขไม่ใช่เหรอ ทำไมหล่อนรู้สึกอย่างนั้นล่ะ

หรือเพราะผู้ชายที่แต่งงานด้วยเขาไม่ได้รักเธอ ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะความเข้าใจผิดและดึงดันของตนเองทั้งนั้น

“ก็ทำให้ทุกอย่างมันถูกต้องสิ แต่งงานกันแล้วก็ต้องเป็นสามีภรรยาอย่างถูกต้อง ทั้งทางนิตินัย...และพฤตินัย” ว่าจบก็ยกยิ้มมุมปาก เช็ดหน้าจนสะอาดหมดจดแล้วค่อยเข้าห้องน้ำไปชำระร่างกายให้หอมฟุ้ง

ชุดแต่งงานถูกแขวนไว้ยังห้องแต่งตัวก่อนที่หล่อนจะสวมชุดนอนผ้าลื่นโดยไม่ใส่เสื้อชั้นใน ผมยาวที่ถูกรวบไว้อย่างลวกๆ เพื่อชำระร่างกายกลับปล่อยให้ยาวสยายกลางแผ่นหลัง สำรวจตนเองในกระจกแล้วยกมือขึ้นมาอังปากแล้วเป่าลมเพื่อสำรวจกลิ่นปาก

ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วจึงออกจากห้องแต่งตัวมายังห้องนอนที่ติดรูปพรีเวดดิ้งเอาไว้ตรงหัวเตียง ขนาดใหญ่จนคิดว่าหากหล่อนออกไปนอกโลกแล้วมองเข้ามายังสามารถเห็นมันได้ สร้างความพึงพอใจจนต้องแย้มยิ้มออกมา

ดวงตากลมมองไปยังเตียงนอนที่มีสามีจับจองพลางเยื้องย่างเข้าไป ยกผ้าห่มขึ้นแล้วสอดตัวรับไออุ่นจากผ้าผืนหนา แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่พอจึงหยิบหมอนข้างที่กางกั้นระหว่างคนทั้งสองออก แล้วกอดเข้าที่ร่างหนาจนคนแสร้งหลับสะดุ้ง

“ทำอะไรของเธอเนี่ย” รีบลุกขึ้นนั่งแล้วเปิดโคมไฟข้างหัวเตียงก่อนจะถามเสียงขรึม แต่คนทำดูเหมือนจะไม่สะทกสะท้านสักนิด กลับทำหน้าราวงุนงงแล้วเอ่ยถามตาใส

“ทำอะไรเหรอ ฉันทำอะไร” ร่างสูงกำหมัดแน่นไม่เคยเห็นใครกวนประสาทได้น่าโมโหเท่านี้มาก่อน อยากจะจับหล่อนมาเขย่าแล้วลากออกจากห้องเหลือเกิน แต่ต้องยับยั้งชั่งใจเอาไว้ อย่างไรก็ตกล่องปล่องชิ้นอยู่ด้วยกันแล้ว

หากเขาพยายามทำเมินหรือไม่สนใจ เดี๋ยวเธอก็คงเบื่อแล้วขอหย่าเองนั่นแหละ อย่าทำให้เรื่องมันใหญ่มากกว่านี้เลย เพราะแค่เขาต้องแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้มันก็แย่เต็มทนแล้ว

“เอาหมอนข้างไว้ตรงกลาง แล้วห้ามข้ามเส้น” หยิบหมอนข้างมาวางที่เดิม แต่ยังไม่ทันจะได้วางลงบนเตียงก็ถูกหญิงสาวแย่งไปแล้วขว้างลงพื้นเสียก่อน

หลังจากนั้นร่างบางก็มานั่งคร่อมบนตักเขาแล้วกดชายหนุ่มลงบนเตียงนุ่มอย่างไม่สนใจว่าเขาจะตกใจเพียงใด เขาอ้าปากค้างไม่คิดว่าวันหนึ่งจะโดนผู้หญิงพยายามยั่วยวนขนาดนี้ แถมทรวงอกของเธอก็ล่อตาจนต้องเงยมองหน้าแทน

“คืนนี้เป็นคืนเข้าหอของเรานะ นายจะมานอนเฉยทำเหมือนฉันเป็นหัวหลักหัวตอไม่ได้” กดข้อมือหนาเอาไว้เหนือศีรษะของเขา บอกพลางทำหน้าขรึมทั้งที่ไม่ได้น่ากลัวสักนิด ออกจะน่าขันเสียมากกว่าจนร่างหนาเกือบหลุดยิ้ม

“ฉันไม่ได้แต่งงานด้วยความเต็มใจ มันเป็นเพราะเธอบังคับและใส่ร้ายในสิ่งที่ฉันไม่ได้ทำต่างหาก” บอกตามความจริงแต่มันแทงใจดำคนฟัง

“แล้วยังไง ตอนนี้ก็แต่งแล้วถือเป็นสามีภรรยาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และฉันจะไม่ยอมให้คืนแรกในการเข้าหอของตัวเองต้องเหี่ยวเฉาหรอกนะ” คนใต้ร่างถอนหายใจกับความดื้อด้านของหญิงสาว ไม่รู้ว่าพ่อแม่ตามใจจนเสียคนหรือเปล่าถึงได้เอาแต่ใจขนาดนี้

“เธอคิดว่าจะทำอะไรฉันได้หรือไง แรงเท่ามด ถ้าฉันสู้จริงเธอก็ทำอะไรไม่ได้หรอก อีกอย่างนะ ฉันไม่คิดจะอยู่กับเธอจนแก่เฒ่าอีกไม่นานเราก็จะหย่ากัน” คำพูดนั้นทำร้ายจิตใจคนฟังจนหล่อนต้องล่าถอยพลางทำหน้าเรียบเฉยราวไมรู้สึกรู้สา

“ฉันไม่หย่า อยากหย่าก็ตัดมือฉันไปเซ็นเองแล้วกันนะ” ผละห่างแล้วมานอนที่ของตนเอง ร่างสูงลุกนั่งพลางมองหล่อนด้วยความโมโห พูดกันเรื่องหย่าตั้งแต่ยังไม่จดทะเบียนสมรส และเธอก็ยืนกรานมาโดยตลอดว่าไม่มีทางจะเซ็นให้

แถมทำหน้าตาเยาะเย้ยจนใบหน้าคมแดงก่ำด้วยความโกรธ ดวงตากลมโตค่อยหลับลงก่อนจะลืมขึ้นพลางทำสีหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้

“อ้อ ฉันไม่ชอบนอนบนเตียงกับคนแปลกหน้า นายไปนอนโซฟาแล้วกัน” ไล่เจ้าของห้องไปนอนโซฟาที่อยู่ติดระเบียง ทว่าเขาไม่ยอมรีบปฏิเสธทันควัน

“ก็ไปนอนเองสิ”

“ไม่ ฉันนอนโซฟาแล้วปวดหลัง นายนั่นแหละไปนอน เร็วหน่อยได้ไหมเหม็นขี้หน้า” หล่อนทำราวกับว่าเกลียดเขาเสียเต็มประดาทั้งที่เมื่อสักครู่ยังขอมีเซ็กส์ด้วยอยู่เลย ผู้หญิงคนนี้ท่าจะสมองกลับ อารมณ์แปรปรวนจนน่ากลัว

สุดท้ายร่างสูงก็ยอมทำตามโดยหยิบหมอนและผ้าห่มในตู้ไปนอนยังโซฟา ปล่อยให้ภรรยาแสนสวยนอนบนเตียงกว้างกว่าหกฟุตเพียงลำพัง

ดวงตากลมโตเหลือบมองเขาก่อนจะเม้มปากแน่น มือเล็กกำผ้าห่มเอาไว้อย่างเจ็บใจพลางนอนหันหลังให้สามีของตนที่เพิ่งผ่านพิธีแต่งงานอันใหญ่โตมาด้วยกัน เจ็บใจจนปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมา

ผู้ชายคนนั้นยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ภายใต้ท่าทีสุขุมอ่อนโยน กลับซ่อนพิษร้ายกาจเอาไว้

คอยดูอย่าให้ถึงคราวของเธอบ้างแล้วกัน จะทำให้ร้องไม่ออกเลย!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel