บทที่๑...เมรีขี้เมา (๒)
“ไอ้ต้น ขอบใจมึงมากนะเว้ยที่จัดงานให้กู ซาบซึ้งเหลือเกินเพื่อนรัก ยอมให้กูเป็นเมียมึงเถอะนะสัญญาจะเฝ้าสมบัติมึงไว้อย่างดี” หนุ่มร่างสูงที่จบปริญญาเอกคณะวิทยาศาสตร์ ภาควิชาเคมีเดินเข้ามากอดเพื่อนสนิท
คำพูดทำเอาต้องส่ายศีรษะด้วยความระอา พวกเขาหยอกล้อกันอย่างนี้เป็นประจำ ตัวติดกันตั้งแต่เด็กจนถูกล้อว่าเป็นผัวเมีย ซึ่งเหน่งก็ไม่ได้แก้ข่าวกลับตามน้ำอย่างรวดเร็ว พวกเขารู้แก่ใจดีว่าอะไรเป็นอะไร
“พอเลยมึง ไปทักทายคนอื่นได้แล้ว” เจ้าของงานหยิบแก้วเครื่องดื่มจากบาร์เทนเดอร์แล้วยกขึ้นชนกับเพื่อน ค่อยไปทักทายคนอื่นปล่อยให้ไรวินทร์มองแล้วยิ้มมีความสุข
เหน่งบอกว่าเขาเปรียบเสมือนพ่อคนที่สอง คอยเตือนสติตอนที่มันกำลังจะพาตัวเองลงขุมนรก ฉุดรั้งให้ขึ้นมาเป็นผู้เป็นคน ตอนที่อีกฝ่ายกลับเมืองไทยก็มาหาไรวินทร์เป็นคนแรกพร้อมร่ายคำขอบคุณยาวเหยียดจนคร้านจะฟัง
พอเห็นวันที่เพื่อนประสบความสำเร็จก็ดีใจเหลือเกิน ไม่ต้องเข้าไปเยี่ยมมันในคุกแล้ว คงต้องไปหาที่มหาวิทยาลัยแทนเพราะอีกฝ่ายกำลังจะไปเป็นอาจารย์ที่นั่น
เวลาล่วงเลยไปทำให้บรรยากาศค่อนข้างคึกคัก หลายคนลงไปโยกย้ายส่ายสะโพกกลางฟลอร์ด้านล่าง บ้างก็เต้นกับเพื่อนข้างบนส่งเสียงร้องเพลงกันดังระงม เล่นเอาหัวหน้าฝ่ายการตลาดที่นั่งมองต้องยกเบียร์ขึ้นจิบด้วยอารมณ์สุนทรี นานทีปีหนจะออกจากบ้านยามค่ำคืนสักที
“ต้น ไม่มาสนุกด้วยกันเหรอ” เพื่อนร่วมรุ่นเดินมาถาม พลางนั่งลงข้างเขาจนแทบจะเบียดกันอยู่แล้ว
“ไม่ล่ะ เชิญตามสบาย” เสหน้ามองทางอื่นเมื่อโดนจ้อง รู้ว่าหล่อนคิดเช่นไรกับตนเองแต่ก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งด้วย เขาไม่ได้รักไม่ได้ชอบสักหน่อย การเดินตามสะพานที่อีกฝ่ายทอดแม้เพียงก้าวเดียวก็เหมือนตอบรับแล้ว
ฉะนั้นอย่าสนใจเป็นดีที่สุด
หล่อนถอนหายใจแล้วลุกไปหาเพื่อน ปล่อยร่างสูงนั่งคนเดียวมองบรรยากาศไปเรื่อยจนสายตาหยุดลงตรงผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังเต้นอยู่กลางฟลอร์ สปอร์ตไลท์ฉายไปที่หล่อนยามเมื่อขยับร่างกายซึ่งชวนมองเสียเหลือเกิน
ไม่รู้ทำไมท่าทางเหล่านั้นจึงสะกดสายตาของเขาได้ การเต้นแทบไม่เข้าจังหวะเน้นตามอารมณ์ผู้เต้นมากกว่าจนแอบหลุดยิ้ม ดูเหมือนว่าเธอจะเมามากแล้วจึงถูกเพื่อนมาลากกลับไปยังโต๊ะ
“เฮ้ยต้น กูพาไอ้เหน่งกลับก่อนนะ เมาจนยืนไม่ไหวแล้ว” เพื่อนอีกคนประคองเหน่งที่ดูจากสภาพแทบไม่ได้สติด้วยซ้ำ เขาพยักหน้าเข้าใจแล้วบอกลากันอย่างรวดเร็ว
“มึงนอนที่นี่เหรอ” กำลังจะกลับก็หันมาถาม
“อือ กว่าจะเคลียร์ทุกอย่างเสร็จคงดึก อีกอย่างเมาด้วยกลัวขับรถกลับไม่ไหว” ถึงจะบอกว่าเมาแต่ดูเหมือนในที่นี้ไรวินทร์จะปกติที่สุด พวกเขาพยักหน้าเข้าใจก่อนพาด็อกเตอร์หนุ่มออกจากงานเลี้ยงฉลองด้วยความทุลักทุเล
เวลาเคลื่อนคล้อยไปเพื่อนหลายคนขอตัวกลับ จนกระทั่งเหลือเขาเป็นคนสุดท้ายจึงได้ให้บริกรมาคิดค่าบริการและเก็บของทุกอย่าง ราคาค่อนข้างแรงพอสมควรแต่บิดาบอกว่าจะจ่ายเขาก็สบายใจที่ไม่ต้องควักกระเป๋าตัวเอง
กำลังจะขึ้นไปยังชั้นสามซึ่งเป็นห้องนอนก็ตกใจเมื่อมีหญิงสาวคนหนึ่งพุ่งมาคว้าแขนเอาไว้ รีบมองอย่างรวดเร็วก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อพบว่าหล่อนคือคนที่เต้นกลางฟลอร์ ทว่ายังไม่ทันได้พูดจาก็มีชายร่างใหญ่เข้ามาดึงแขนเรียวเสียก่อน
“ปล่อย อย่า มายุ่ง” คนเมาสะบัดมือออก ก่อนจะเกาะเขาแน่นราวต้องการหากำบัง เขามองผู้ชายตรงหน้าอย่างไม่ไว้วางใจ
“ถอยไป ผมจะคุยกับแฟน” บอกเสียงแข็ง แต่ไรวินทร์ไม่เชื่อสักเท่าไหร่เพราะจำได้ว่าในโต๊ะของหล่อนมีแต่เพื่อนผู้หญิงและชายรูปร่างอ้อนแอ้นเพียงคนเดียวเท่านั้น
“อย่ามามั่ว นี่แฟน แฟนฉัน” ว่าแล้วก็กอดแขนหนาเอาไว้ก่อนซบหน้าลงอย่างออดอ้อน ทำให้เขาเบิกตากว้างไม่อยากเชื่อว่าหล่อนจะแอบอ้างเอาตนไปเป็นแฟน แต่ถ้าปฏิเสธตอนนี้ก็คงไม่ปลอดภัยสำหรับคนเมาเท่าไหร่
“ไม่จริง ผมไม่เชื่อ” ทำท่าจะเข้ามาคว้าแขนเรียว แต่ก็ถูกขวางไว้พร้อมจ้องสายตาเอาเรื่องเต็มที่ หญิงสาวโยนเรื่องมาขนาดนี้ก็คงต้องช่วย ปล่อยเอาไว้ก็กลัวหล่อนจะตกเป็นเป้าโดนอีกฝ่ายทำร้ายทั้งที่สติไม่เต็มร้อย
แล้วเพื่อนหายไปไหนหมดทำไมไม่มาดูแล คิดพลางถอนหายใจ จำยอมช่วยทั้งที่ไม่รู้จักหล่อนแม้แต่น้อย
“ผมปล่อยให้คุณพล่ามมาเยอะแล้ว ผู้หญิงคนนี้แฟนผม อย่าให้เห็นว่ามายุ่งกับเธออีก ไม่อย่างนั้นผมจะบอกการ์ดไม่ให้คุณเข้าคลับนี้อีก” ร่ายยาวพร้อมประคองคนเมาที่เหมือนจะไม่ไหวแล้ว กัดฟันกรอดที่หล่อนหาเรื่องมาให้ เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง เอากระดูกมาแขวนคอโดยแท้...
“นี่” กำลังจะก้าวเข้ามากลับถูกบริกรของร้านมาขวางไว้ อีกฝ่ายเริ่มรับรู้แล้วว่าชายคนนี้ไม่ใช่บุคคลธรรมดา อาจจะเป็นเจ้าของร้านหรือเปล่า
ไม่ควรเสี่ยง...ถอยก่อนดีกว่า
ชายผู้นั้นจ้องหน้านิ่งก่อนจะตัดสินใจเดินจากไปถึงจะเสียดายหญิงสาวมากแค่ไหนก็ตาม เห็นอย่างนั้นไรวินทร์ก็ถอนหายใจ ค่อยหันมามองร่างบางที่เกาะแขนตนเองแน่น พอจะปลดออกหล่อนก็เงยหน้ามองเขา
“ง่วง” แล้วล้มลงไปทันทีจนประคองไว้แทบไม่ทัน อยากจะบ้าตาย นี่มันเวรกรรมอะไรของเขาต้องมารับผิดชอบหญิงเมาคนนี้เนี่ย
“คุณต้นครับ เอายังไงดี” บริกรที่ยืนอยู่ข้างกันถามขึ้น
“ไปตามหาเพื่อนเขาให้หน่อย ผมจะพาขึ้นพักบนห้องก่อน ได้ความยังไงค่อยมาบอกแล้วกัน” หากปล่อยไว้แถวนี้ไม่เป็นการดีแน่ หนุ่มร่างเล็กรับคำแล้วลงไปข้างล่างเพื่อตามหาเพื่อนของหล่อน ปล่อยเจ้านายเอาไว้กับเมรีขี้เมา
ดวงหน้าคมผินมองคนที่อยู่ที่อ้อมกอด จากที่มองไกลว่าเธอมีเสน่ห์แล้วพอได้มองใกล้ก็รับรู้ว่าหญิงสาวสวยชวนมองมากแค่ไหน ใบหน้าหวานที่มีองค์ประกอบราวสวรรค์ปั้นแต่ง เปลือกตาที่ปกปิดดวงตากลมโตราวกวางน้อย จมูกโด่งกับริมฝีปากได้รูป แก้มนวลที่เนียนละเอียด มองเพลินไม่เบื่อจนรีบสบัดศีรษะไล่ความคิดก่อนอุ้มคนไม่ได้สติด้วยท่าเจ้าหญิง
จำต้องพาไปพักที่ห้องนอนของทางคลับ เปิดประตูออกแล้วพาเธอไปวางไว้บนเตียงกว้างในห้องสไตล์ลอฟท์ มีเพียงเครื่องอำนวยความสะดวกไม่กี่อย่างเท่านั้นเพราะไว้ใช้สำหรับพักผ่อนเท่านั้น ไร้ซึ่งของประดับหรือกรอบรูป กลางห้องมีที่นอนกว้างตั้งไว้บนไม้อัดที่ยกสูงจากพื้นเพียงไม่กี่เซน
“อือ” พอสัมผัสเตียงมือเล็กก็คว้าหมอนข้างไปกอดไว้ทันที ไรวินทร์เห็นอย่างนั้นก็ถอนหายใจไม่รู้ว่าตนเองควรรู้สึกเช่นไรดี
ที่มีหญิงสาวไม่ทราบชื่อมานอนบนเตียงแบบนี้ มองหล่อนสักครู่ก่อนเดินไปเข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกาย รู้สึกสร่างตั้งแต่หล่อนวิ่งเข้ามากอดแขนโดยไม่ต้องน้ำหรือซุปชนิดใดเลย ใช้เวลาไม่นานเจ้าของห้องก็ออกมาด้วยชุดคลุมสีเข้ม
เสียงเคาะประตูดังขึ้นเขาจึงเดินไปเปิดก่อนปิดลงเสียงเบากลัวคนข้างในจะตื่น พนักงานเมื่อเห็นเจ้านายก็เริ่มรายงานตามข้อมูลที่ไปสืบหาทันที
“เธอมากับเพื่อนอีกสามคนครับ เป็นชายหนึ่งและหญิงอีกสองคน ผู้ชายคนเดียวในกลุ่มกลับไปเป็นคนแรก ส่วนผู้หญิงอีกสองคนเมาแล้วเดินไปขึ้นแท็กซี่กันสองคน น่าจะลืมเพื่อนเพราะดูจากกล้องวงจรปิดแล้วเมามากพอควรครับ” ฟังจบก็ถอนหายใจพลางกุมขมับ คิดว่าหล่อนควรเลือกเพื่อนที่จะมาดื่มด้วยอย่างจริงจัง ไม่ใช่เมากันหมดแล้วไม่มีใครดูแลใครแบบนี้
ถ้าไม่เจอเขาไม่รู้ป่านนี้เธอจะเป็นเช่นไร คิดแล้วก็อยากจับคนในห้องมาตีเสียเหลือเกิน แต่ที่ทำได้คือพยักหน้าให้ลูกน้องแล้วค่อยเข้ามาข้างใน ดวงคมจ้องคนบนเตียงนิ่งก่อนจะเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบชุดนอนมาสวม
เขาเห็นหล่อนอยู่ในชุดเดรสรัดรูปก็กลัวจะนอนไม่สบาย ตัดสินใจเดินออกไปข้างนอกแล้วเรียกพนักงานหญิงมาเปลี่ยนชุดให้โดยที่คนเมาก็นอนไม่รู้เรื่องอะไร ถ้าถูกฆาตกรรมเขาจะไม่แปลกใจสักนิด ไม่ระมัดระวังตัวเองเอาเสียเลย
หลังจากนอนเต็มอิ่มหล่อนก็พลิกกายด้วยความเมื่อยเพราะนอนตะแคงข้างเดียวมาทั้งคืน ปวดหัวจนแทบจะระเบิดก่อนจะลืมตาขึ้นมองหมอนข้างสีเทา ก่อนจะหรี่ตาลงเมื่อเห็นสิ่งแปลกปลอมด้านหลังหมอนข้าง
ทำไมมีเส้นผมชี้ออกมาด้วย คิดพลางสงสัยแล้วค่อยเอื้อมมือไปแตะสำรวจ สะดุ้งเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายขยับ
“มะ ไม่ใช่ห้องเรา” พึมพำเสียงเบายามสอดส่ายสายตาไปรอบห้อง ก่อนจะก้มสำรวจตนเองแล้วพบว่าชุดที่สวมเมื่อคืนถูกเปลี่ยนเป็นเสื้อยืดสีขาวและกางบอลสีเข้ม แน่นอนว่าไม่ใช่ของหล่อน แล้วมันเป็นของใคร!
มือเล็กเลื่อนมาจับทรวงอกของตนก่อนกรีดร้องพลางลุกขึ้นนั่งบนเตียงด้วยความตกใจ บราที่ใส่มาอันตธานหายไปเสียแล้ว
“กรี๊ดดดดดดด” เสียงราวนกหวีดดังจนคนนอนต้องสะดุ้งตื่น มองหล่อนด้วยความตกใจทว่ากลับโดนถีบจนตกลงมายังพื้น หญิงสาวจ้องมาที่เขาด้วยความเคียดแค้นราวจะฆ่ากันให้ตาย จากที่ง่วงนอนกลับตื่นเต็มตา
ร่างบางสั่นไปทั้งตัวด้วยความโกรธ ไม่เคยคิดว่าจะโดนย่ำยีเช่นนี้จากคนที่ไม่รู้จัก อยากตรงเข้าไปฉีกชายตรงหน้าให้เป็นชิ้นๆ แต่เพราะไม่ได้สวมบราปกปิดร่างกายถึงแม้ว่าจะใส่เสื้อแต่มันก็บางจนแทบปิดร่างกายไม่มิด
“ไอ้คนฉวยโอกาส นายกล้าดียังไงมาลวนลามฉัน ไอ้คนเฮงซวย” ไรวินทร์มึนงงเมื่อโดนต่อว่าทั้งที่ตนไม่ได้ทำอะไรผิด
“คุณกำลังเข้าใจผิด ผมไม่ได้ทำอะไรคุณ” หมอนถูกขว้างมาที่หน้าเขาอย่างจัง หล่อนคว้าข้าวของแถวนั้นมาปาใส่เป็นว่าเล่น จากที่ปวดหัวเพราะอาการแฮงก์ตอนนี้ปวดหัวจากการถูกกระทำโดยไม่ยินยอมพร้อมใจมากกว่า
“ไม่ได้ทำเหรอ แล้วทำไมฉันใส่ชุดนี้ นายเป็นพ่อมดเสกมันเข้ามาหรือไงไอ้บ้า” ว่าพลางน้ำตาคลอ ความสาวที่รักษาไว้กว่ายี่สิบห้าปีต้องถูกพรากเพราะคนมักง่ายตรงหน้า แต่จะโทษฝ่ายนั้นอย่างเดียวก็ไม่ถูกในเมื่อหล่อนเมามายไม่ได้สติ
แถมภาพยังถูกตัดไปตอนไหนก็ไม่รู้ ถ้าจะให้หล่อนถูกพรากพรหมจรรย์ก็ควรให้รับรู้ด้วยสิว่ามันมีความสุขขนาดไหน ไม่ใช่รู้อีกทีก็เสียตัวไปแล้ว
“คุณฟังผมก่อน” เขาลุกยืนเต็มความสูง อยากอธิบายแต่ดูเหมือนเธอจะไม่พร้อมฟัง หญิงสาวหยิบผ้าคลุมที่อยู่ข้างเตียงมาห่มเอาไว้ก่อนเดินกระแทกไหล่เขามาหยิบชุดเดรสรัดรูปแล้วเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว
คนถูกเมินกำหมัดแน่น กว่าจะได้นอนก็เกือบรุ่งสางเพราะหญิงสาวพลิกไปมาแถมนอนดิ้มตลอดเวลาจนต้องเอาหมอนข้างมากั้นไว้ ดีที่วันนี้ไม่ต้องไปทำงานจึงสามารถเอ้อระเหยได้ สงสัยออกมาต้องอธิบายและสั่งสอนเสียหน่อยว่าเป็นสาวเป็นนางอย่าไปเมาเหล้าแล้วหลับที่ห้องของผู้ชายที่ไม่รู้จักอีก
ด้านหญิงสาวก็นั่งลงบนชักโครกพลางยีศีรษะตนเอง ไม่อยากเชื่อว่าสูญเสียความบริสุทธิ์ไปแล้ว แต่ก็รู้สึกเจ็บที่จุดซ่อนเร้นแสดงว่าคงไม่หลงเหลือแล้วใช่ไหม เธอไม่ได้เสียดายความสาวมากขนาดนั้นหรอก เพียงแค่คิดว่าทำไมตอนนั้นไม่รู้สึกตัว
“ไอ้หมิงแกจะเมาอะไรขนาดนั้นวะ” บ่นเตียงแล้วจัดการเปลี่ยนชุดอย่างรวดเร็ว ล้างหน้าเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเครื่องสำอางที่บรรจงแต่งเมื่อคืนทำให้ขอบตาหล่อนดำคล้ำเหมือนคนไม่ได้นอน เมื่อกลับมาใส่เดรสเรียบร้อยแล้วจึงสูดลมหายใจลึก
เรียกสติกลับมาเพื่อเผชิญหน้ากับผู้ร้ายในคราบหนุ่มหล่อ ประตูห้องน้ำถูกเปิดออกพร้อมกับร่างบางซึ่งก้าวออกมาด้วยใบหน้าบึ้งตึง เขารออยู่ก่อนแล้วจึงหันมามอง กำลังจะเอ่ยปากถึงเรื่องเมื่อคืนก็โดนขัด
“เรื่องเมื่อคืนฉันจะถือว่าทำทานให้หมาหิวโซมันกินก็แล้วกัน แล้วก็อย่าได้พบเจอกันอีกเลย!” สะบัดหน้าพร้อมเดินออกจากห้องปล่อยให้ชายหนุ่มยืนอ้าปากค้างเพราะถูกกล่าวหาอย่างร้ายแรง มือหนายกกุมขมับพลางกัดฟันกรอดกับวาจาที่หล่อนเอ่ยเมื่อสักครู่
หมาหิวโซอย่างนั้นเหรอ...
ยายเมรีขี้เมา!