๒.๒ เงื้อมมือราชสีห์
ตาคู่สวยมองสิ่งปลูกสร้างตรงหน้าอย่างทึ่งๆ ซึ่งน้อยครั้งที่เธอจะมีอาการแบบนี้ ด้วยปกติที่ไม่ใช่คนประเภทวัตถุนิยม หากทว่าบ้านแนวย้อนยุคที่มีรูปทรงสวยงาม หลังคาปั้นหยามีชายคายื่น ระเบียงเปิดมุมมองรอบบ้าน และความละเอียดประณีตของการปลูกสร้าง ทำให้บ้านหลังนี้ดูงดงามจนไม่อาจจะละสายตาหรือแสร้งเป็นเมินเฉยได้ง่ายๆ
“นายหัวกลับมาแล้วเหรอคะ” เสียงนั้นดังขึ้นพร้อมกับร่างต้วมเตี้ยมของหญิงวัยกลางคนซึ่งแต่งกายด้วยเสื้อย่าหยาผ้าถุงปาเต๊ะ น้ำเสียงนอบน้อมต่อคนเป็นนาย แต่ทว่าใบหน้ากลับเรียบเฉยไม่ต่างกัน
“นี่ปลายฝน เป็นคนของรีสอร์ตโน้น ปลายฝนจะมาอยู่ที่นี่ ฝากแม่บุหงาช่วยดูแลด้วย”
“ให้นอนห้องไหนคะ” บุหงาถามกลับเรียบๆ ไม่ได้ซักไซ้ถึงเหตุผลหรือมีท่าทีอะไรให้จับความรู้สึกได้
“ห้องกลาง”
ดูเหมือนบุหงาจะชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินประโยคนั้น แต่ก็เป็นเวลาแค่ชั่วอึดใจ คนเก่าแก่ของบ้านก็น้อมรับคำสั่ง จากนั้นเดินนำขึ้นไปยังชั้นสอง แล้วเปิดห้องที่เจ้าของบ้านเรียกว่า ‘ห้องกลาง’
ประตูห้องถูกผลักเข้าไป ปลายฝนตื่นตะลึงกับการตกแต่งภายในที่ดูหรูหรา เลือกใช้วัสดุที่คงทนดูแลง่าย ทว่ายังทรงคุณค่าแบบย้อนยุค ลมเย็นๆ โชยมาพัดพาให้ผ้าม่านสีเขียวอ่อนโบกสะบัดเบาๆ ด้านหลังเป็นระเบียงที่สามารถมองไปเห็นทุ่งหญ้ากว้างลาดยาวไปจนถึงภูเขา ซึ่งตอนนี้มีม้าเล็มหญ้าอยู่หลายสิบตัว วิวทิวทัศน์ดีเสียจนดูเหมือนเป็นบ้านพักตากอากาศ
ตากลมโตกวาดมองรอบๆ ห้องอย่างชื่นชม ก่อนจะหยุดชะงักเพราะสะดุดตากับภาพของผู้หญิงคนหนึ่งที่วางอยู่บนโต๊ะ
“ห้องนี้ห้องใครคะแม่บุหงา” ปลายฝนเอ่ยถามทันที โดยที่ตายังไม่คลาดไปจากรูปที่วางอยู่ ซึ่งถ้าเดาไม่ผิดผู้หญิงสวยในรูปนั้นน่าจะเป็นเจ้าของห้องนี้ อาจจะเป็นน้องสาว หลานสาว ภรรยา หรือเป็นสมาชิกของบ้านหลังนี้ ทว่าคำตอบที่ได้รับกลับเป็นอีกอย่าง
“ห้องนี้เป็นห้องที่นายหัวให้คุณดารินพักเวลาที่คุณดารินมาที่นี่”
“คุณดารินคือคนในรูปใช่มั้ยคะ”
“ค่ะ” บุหงาตอบสั้นๆ
“คุณดารินเป็นใครคะ เมียนายหัวเหรอคะ”
“คุณดารินเป็น...”
“ถ้าเธอสงสัยอะไรเกี่ยวกับตัวฉันก็ควรจะถามฉัน” เสียงดุๆ ดังขึ้นก่อนที่บุหงาจะพูดจบ ทำให้แม่บ้านต้องขยับออกห่าง เพื่อให้ปลายฝนเผชิญหน้ากับเจ้านายของตนแทน
“ถามได้ด้วยเหรอคะ” เสียงหวานย้อนถาม ตาตวัดมองใบหน้าคมดุ พร้อมกับที่ความรู้สึกผิดไหลมาท่วมท้นหัวใจ ถ้าเขามีเมียแล้ว นั่นก็เท่ากับว่าครั้งหนึ่งเธอเคยมีพฤติกรรมที่เหมือนกับเป็นชู้กับสามีชาวบ้าน แม้จะเป็นแบบไม่ได้ตั้งใจก็ตาม
“ถ้าฉันบอกว่าได้ก็คือได้”
“งั้นนายหัวคงได้ยินแล้วว่าปลายถามแม่บุหงาว่ายังไง”
“ฉันยังไม่มีเมีย” เขาตอบสั้นๆ แต่ชัดเจนหนักแน่น สายตาก็นิ่ง ไม่มีวี่แววว่าประโยคนั้นมีคำโกหกเจืออยู่เลยแม้แต่นิด ปลายฝนไม่รู้ว่าตัวเองโล่งอกหรืออะไร แต่ถึงเขาจะยังไม่มีเมียก็ใช่ว่าผู้หญิงในรูปจะไม่มีความสำคัญ ไม่อย่างนั้นรูปของเธอคงไม่ถูกตั้งไว้อย่างนี้หรอก อีกทั้งท่าทีของแม่บุหงายามรู้ว่านายหัวสิงห์จะให้เธอพักในห้องนี้ ทำให้ปลายฝนไม่อาจจะสบายใจได้
“ปลายขอไม่นอนห้องนี้ได้มั้ยคะ”
“ถ้าจะนอนห้องอื่น ก็มีแต่ห้องฉันเท่านั้น หรือเธออยากนอนกับฉันล่ะ”
ใบหน้าเนียนแดงระเรื่อ เขาช่างพูดอย่างไม่ไว้หน้าเธอเลย แม่บุหงาจะคิดยังไงกับคำพูดแบบนั้นของเขา
“ปลายไม่ได้อยากนอนกับนายหัว แต่ปลายก็ไม่สบายใจที่จะนอนห้องนี้”
“ถ้าเกี่ยวกับรูปนั่น ฉันจะให้บุหงาเอาไปเก็บ เธอจะได้สบายใจขึ้น” พูดจบเจ้าของบ้านก็หันไปทางคนของตัวเอง “บุหงาเอารูปนี้ไปเก็บที่ห้องเก็บของ”
“ไม่ต้องค่ะ รูปนี้อยู่มาก่อนปลาย วางไว้เหมือนเดิมนั่นแหละค่ะ” ปลายฝนค้านขึ้นทันทีเหมือนกัน
“แม่บุหงา!” คราวนี้สิงห์ทำเสียงเข้ม บุหงารีบขยับไปที่รูปนั้นแล้วหยิบออกไปจากห้องโดยไม่ต้องบอกซ้ำ ปลายฝนได้แต่มองตามอย่างขุ่นเคือง ไม่ใช่ขุ่นเคืองแม่บ้าน แต่ขุ่นเคืองเจ้าของบ้านที่ช่างทำตัววางอำนาจมากต่างหาก
“ทำไมนายหัวต้องทำแบบนี้”
“ก็เพื่อความสบายใจของเธอ เธอไม่อยากเห็นรูปผู้หญิงคนอื่นในห้องที่เธอนอนไม่ใช่เหรอ”
“นายหัวใช้คำว่าผู้หญิงคนอื่นเหรอคะ”
“จะใช้คำว่าอะไรมันก็ไม่สำคัญหรอก ฉันจะเข้าเมือง เธอจะเอาอะไรหรือเปล่า” สิงห์ตัดบทและถามเรื่องอื่น คล้ายเรื่องนั้นไม่ได้สลักสำคัญอะไร ทำเอาปลายฝนเกือบหลุดค้อน ไหนบอกว่าถามได้ทุกเรื่อง แต่ไม่ทันไรก็ทำตัวมีลับลมคมในซะแล้ว
“ไม่ค่ะ” เสียงหวานตอบเกือบห้วน
“งั้นก็พักผ่อนซะ”
ประโยคสุดท้ายเหมือนจะอ่อนโยนลง แต่น้ำเสียงและแววตาก็ยังดูห่างเหิน แค่นั้นร่างสูงใหญ่ก็ก้าวออกไปจากห้อง โดยทิ้งความสงสัยมากมายไว้ให้ปลายฝน เพราะเธอยังไม่ได้คำตอบใดๆ เกี่ยวกับผู้หญิงในรูปเลย นอกจากรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นชื่อดาริน
ลมหายใจถูกระบายออกเบาๆ พร้อมกับที่สาวน้อยบอกตัวเองว่า ในเมื่อเขาไม่อยากให้รู้ เธอก็ไม่ควรต้องอยากรู้ เรื่องบางเรื่องมันก็เป็นเรื่องส่วนตัวซึ่งเขาคงไม่คิดจะบอกคนที่อยู่ในฐานะเชลยอย่างเธอ
ร่างบางขยับไปนั่งบนเตียง ค้นของออกมาจากกระเป๋า โดยจงใจที่จะลืมหยิบของบางอย่างออกมา แล้วเอาไปเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้า มือบางปิดประตูตู้หลังจากเก็บของชิ้นสุดท้ายเสร็จ จากนั้นกลับมานั่งที่เตียงอีกครั้ง ก่อนจะผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว
ไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปนานแค่ไหน ตื่นมาอีกทีก็ห้าโมงเย็นแล้ว ร่างบางลุกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลอง แล้วออกไปเดินรับลมที่ระเบียงอีกฝั่ง พอมองลงไปด้านล่าง จึงรู้ว่าบ้านหลังนี้มีสระว่ายน้ำที่เชื่อมติดกับตัวบ้าน โดยส่วนหนึ่งของสระยื่นเลยชายคาออกไปเพื่อให้น้ำโดนแดดส่อง
เจ้าของบ้านช่างคิดพอสมควรที่สร้างสระแบบนี้
ความชื่นชมนั้นเกิดพร้อมกับที่ใบหน้าดุๆ เข้มๆ ของเจ้าของบ้านผุดพรายขึ้นมาในความคิด แล้วคำถามที่ว่าถ้าเวลาที่นายหัวสิงห์ว่ายน้ำ ภาพมันจะเป็นเช่นไรก็ตามมา เธอประเมินไม่ถูกว่าเวลาที่เขาอยู่ในอิริยาบถของการว่ายน้ำ รูปร่างสูงใหญ่ที่แทบไม่มีเสื้อผ้าปกปิดร่างกายยามกระหวัดว่ายไปในสระจะเป็นเช่นไร บอกใครใครจะเชื่อว่าเธอไม่เคยเห็นรูปร่างตอนเปลือยเปล่าของเขา ทั้งๆ ที่เคยเกือบเสียสาวเพราะเขามาแล้ว แต่นั่นมันก็เป็นเรื่องจริงทั้งหมด เพราะตอนที่เขาทำ เขาเปิดเปลือยแค่บางส่วนของร่างกายเท่านั้น
สัมผัสอันเร่าร้อนวาบหวามจากปลายลิ้นและฝ่ามือของเขาวาบลึกเข้ามาในช่องท้องอย่างรุนแรง จนปลายฝนต้องดุตัวเองที่ประหวัดคิดถึงเรื่องเดิมๆ พร้อมกับที่แก้มนวลแดงระเรื่ออีกแล้ว คงมีแต่เธอที่เป็นฝ่ายหวนคิดถึง สำหรับคนต้นเรื่องอย่างนายหัวสิงห์คงไม่ได้คิดอะไร ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่เฉยชากับเธออย่างนี้ ไหนจะเรื่องคุณดารินอะไรนั่นอีก ถ้านายหัวสิงห์จะว่ายน้ำกับใครสักคนในบ้านหลังนี้ คนคนนั้นก็น่าจะเป็นผู้หญิงที่ชื่อดาริน
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ทำให้ปลายฝนหยุดความคิดตัวเอง เอี้ยวตัวไปมองที่ประตู ก่อนจะละมือจากราวระเบียง แล้วสาวเท้าไปยังต้นเสียง
“ใครคะ” เสียงหวานตะโกนถามออกไปอย่างระมัดระวัง โดยยังไม่ได้เปิดประตู
“ฉันเองค่ะ บุหงา”
พอรู้ว่าเป็นบุหงา ปลายฝนก็เปิดประตูให้ สีหน้าของแม่บ้านยังคงเรียบเฉยเช่นเดิม แม้ตอนนี้จะไม่มีบุคคลที่สามอยู่ด้วย แต่ปลายฝนก็เริ่มจะชินแล้ว เธอคิดว่าบุคลิกของคนที่บ้านหลังนี้คงเป็นแบบนี้กันหมด
“มีอะไรเหรอคะแม่บุหงา”
“ฉันมาเชิญคุณลงไปรับประทานอาหารเย็น”
“ได้เวลาแล้วเหรอคะ ปกติที่นี่ทานข้าวเย็นกันกี่โมงคะ วันหลังแม่บุหงาจะได้ไม่ต้องขึ้นมาตาม”
“หกโมงเย็น”
“ค่ะ วันหลังฉันจะลงไปให้ตรงเวลา”