บทที่ 7 ฉันไม่อยากเจอหน้าเธอ
หากไม่นับเรื่องที่ปุณวิชญ์บังคับให้ปิ่นมุกลาออกจากงาน วันนี้ก็คงนอนตีพุงอยู่บ้านแล้ว ก็อย่างที่บอก อะไรที่พอช่วยได้ก็อยากจะช่วยเพราะคุณท่านช่วยครอบครัวของเธอมามากพอแล้ว ก็ได้แต่หวังว่าวันนี้จะไม่เจอผู้ชายคนนั้น
แต่แล้วสวรรค์ก็ไม่เข้าข้าง เพราะในระหว่างที่เธอกำลังเดินผ่านลานจอดรถ ก็เห็นใครบางคนก้าวเท้าลงมาจากรถหรูพอดี ร่างเล็กรีบพุ่งตัวหลบหลังพุ่มไม้เพราะจำได้ดีว่ารถคันนี้เป็นของใคร
นอกจากสวรรค์จะไม่เข้าข้างแล้ว...ยังกลั่นแกล้งให้เธอต้องมาเจอผู้ชายคนนี้ที่ร้านเหล้าแทบทุกวัน หรือว่าเขาเป็นเจ้าของที่นี่!
“นายครับ!” ยังไม่ทันไร เสียงของลูกน้องคนสนิทก็ดังขึ้นพร้อมกับวิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าตื่นเต้น “คุณท่านโทรมาบอกว่ามีเรื่องอยากจะคุยกับนายเป็นการส่วนตัวครับ”
“เห้อ!” ปริยภัทรถอนหายใจพร้อมยกมือเสยผมด้วยท่าทางหงุดหงิด เหมือนรำคาญเต็มทน “บอกไปซะว่ากูไม่ต้องการมรดกของเขาแม้แต่บาทเดียว เชิญยกให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเขาเถอะ”
“คุณท่านบอกว่าจะไม่ยกให้ใครนอกจากนาย”
หญิงสาวที่แอบยืนฟังอยู่หลังพุ่มไม้ย่นคิ้วด้วยความแปลกใจ คิดว่าวันนั้นแบ่งมรดกกันเรียบร้อยแล้วซะอีก
“ช่วยบอกเขาว่าเลิกยุ่งกับกูสักทีก่อนที่กูจะหมดความอดทน นี่กูอุตส่าเอาตัวกลับไปเหยียบบ้านหลังนั้นอีกครั้งเพื่อตัดความรำคาญ แต่ก็ยังตามราวีไม่จบไม่สิ้น”
“คุณท่านคงอยากให้นายได้มรดกเท่าๆกันกับคุณปุณวิชญ์”
“ในเมื่อเขาไม่ได้สนใจกูตั้งแต่แรก จะมายกให้กูทำไม อีกอย่าง....คิดหรอว่าคุณพิศมัยจะยอม”
“เรื่องนี้มันอยู่ที่การตัดสินใจของคุณท่านครับ คุณพิศมัยไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง”
“เหอะ!” เขาหัวเราะในลำคอ คิดหรอว่าถ้ารับมรดกไปแล้วเรื่องจะจบ คุณโกศลน่าจะไปคุยกับคนในครอบครัวให้เข้าใจก่อน เพราะสุดท้ายแม่เลี้ยงก็จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้มรดกเป็นของลูกชายเพียงคนเดียวอยู่ดี ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่อยากกลับไปยุ่งกับคนพวกนั้นอีก “จะด้วยเหตุผลอะไรก็ช่าง กูจะไม่กลับไปยุ่งกับคนพวกนั้นอีกแล้ว”
“ผมเข้าใจนายนะครับ”
ปริยภัทรเบือนหน้าไปอีกทาง ซ่อนความรู้สึกบางอย่างเอาไว้ แต่แล้วมุมปากหยักก็ต้องกระตุกยิ้มเพราะเห็นปลายเท้าของใครบางคนยืนอยู่หลังพุ่มไม้
“จะแอบฟังอีกนานไหม”
หญิงสาวที่แอบยืนฟังอยู่หลังพุ่มไม้สะดุ้ง มองซ้ายมองขวาไม่เจอใคร
ที่เขาพูดเมื่อสักครู่ พูดกับใคร?
“ถ้าไม่ออกมาฉันจะเดินเข้าไปหานะ”
“...” ปิ่นมุกกระพริบตาปริบๆ มองหาทางหนี แต่ก็หนีไปไหนไม่ได้เพราะข้างหลังเป็นกำแพง นี่มันเวรกรรมอะไรของเธอเนี่ยปิ่นมุก!
“นับหนึ่งถึงสาม ถ้ายังไม่ออกมา....เธอเจอดีแน่!” พูดจบเขาก็ชักปืนออกมาจากสีข้าง ทันทีที่สิ่งนั้นกระทบกับแสงไฟ ปิ่นมุกก็แทบอยู่ไม่ติด
นี่ถึงกับจะฆ่ากันเลยหรอ!
“หนึ่ง....”
"..."
“สอง...."
"..."
แกร๊กก!!
“สะ...”
“ออกมาแล้วค่ะ ออกมาแล้ว!” เธอส่งยิ้มแห้งๆ หัวเราะกลบเกลื่อน ยกมือเกาท้ายทอยตัวเองพร้อมกับสีหน้าไม่สู้ดีเท่าไหร่ “คะ...คือว่า...”
“แอบตามฉันมาทำไม” ปริยภัทรยัดปืนกระบอกนั้นไว้ที่เดิม ดวงตาคมมองหน้างาม เค้นหาคำตอบจากอีกฝ่าย
“ฉะ...ฉันไม่ได้ตามคุณค่ะ ฉันจะไปทำงาน”
“เขาสั่งให้เธอตามฉันมาใช่ไหม”
“เขา? เขาไหนหรอคะ” เธอถามกับอย่างใสซื่อเพราะไม่รู้จริงๆ เวลาเผชิญหน้ากับผู้ชายคนนี้ทีไร หัวใจเจ้ากรรมเต้นแรงทุกที ต่างจากตอนที่อยู่กับปุณวิชญ์
ปริยภัทรไม่ตอบอะไร เพียงแค่สบตาเธอนิ่งๆจนขนลุกซู่ไปทั้งตัว เธอเผลอจ้องหน้าเขาอยู่ตั้งนานสองนานในขณะที่อีกฝ่ายก็จ้องกลับเช่นกัน จนกระทั่งมีรถวิ่งเข้ามาจอด ดึงสติของเธอกลับคืนมา
“อะ...เอ่อ...ฉันต้องไปทำงานแล้วค่ะ”
“เดี๋ยว!” ไม่พูดเปล่า มือใหญ่คว้าข้อแขนเล็กเอาไว้ ปิ่นมุกตาโต อ้าปากค้าง ค่อยๆหันหน้ากลับมา หัวใจเจ้ากรรมเต้นแรงอีกแล้ว หรือเพราะมันกำลังกลัวผู้ชายหน้านิ่งคนนี้ “ฝากกลับไปบอกผู้ชายคนนั้นด้วยว่าอย่ามายุ่งกับฉันอีก ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน”
“สบายใจได้เลยค่ะ ไม่มีใครอยากยุ่งกับคุณหรอก”
“งั้นหรอ” เขาเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ เล่นเอาปิ่นมุกสั่นไปทั้งตัว ปฏิเสธไม่ได้ว่ากำลังกลัว เพราะในอดีตเธอเป็นสาเหตุทำให้เขาถูกแม่เลี้ยงตี “ถ้าเป็นอย่างที่เธอพูดฉันจะได้สบายใจขึ้นมาหน่อย เพราะฉันเองก็ไม่อยากยุ่งกับคนพวกนั้นเหมือนกัน....โดยเฉพาะเธอ!”
ปิ่นมุกตวัดตามองหน้าคมอย่างรวดเร็ว ประโยคนี้คนที่พูดควรจะเป็นเธอมากกว่า
“ฉันก็ไม่ได้อยากเจอหน้าคุณหรอกค่ะ อย่างวันนี้ฉันก็บังเอิญมาเจอคุณ ไม่มีใครส่งฉันมาตามหรือมาดักฟังอะไรทั้งนั้น คุณเลิกเข้าข้างตัวเองได้แล้ว” พูดจบปิ่นมุกก็รีบเบือนหน้าหนีทันทีที่พูดจบ เพราะรู้สึกประหม่ากับสายตาคมที่เอาแต่จ้องหน้าเธอเหมือนมีอคติอยู่ลึกๆในใจ
หรือปริยภัทรโกรธที่เธอเคยทำให้เขาโดนแม่เลี้ยงตี!
“งั้นหลังจากนี้....หวังว่าฉันคงไม่เจอหน้าเธออีกนะปิ่นมุก”
พูดจบร่างสูงก็เดินกระแทกไหล่คนตัวเล็กไป ทิ้งให้ปิ่นมุกยืนนิ่งกับการกระทำห่ามๆของเขา ผู้ชายคนนี้ก็ยังเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน ตอนนี้ชักจะเป็นห่วงปุณวิชญ์ขึ้นมาแล้วสิ เพราะฝ่ายนั้นแคร์พี่ชายยิ่งกว่าอะไร
“ชิ! ฉันเองก็ไม่อยากเจอหน้าคุณเหมือนกัน”