บท
ตั้งค่า

บทที่ 8 จูบสอง

“เป็นอะไรน้องปิ่น ทำไมวันนี้ดูเหม่อๆ” เสียงของวารีรินรุ่นพี่คนสนิทดังขึ้น ทำให้ปิ่นมุกหลุดจากภวังค์

“มะ...ไม่มีอะไรค่ะ”

“ถ้ามีเรื่องไม่สบายใจ ระบายให้พี่ฟังได้นะ”

“เอ่อ....พี่พอจะรู้จัก...คะ...คุณปริยภัทรไหมคะ พอดีปิ่นเห็นเขามาที่นี่บ่อยๆ” ปิ่นมุกเอ่ยถามอย่างกล้าๆกลัวๆ

“นี่ปิ่นรู้จักคุณปริยภัทรด้วยหรอ”

“เปล่าค่ะ ปิ่นแค่ได้ยินพนักงานเขาคุยกัน เลยอยากรู้ว่า...เอ่อ....คุณปริยภัทรเป็นใคร”

“คุณปริยภัทรคือหุ้นส่วนรายใหญ่ของที่นี่เองจ้ะ ที่เห็นมาที่นี่บ่อยๆ ความจริงแล้วเขามาดูงานต่างหาก”

“ว่าไงนะ หุ้นส่วนหรอคะ!”

“ใช่ นี่น้องปิ่นไม่รู้หรอว่าคุณปริยภัทรเขาเป็นหุ้นส่วนของที่นี่”

“มะ...ไม่รู้ค่ะ ปิ่นไม่รู้อะไรเลย”

ให้ตายเถอะ! งั้นที่นี่ก็คงไม่ปลอดภัยสำหรับเธออีกต่อไปแล้ว ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเขาเป็นหุ้นส่วนของที่นี่

“ถ้ารู้แล้วก็อย่าไปเข้าใกล้เขาล่ะ คุณปริยภัทรเขาเป็นคนขี้รำคาญ ไม่ชอบสุงสิงกับใคร บางครั้งเขาก็แทบไม่คุยกับใครเลย ก็อย่างว่าแหละ หล่อแล้วหยิ่ง พี่ก็อยากรู้เหมือนกันว่าคนแบบนี้ถ้ามีแฟนจะเป็นยังไง”

“ปะ...ปิ่นว่าคนแบบนี้คงไม่มีใครกล้าจีบหรอกค่ะ”

“น้องปิ่นไม่รู้อะไรซะแล้ว คนแบบนี้น่าค้นหาจะตาย ผู้หญิงในผับชอบเขาตั้งหลายคน แต่เขาก็ไม่เล่นด้วย พี่ว่ามันก็ท้าทายดีนะ ผู้ชายนิ่งๆเข้าถึงยาก ถ้าใครได้เข้าไปรับรองว่าเขาต้องเป็นแมวที่เชื่องแน่ๆ”

“อย่างนี้ไม่ใช่แมวหรอกค่ะ น่าจะเป็นเสือมากกว่า”

“ที่ถามเพราะปิ่นเองก็สนใจเขาเหมือนกันใช่ไหม”

“มะ...ไม่ใช่นะพี่วา! ปิ่นไม่ได้สนใจเขา ไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาเลย ปะ...ปิ่นแค่รู้สึก...เอ่อ...ไม่ถูกชะตา”

“ก็ดีเหมือนกัน เพราะถ้าน้องปิ่นสนใจคุณปริยภัทรล่ะก็ คงมีศัตรูหลายคนเลยแหละ”

ปิ่นมุกแทบกลั้นขำไว้ไม่อยู่ แค่หน้าก็ไม่อยากเจอแล้ว ก็ดีเหมือนกัน จะได้รู้ไว้ว่าเขาเป็นคนแบบไหน เพราะเท่าฟังมาถือว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนเย่อหยิ่งพอสมควร

เขาจะร้ายกับใครก็ได้ ขออย่างเดียว...อย่าไปยุ่งกับผู้ชายที่เธอชอบก็พอ

วันนี้วารีรินไม่ได้ไปส่งปิ่นมุกเพราะหล่อนมีนัดกับแฟนหนุ่ม ทำให้ปิ่นมุกต้องออกมารอรถแท็กซี่ที่ปากทางเข้า และในระหว่างที่เธอกำลังเดินผ่านลานจอดรถ ได้มีรถหรูสีดำคันหนึ่งจอดขวางทางอยู่ ทำให้เธอต้องเดินเบี่ยงไปอีกทาง แต่จู่ๆรถคันนั้นก็พุ่งมาขวางหน้าจนเกือบโดนเฉี่ยว ก่อนที่คนในรถจะค่อยๆลดกระจกลง

“คะ...คุณปริยภัทร!!”

เคราะห์ซ้ำกรรมซากอะไรนักหนา อย่างวันนี้ก็อุตส่าห์หลบหน้าทั้งวันแล้ว แต่ก็ไม่วายเจอกันอีกอยู่ดี

“มานี่” เขากวักมือเรียก แต่ปิ่นมุกไม่ไป “ฉันบอกให้มานี่!”

“มะ...ไม่ ฉันไม่อยากไปกับคุณ”

“ถ้าเธอไม่มา รู้ใช่ไหมจะเกิดอะไรขึ้น”

“คุณก็ดีแต่ใช้กำลังข่มขู่คนอื่นนั่นแหละ!”

“ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก เพราะฉันไม่อยากมีปัญหากับคนพวกนั้น”

“ละ...แล้วตามมาราวีฉันทำไม”

“ฉันแค่มีเรื่องอยากจะคุยกับเธอ” เขาพูดเสียงเรียบ ดวงตาคมเข้มภายใต้กรอบแว่นสีดำนั้นกำลังมองคนตัวเล็กอยู่ เหมือนเห็นเธอลังเลอยู่พักหนึ่ง “กลัวหรอ”

“บ้า! ฉันไม่ได้กลัวคุณ”

ปิ่นมุกรีบยัดร่างเข้ามาในรถเพื่อตัดความรำคาญ ปิดประตูรถอย่างแรง จนชายที่นั่งอยู่ข้างๆจิ๊ปากด้วยความไม่พอใจกับท่าทางไม่น่ารักของอีกฝ่าย

“เขาจ้างเธอมาใช่ไหม”

“ถ้าหมายถึงคุณท่านแล้วล่ะก็ สบายใจได้เลย ท่านไม่ได้จ้างฉันมา”

“แล้วทำไมเธอถึงมาทำงานที่นี่ทั้งๆที่ฉันเป็นหุ้นส่วน มันไม่บังเอิญไปหน่อยหรอ”

“นี่!” ปิ่นมุกยกมือเท้าเอวด้วยความโมโห หลงตัวเองเกินไปแล้ว คิดว่าสำคัญขนาดนั้นเลยหรอ “เมื่อไหร่จะเลิกหลงตัวเองสักที ที่ฉันมาทำงานอยู่ที่นี่เพราะพี่วาเป็นคนชวนมา ถ้ารู้ตั้งแต่ว่าคุณเป็นหุ้นส่วน คิดหรอว่าฉันจะมา”

“ถ้างั้นฉันจะไล่เธอออกวันนี้เลย เพราะฉันเองก็ไม่อยากเห็นหน้าเธอเหมือนกัน และก็ฝากไปบอกเขาด้วยนะว่า....อย่ามายุ่งวุ่นวายกับฉันอีก”

เป็นอีกครั้งที่ปิ่นมุกตวัดตามองหน้าคมอย่างไม่ค่อยพอใจ คุณท่านทำเพื่อเขาขนาดนี้แต่ดูสิ่งที่เขาตอบแทนสิ ลูกอกตัญญูชัดๆ

“นี่คุณไม่รักพ่อของตัวเองเลยหรอ”

“ฉันไม่มีพ่อ” เขาตอบสั้นๆ สองมือกำพวงมาลัยแน่น

“รู้หรือเปล่าว่าถ้าพ่อของคุณได้ยินแบบนี้แล้วท่านจะเสียใจแค่ไหน ท่านทำทุกอย่างเพื่อคุณนะ แต่คุณกลับตอบแทนท่านแบบนี้”

“แล้วเธอจะให้ฉันทำยังไง”

“ความจริงฉันก็ไม่อยากยุ่งเรื่องของคุณหรอก แต่คุณท่านรักคุณมากนะ มีแต่คุณนั่นแหละที่ไม่รักท่าน”

“เพราะฉันไม่มีพ่อไง!”

เอี๊ยดด!!

เขาหักพวงมาลัยจอดข้างทางกะทันหันจนหน้าของปิ่นมุกเกือบกระแทกกับคอลโซนรถ แต่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว มือใหญ่ก็กระชากต้นแขนเล็กเข้าหาอย่างแรง

“ฟังให้ดีนะ! ฉันไม่เคยมีพ่อและฉันจะไม่มีวันเรียกเขาว่าพ่อเด็ดขาด”

“ฉันรู้ว่าคุณเกลียดท่าน แต่ยังไงท่านก็คือผู้ให้กำเนิดของคุณนะ ท่านทำทุกอย่างเพื่อคุณ มีแต่คุณนั่นแหละที่อคติกับพ่อตัวเอง”

“ถ้าไม่รู้อะไรก็หุบปากไปซะ!”

“ฉันแค่อยากจะพูดให้คุณสำนึก ไม่มีพ่อคนไหนไม่รักลูกของตัวเองหรอก คุณนั่นแหละทิฐิสูงเอง!” ปิ่นมุกตะคอกกลับอย่างเหลืออดเหลือทน ในวินาทีนี้เธอไม่ได้กลัวอะไรแล้ว เมื่อไหร่เขาจะเลิกมีอคติกับพ่อของตัวเองสักที “คุณอาจจะเคยมีเรื่องบาดหมางใจกับท่าน แต่อย่างน้อย...ท่านก็คือพ่อของคุณ"

“หุบปากเดี๋ยวนี้ปิ่นมุก” เสียงเข้มรอดไรฟันน่ากลัวเข้าไปทุกที แต่ปิ่นมุกก็ยังไม่ยอมหยุด เพราะอยากให้เขาสำนึกกับสิ่งที่ทำกับพ่อของตัวเอง

“ฉันรู้ว่าลึกๆแล้วคุณก็รักท่าน แต่คุณแค่ไม่ยอมรับความจริง เพราะคำว่าทิฐิมันค้ำคอ...อุ๊บ!!!”

ริมฝีปากหยักกระแทกเข้ามาบดคลึงริมฝีปากบางอย่างแรง ใช้คมเขี้ยวขบกัดจนรับรู้ได้ถึงกลิ่นคาวเลือด ปิ่นมุกพอตั้งสติได้รีบยกมือผลักร่างหนาออก แต่เขาใช้สองแขนกักขังร่างเอาไว้ แม้จะดีดดิ้นเท่าไหร่ก็สู้แรงมหาศาลของอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ดี

รสจูบหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆจนหายใจแทบไม่ทัน เจ็บแสบไปทั่วทั้งริมฝีปาก แต่เขาก็ไม่ยอมหยุด หนำซ้ำยังพยายามสอดลิ้นเข้ามาในโพรงปากแต่เธอปิดปากไว้แน่น สัมผัสรุนแรงขึ้นเรื่อยๆเหมือนเขากำลังจะข่มขืนเธอในรถ และในที่สุดน้ำแต่แห่งความอ่อนแอก็ไหลออกมาทำให้ร่างสูงชะงัก และดูเหมือนว่าเขาจะเริ่มได้สติ ผลักร่างของเธอออกพร้อมตวัดมองด้วยสายตาวาวโรจน์

“อย่าพูดถึงเขาอีก ไม่งั้นเธอเจอหนักกว่านี้แน่!”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel