บทย่อ
ปิ่นมุก อายุ 19 ปี ปิ่นมุกเด็กสาววัย 19 ปี กำลังจะเข้าศึกษาระดับมหาวิทยาลัย นิสัยของเธอค่อนข้างไร้เดียงสา เป็นคนอ่อนโยน อ่อนหวาน เกลียดพวกใช้แต่อารมณ์ที่สุด! ปาย ปริยภัทร นักธุรกิจหนุ่มวัย 30 ปี นักธุรกิจหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง เป็นคนพูดน้อย อารมณ์ร้อน ไม่ชอบเซ้าซี้ เป็นพวกเกลียดใครแล้วเกลียดเลย แต่ถ้าได้รักใครแล้ว...เขาพร้อมที่จะดูแลและปกป้องผู้หญิงคนนั้นให้ถึงที่สุด เปรม ปุณวิชญ์ อายุ 28 ปี น้องชายต่างแม่ของปริยภัทร เป็นหนุ่มนักเรียนนอก นิสัยอ่อนโยน สุขุม ดูเป็นผู้ชายจิตใจดี แต่ใครจะไปรู้ว่าภายนอกที่แสนอ่อนโยนแอบซ่อนความร้ายกาจเอาไว้ เขาคือรักแรกของเธอ ส่วนเขาอีกคน...คือคนที่เธอเกลียดและไม่อยากเจอหน้ามากที่สุด! ...แต่สุดท้ายฟ้าก็โคจรให้เธอและเขากลับมาเจอกันอีกครั้ง ผู้ชายอารมณ์ร้อน พูดน้อยแต่ปากร้าย ซึ่งภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากผู้มีพระคุณนั่นก็คือ....ทำยังไงก็ได้ให้ 'ปริยภัทร' กับบิดาคืนดีกัน แต่มันไม่ง่ายอย่างที่คิด....เพราะปริยภัทรเกลียดบิดายิ่งกว่าอะไร และเขาเคยสาบานว่าจะไม่มีวันญาติดีด้วยเพราะท่านเป็นฝ่ายนอกใจมารดาจนมีพยานรักคนใหม่นั่นก็คือ ‘ปุณวิชญ์!!’ ภารกิจอันตราย...กับผู้ชายเลือดร้อน ปากก็บอกว่าเกลียดแสนเกลียด แต่พออยู่ใกล้ทำไมหัวใจเต้นแรง?
บทที่ 1 สบตา
ภายในคอนโดหรูชั้นที่ 49 ในย่านธุรกิจปรากฏร่างของชายหนุ่มรูปงามนั่งดูดบุหรี่อยู่ที่ริมหน้าต่าง ควันขาวคลุ้งถูกพ่นออกจากริมฝีปากซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในขณะที่นิ้วใหญ่เคาะอยู่บนขอบหน้าต่างเป็นจังหวะ ดวงตาคมเข้มแสนดุดันเหม่อมองออกไปข้างนอกซึ่งเป็นวิวเมืองหลวง ใบหน้าหล่อเหลาเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่ได้แสดงความกังวลใดๆ ออกมา สักพักมุมปากหยักก็กระตุกยิ้ม ทิ้งบุหรี่ราคาแพงลงบนพื้นก่อนจะยกเท้าเหยียบขยี้มันจนแหลกละเอียดก่อนที่เสียงฝีเท้าหนักจะเดินเข้ามาจากทางประตู
ใบหน้าหล่อเหลาราวกับรูปปั้นกรีกโบราณหันกลับไปมอง เห็นลูกน้องคนสนิทเดินเข้ามาพร้อมเอกสารชุดหนึ่ง เขาค่อยๆ หยัดกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูงประมาณ 188 เซนติเมตร
“นายครับ คุณโกศลส่งเอกสารมาอีกแล้วครับ” ลูกน้องว่าพรางยื่นเอกสารให้ ถ้าจำไม่ผิด เอกสารชุดนี้น่าจะเป็นชุดที่ห้าแล้วที่ถูกส่งมา
“หึ!” มุมปากร้ายกระตุกยิ้ม ยื่นมือรับเอกสารมา แต่ไม่ได้เปิดอ่าน เพราะข้างในนั้นก็มีแต่เรื่องเดิมๆ นั่นก็คือเรื่อง...มรดก! “นับถือความหน้าด้านของเขาจริงๆ ทั้งๆ ที่กูไม่รับก็ยังจะส่งมา”
“พ่อของนายคงอยากให้นายไปเซ็นรับมรดกครับ”
“กูบอกมึงแล้วใช่ไหมว่าผู้ชายคนนั้นไม่ใช่พ่อกู เขาก็แค่ทำให้กูเกิดมาแต่ไม่ใส่ใจ เพราะฉะนั้นมึงอย่ามาเรียกเขาว่าเป็นพ่อของกูอีกเด็ดขาด!”
“ผะ...ผมขอโทษครับนาย แต่ว่า....เอ่อ....นายน่าจะเปิดอ่านสักนิดนะครับ เผื่อมีเรื่องคอขาดบาดตาย”
“มันก็คงมีแต่เรื่องเดิมๆ ก็คือเรื่องมรดก สงสัยลูกชายอีกคนไม่เป็นโล่เป็นพาย ถึงได้เอามรดกมาอ้างเพื่อล่อให้กูกลับคืนไป”
“ผมรู้ว่านายไม่อยากได้ แต่ถ้าไม่อ่านเลย คุณโกศลก็คงส่งมาเรื่อยๆ เพื่อตัดความรำคาญ....ได้โปรดอ่านสักนิดนะครับ”
“บอกแล้วไงว่ากูไม่อ่าน!” มือใหญ่ฉีกเอกสารสำคัญแล้วขว้างทิ้งอย่างไม่ใยดีเสมือนว่ามันเป็นแค่ผักปลา สันกรามหนาขบแน่นขึ้นเรื่อยๆ เมื่อนึกถึงผู้ชายที่ทำให้เขาเกิดมาแต่ไม่เคยมาสนใจใยดี “ถ้ามีเอกสารที่นายโกศลเป็นคนส่งมา อย่าเอามาให้กูเห็นอีกเด็ดขาด เพราะกูรังเกียจ!”
ชายหนุ่มชักสีหน้าใส่ลูกน้องด้วยความหงุดหงิด ขายาวก้าวไปที่โต๊ะทำงาน คว้าเอาเสื้อสูทขึ้นมาสวมใส่แล้วเดินออกไปท่ามกลางสีหน้าเหนื่อยใจของลูกน้อง
'ปริยภัทร' คือชื่อของนักธุรกิจหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง จนถูกขนานนามว่าเป็นว่าที่เจ้าพ่อแห่งวงการธุรกิจในวัยเพียง 30 ปี เขาเป็นคนรูปร่างหน้าตาดี ใบหน้าของเขาหล่อเหลาราวกับรูปปั้น ด้วยความที่มารดามีเชื้อสายจีนทำให้เขามีผิวที่ขาวเนียนละเอียด ริมฝีปากบางหยักได้รูป ดวงตาคมเข้ม จมูกโด่งเป็นสันรับกับใบหน้าคมคายที่มีสันกรามเด่นชัด ทุกอย่างดูลงตัวมากจนเป็นที่หมายปองของใครหลายๆ คน แต่เขาก็เลือกที่จะอยู่เงียบๆ คนเดียวเพราะไม่ชอบสุงสิงกับใคร ไม่ชอบความวุ่นวายเพราะเป็นคนขี้รำคาญ ซึ่งมันก็ดูน่าค้นหาไปอีกแบบจนสาวๆ ต่างก็เทใจให้กับความลึกลับของนักธุรกิจหนุ่มคนนี้
บรื้นนนน!!!
จากัวร์คันงามซึ่งมีเพียงสิบคันในประเทศมุ่งหน้าไปยังผับเปิดใหม่ย่านใจกลางเมือง ซึ่งเป็นแหล่งโคจรชื่อดังของคนกรุงเทพและเขาเองก็มีหุ้นส่วนอยู่ในผับแห่งนี้เช่นกัน
และในขณะที่เขากำลังฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี จู่ๆ ก็มีใครบางคนพุ่งตัวออกมาจากถนนในระยะกระชั้นชิด จนเขารีบหักพวงมาลัยจอดข้างทางกะทันหันพร้อมสบถด้วยถ้อยคำหยาบคาย
เอี๊ยดดดด!!!
“บัดซบเอ้ย! อยากตายหรือไงวะ!!”
เขาก้าวลงมาจากรถอย่างไม่สบอารมณ์ ปิดประตูรถอย่างแรงจนแทบพัง เพราะเกือบจะชนพวกเดินไม่ดูตาม้าตาเรือเข้า กล้าดียังไงมาวิ่งตัดหน้ารถคนอื่น สงสัยคงอยากขาดสองท่อน
แต่แล้วคิ้วเข้มก็ต้องขมวดยุ่งเมื่อเห็นใครบางคนทำท่าทางลับๆ ล่อๆ อยู่ที่หน้ารถ เหมือนกำลังมุดหาอะไรบางอย่างทั้งๆ ที่เพิ่งวิ่งตัดหน้ารถคนอื่น!
คอยดูเถอะ...ถ้าเป็นพวกมิจฉาชีพล่ะก็ มันจะไม่ได้สักแดง แต่จะได้ลูกตะกั่วกลับไปแทน
“โอ๋ๆๆ ไม่เป็นอะไรแล้วนะ ปลอดภัยแล้ว”
“นี่เธอ! รู้ตัวหรือเปล่าว่าวิ่งตัดหน้ารถคนอื่น ถ้าฉันชนเข้าจะว่ายังไง หรือนี่เป็นวิธีการหาเงินของเธอ!”
“ฉันไม่ได้วิ่งตัดหน้ารถค่ะ แต่ฉันกำลังช่วยแมวต่างหาก”
“แล้วถ้าเกิดรถฉันไปเฉี่ยวชนกับต้นไม้ขึ้นมาจะทำยังไง รู้ไหมว่ารถคันนี้ราคากี่บาท!”
“คุณมีเงินซื้อรถ ก็ต้องมีเงินซ่อมรถสิคะ”
“นี่เธอ! คิดว่าค่าซ่อมมันบาทสองบาทหรือไง ทำผิดแล้วยังมีหน้ามาย้อนหรอ” เขาเท้าสะเอวอย่างเหลือเชื่อ แลดูไม่สำนึกผิดเลยสักนิด
“แต่รถของคุณก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่คะ”
“แต่เธอวิ่งตัดหน้ารถฉัน!!”
พรึ่บ!
ในที่สุดเธอคนนั้นก็ดันตัวออกมาจากใต้รถได้สำเร็จพร้อมลูกแมวตัวน้อยหนึ่งตัว ร่างสูงที่ยืนมองตาขวางอย่างไม่สบอารมณ์ขมวดคิ้วอย่างไม่ได้ตั้งใจอีกครั้ง ยืนอึ้งไปชั่วขณะ เพราะเธอคนนี้ช่างดูคุ้นหน้าคุ้นตาเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
“ฉันขอโทษก็ได้ค่ะ” เธอว่าพรางเงยหน้าขึ้นสบตา ทำให้ดวงตาของทั้งคู่สบประสานกันจนเกิดเป็นคำถามอยู่ในใจของปริยภัทร
เหตุใดเขาถึงได้รู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาผู้หญิงคนนี้ หากประเมินจากใบหน้าที่ยังอ่อนเยาว์ เธอคนนี้คงเป็นเด็กสาวมัธยมปลาย แต่....ทำไมถึงได้คุ้นหน้าขนาดนี้
ไม่ใช่แค่ปริยภัทรฝ่ายเดียวที่มอง ทางด้านสาวน้อยใบหน้าจิ้มลิ้มเองก็มองชายร่างสูงไม่กะพริบตาเช่นกัน ผู้ชายคนนี้ท่าทางน่าเกรงขาม ใบหน้าคมเข้มหล่อเหลาเอาการแต่แอบน่ากลัว จนเธอตัวสั่น ไม่รู้ว่าไปตัดหน้ารถพวกมาเฟียหรือเปล่า
“รู้หรือเปล่าว่าถ้าฉันเบรกไม่ทันจะเกิดอะไรขึ้น” เสียงเข้มเปล่งออกมาจากริมฝีปากหยัก เขามองหน้าของคนตัวเล็กจนอีกฝ่ายรีบก้มหน้างุด
“ขะ....ขอโทษค่ะ คือว่าฉันแค่อยากช่วยน้องแมว”
“แมวมันอยากเดินออกมาถนนเองก็เรื่องของมันสิ แล้วเธอจะสะเออะวิ่งออกมาทำไม เดี๋ยวก็ได้ตายทั้งคนทั้งแมวหรอก!”
เขาพ่นลมหายใจออกทางจมูกด้วยความหงุดหงิด เบือนหน้าหนีเหมือนไม่อยากมองหน้าเธอ
หญิงสาวเงยหน้าขึ้น ลอบมองใบหน้าหล่อเหลาอีกครั้ง เขาต้องเป็นพวกมาเฟียแน่ๆ ขนาดเธอเป็นคนผู้หญิงตัวเล็กๆ ยังกล้าตะคอกใส่ ผู้ชายแบบนี้ไม่ควรเอาตัวอยู่ใกล้ นี่ถ้าไม่เป็นพวกใจบุญวิ่งออกมาช่วยลูกแมวก็คงไม่เจอผู้ชายท่าทางน่ากลัวคนนี้หรอก
ขออย่าให้เจอคนแบบนี้อีกเลย....