เผลอรักคนเลว

108.0K · จบแล้ว
ณัฐลภัส
65
บท
16.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ปิ่นมุก อายุ 19 ปี ปิ่นมุกเด็กสาววัย 19 ปี กำลังจะเข้าศึกษาระดับมหาวิทยาลัย นิสัยของเธอค่อนข้างไร้เดียงสา เป็นคนอ่อนโยน อ่อนหวาน เกลียดพวกใช้แต่อารมณ์ที่สุด!   ปาย ปริยภัทร นักธุรกิจหนุ่มวัย 30 ปี นักธุรกิจหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง เป็นคนพูดน้อย อารมณ์ร้อน ไม่ชอบเซ้าซี้ เป็นพวกเกลียดใครแล้วเกลียดเลย แต่ถ้าได้รักใครแล้ว...เขาพร้อมที่จะดูแลและปกป้องผู้หญิงคนนั้นให้ถึงที่สุด   เปรม ปุณวิชญ์ อายุ 28 ปี น้องชายต่างแม่ของปริยภัทร เป็นหนุ่มนักเรียนนอก นิสัยอ่อนโยน สุขุม ดูเป็นผู้ชายจิตใจดี แต่ใครจะไปรู้ว่าภายนอกที่แสนอ่อนโยนแอบซ่อนความร้ายกาจเอาไว้   เขาคือรักแรกของเธอ ส่วนเขาอีกคน...คือคนที่เธอเกลียดและไม่อยากเจอหน้ามากที่สุด! ...แต่สุดท้ายฟ้าก็โคจรให้เธอและเขากลับมาเจอกันอีกครั้ง ผู้ชายอารมณ์ร้อน พูดน้อยแต่ปากร้าย ซึ่งภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากผู้มีพระคุณนั่นก็คือ....ทำยังไงก็ได้ให้ 'ปริยภัทร' กับบิดาคืนดีกัน แต่มันไม่ง่ายอย่างที่คิด....เพราะปริยภัทรเกลียดบิดายิ่งกว่าอะไร และเขาเคยสาบานว่าจะไม่มีวันญาติดีด้วยเพราะท่านเป็นฝ่ายนอกใจมารดาจนมีพยานรักคนใหม่นั่นก็คือ ‘ปุณวิชญ์!!’ ภารกิจอันตราย...กับผู้ชายเลือดร้อน ปากก็บอกว่าเกลียดแสนเกลียด แต่พออยู่ใกล้ทำไมหัวใจเต้นแรง?

นิยายรักโรแมนติกประธานคนธรรมดาพลิกชีวิตเศรษฐีโรแมนติก18+

บทที่ 1 สบตา

ภายในคอนโดหรูชั้นที่ 49 ในย่านธุรกิจปรากฏร่างของชายหนุ่มรูปงามนั่งดูดบุหรี่อยู่ที่ริมหน้าต่าง ควันขาวคลุ้งถูกพ่นออกจากริมฝีปากซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในขณะที่นิ้วใหญ่เคาะอยู่บนขอบหน้าต่างเป็นจังหวะ ดวงตาคมเข้มแสนดุดันเหม่อมองออกไปข้างนอกซึ่งเป็นวิวเมืองหลวง ใบหน้าหล่อเหลาเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่ได้แสดงความกังวลใดๆ ออกมา สักพักมุมปากหยักก็กระตุกยิ้ม ทิ้งบุหรี่ราคาแพงลงบนพื้นก่อนจะยกเท้าเหยียบขยี้มันจนแหลกละเอียดก่อนที่เสียงฝีเท้าหนักจะเดินเข้ามาจากทางประตู

ใบหน้าหล่อเหลาราวกับรูปปั้นกรีกโบราณหันกลับไปมอง เห็นลูกน้องคนสนิทเดินเข้ามาพร้อมเอกสารชุดหนึ่ง เขาค่อยๆ หยัดกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูงประมาณ 188 เซนติเมตร

“นายครับ คุณโกศลส่งเอกสารมาอีกแล้วครับ” ลูกน้องว่าพรางยื่นเอกสารให้ ถ้าจำไม่ผิด เอกสารชุดนี้น่าจะเป็นชุดที่ห้าแล้วที่ถูกส่งมา

“หึ!” มุมปากร้ายกระตุกยิ้ม ยื่นมือรับเอกสารมา แต่ไม่ได้เปิดอ่าน เพราะข้างในนั้นก็มีแต่เรื่องเดิมๆ นั่นก็คือเรื่อง...มรดก! “นับถือความหน้าด้านของเขาจริงๆ ทั้งๆ ที่กูไม่รับก็ยังจะส่งมา”

“พ่อของนายคงอยากให้นายไปเซ็นรับมรดกครับ”

“กูบอกมึงแล้วใช่ไหมว่าผู้ชายคนนั้นไม่ใช่พ่อกู เขาก็แค่ทำให้กูเกิดมาแต่ไม่ใส่ใจ เพราะฉะนั้นมึงอย่ามาเรียกเขาว่าเป็นพ่อของกูอีกเด็ดขาด!”

“ผะ...ผมขอโทษครับนาย แต่ว่า....เอ่อ....นายน่าจะเปิดอ่านสักนิดนะครับ เผื่อมีเรื่องคอขาดบาดตาย”

“มันก็คงมีแต่เรื่องเดิมๆ ก็คือเรื่องมรดก สงสัยลูกชายอีกคนไม่เป็นโล่เป็นพาย ถึงได้เอามรดกมาอ้างเพื่อล่อให้กูกลับคืนไป”

“ผมรู้ว่านายไม่อยากได้ แต่ถ้าไม่อ่านเลย คุณโกศลก็คงส่งมาเรื่อยๆ เพื่อตัดความรำคาญ....ได้โปรดอ่านสักนิดนะครับ”

“บอกแล้วไงว่ากูไม่อ่าน!” มือใหญ่ฉีกเอกสารสำคัญแล้วขว้างทิ้งอย่างไม่ใยดีเสมือนว่ามันเป็นแค่ผักปลา สันกรามหนาขบแน่นขึ้นเรื่อยๆ เมื่อนึกถึงผู้ชายที่ทำให้เขาเกิดมาแต่ไม่เคยมาสนใจใยดี “ถ้ามีเอกสารที่นายโกศลเป็นคนส่งมา อย่าเอามาให้กูเห็นอีกเด็ดขาด เพราะกูรังเกียจ!”

ชายหนุ่มชักสีหน้าใส่ลูกน้องด้วยความหงุดหงิด ขายาวก้าวไปที่โต๊ะทำงาน คว้าเอาเสื้อสูทขึ้นมาสวมใส่แล้วเดินออกไปท่ามกลางสีหน้าเหนื่อยใจของลูกน้อง

'ปริยภัทร' คือชื่อของนักธุรกิจหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง จนถูกขนานนามว่าเป็นว่าที่เจ้าพ่อแห่งวงการธุรกิจในวัยเพียง 30 ปี เขาเป็นคนรูปร่างหน้าตาดี ใบหน้าของเขาหล่อเหลาราวกับรูปปั้น ด้วยความที่มารดามีเชื้อสายจีนทำให้เขามีผิวที่ขาวเนียนละเอียด ริมฝีปากบางหยักได้รูป ดวงตาคมเข้ม จมูกโด่งเป็นสันรับกับใบหน้าคมคายที่มีสันกรามเด่นชัด ทุกอย่างดูลงตัวมากจนเป็นที่หมายปองของใครหลายๆ คน แต่เขาก็เลือกที่จะอยู่เงียบๆ คนเดียวเพราะไม่ชอบสุงสิงกับใคร ไม่ชอบความวุ่นวายเพราะเป็นคนขี้รำคาญ ซึ่งมันก็ดูน่าค้นหาไปอีกแบบจนสาวๆ ต่างก็เทใจให้กับความลึกลับของนักธุรกิจหนุ่มคนนี้

บรื้นนนน!!!

จากัวร์คันงามซึ่งมีเพียงสิบคันในประเทศมุ่งหน้าไปยังผับเปิดใหม่ย่านใจกลางเมือง ซึ่งเป็นแหล่งโคจรชื่อดังของคนกรุงเทพและเขาเองก็มีหุ้นส่วนอยู่ในผับแห่งนี้เช่นกัน

และในขณะที่เขากำลังฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี จู่ๆ ก็มีใครบางคนพุ่งตัวออกมาจากถนนในระยะกระชั้นชิด จนเขารีบหักพวงมาลัยจอดข้างทางกะทันหันพร้อมสบถด้วยถ้อยคำหยาบคาย

เอี๊ยดดดด!!!

“บัดซบเอ้ย! อยากตายหรือไงวะ!!”

เขาก้าวลงมาจากรถอย่างไม่สบอารมณ์ ปิดประตูรถอย่างแรงจนแทบพัง เพราะเกือบจะชนพวกเดินไม่ดูตาม้าตาเรือเข้า กล้าดียังไงมาวิ่งตัดหน้ารถคนอื่น สงสัยคงอยากขาดสองท่อน

แต่แล้วคิ้วเข้มก็ต้องขมวดยุ่งเมื่อเห็นใครบางคนทำท่าทางลับๆ ล่อๆ อยู่ที่หน้ารถ เหมือนกำลังมุดหาอะไรบางอย่างทั้งๆ ที่เพิ่งวิ่งตัดหน้ารถคนอื่น!

คอยดูเถอะ...ถ้าเป็นพวกมิจฉาชีพล่ะก็ มันจะไม่ได้สักแดง แต่จะได้ลูกตะกั่วกลับไปแทน

“โอ๋ๆๆ ไม่เป็นอะไรแล้วนะ ปลอดภัยแล้ว”

“นี่เธอ! รู้ตัวหรือเปล่าว่าวิ่งตัดหน้ารถคนอื่น ถ้าฉันชนเข้าจะว่ายังไง หรือนี่เป็นวิธีการหาเงินของเธอ!”

“ฉันไม่ได้วิ่งตัดหน้ารถค่ะ แต่ฉันกำลังช่วยแมวต่างหาก”

“แล้วถ้าเกิดรถฉันไปเฉี่ยวชนกับต้นไม้ขึ้นมาจะทำยังไง รู้ไหมว่ารถคันนี้ราคากี่บาท!”

“คุณมีเงินซื้อรถ ก็ต้องมีเงินซ่อมรถสิคะ”

“นี่เธอ! คิดว่าค่าซ่อมมันบาทสองบาทหรือไง ทำผิดแล้วยังมีหน้ามาย้อนหรอ” เขาเท้าสะเอวอย่างเหลือเชื่อ แลดูไม่สำนึกผิดเลยสักนิด

“แต่รถของคุณก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่คะ”

“แต่เธอวิ่งตัดหน้ารถฉัน!!”

พรึ่บ!

ในที่สุดเธอคนนั้นก็ดันตัวออกมาจากใต้รถได้สำเร็จพร้อมลูกแมวตัวน้อยหนึ่งตัว ร่างสูงที่ยืนมองตาขวางอย่างไม่สบอารมณ์ขมวดคิ้วอย่างไม่ได้ตั้งใจอีกครั้ง ยืนอึ้งไปชั่วขณะ เพราะเธอคนนี้ช่างดูคุ้นหน้าคุ้นตาเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน

“ฉันขอโทษก็ได้ค่ะ” เธอว่าพรางเงยหน้าขึ้นสบตา ทำให้ดวงตาของทั้งคู่สบประสานกันจนเกิดเป็นคำถามอยู่ในใจของปริยภัทร

เหตุใดเขาถึงได้รู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาผู้หญิงคนนี้ หากประเมินจากใบหน้าที่ยังอ่อนเยาว์ เธอคนนี้คงเป็นเด็กสาวมัธยมปลาย แต่....ทำไมถึงได้คุ้นหน้าขนาดนี้

ไม่ใช่แค่ปริยภัทรฝ่ายเดียวที่มอง ทางด้านสาวน้อยใบหน้าจิ้มลิ้มเองก็มองชายร่างสูงไม่กะพริบตาเช่นกัน ผู้ชายคนนี้ท่าทางน่าเกรงขาม ใบหน้าคมเข้มหล่อเหลาเอาการแต่แอบน่ากลัว จนเธอตัวสั่น ไม่รู้ว่าไปตัดหน้ารถพวกมาเฟียหรือเปล่า

“รู้หรือเปล่าว่าถ้าฉันเบรกไม่ทันจะเกิดอะไรขึ้น” เสียงเข้มเปล่งออกมาจากริมฝีปากหยัก เขามองหน้าของคนตัวเล็กจนอีกฝ่ายรีบก้มหน้างุด

“ขะ....ขอโทษค่ะ คือว่าฉันแค่อยากช่วยน้องแมว”

“แมวมันอยากเดินออกมาถนนเองก็เรื่องของมันสิ แล้วเธอจะสะเออะวิ่งออกมาทำไม เดี๋ยวก็ได้ตายทั้งคนทั้งแมวหรอก!”

เขาพ่นลมหายใจออกทางจมูกด้วยความหงุดหงิด เบือนหน้าหนีเหมือนไม่อยากมองหน้าเธอ

หญิงสาวเงยหน้าขึ้น ลอบมองใบหน้าหล่อเหลาอีกครั้ง เขาต้องเป็นพวกมาเฟียแน่ๆ ขนาดเธอเป็นคนผู้หญิงตัวเล็กๆ ยังกล้าตะคอกใส่ ผู้ชายแบบนี้ไม่ควรเอาตัวอยู่ใกล้ นี่ถ้าไม่เป็นพวกใจบุญวิ่งออกมาช่วยลูกแมวก็คงไม่เจอผู้ชายท่าทางน่ากลัวคนนี้หรอก

ขออย่าให้เจอคนแบบนี้อีกเลย....