บทที่ 2 ผู้มีพระคุณ
@กลางดึกของคืนนั้น
หลังผับปิดบรรดาพนักงานทยอยส่งลูกค้ากันเสร็จสรรพ สาวน้อยหน้าใสนามว่า ‘ปิ่นมุก’ กำลังสาลวนอยู่กับการเก็บข้าวของเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน เธอเพิ่งมาทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟได้เพียงสามวันเนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงรอมหาวิทยาลัยเปิด จึงไม่อยากปล่อยเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ อย่างน้อยก็ยังพอมีเงินเก็บ จะได้ไม่รบกวนผู้มีพระคุณและคนที่ชักชวนให้เธอมาทำงานด้วยนั่นก็คือรุ่นพี่คนสนิท
“น้องปิ่น วันนี้ให้พี่ไปส่งไหม” เสียงของวารีรินรุ่นพี่คนสนิทเอ่ยถาม
“ค่ะ งั้นวันนี้ปิ่นวานให้พี่วาขับรถไปส่งที่คฤหาสน์ได้ไหมคะ”
“ได้สิจ้ะ เดี๋ยวพี่แว๊นมอไซต์ไปส่ง ว่าแต่...ครอบครัวของคุณโกศลก็รวยขนาดนั้น ทำไมถึงอนุญาตให้ปิ่นออกมาทำงานนอกบ้านล่ะ”
“ปิ่นขออนุญาตคุณท่านออกมาทำงานเองค่ะ ปิ่นกับครอบครัวรบกวนท่านมาทั้งชีวิตแล้ว อะไรที่พอช่วยได้ ปิ่นก็อยากจะช่วย”
“นี่ถ้าเป็นพี่นะ จะนั่งเป็นคุณหนูอยู่ในบ้านทั้งวันเลย บ้านหลังใหญ่ขนาดนั้น ชาตินี้พี่คงไม่มีปัญญาเข้าไปเหยียบ”
“ความจริงปิ่นก็เป็นแค่ผู้อาศัยค่ะ คุณท่านมีบุญคุณกับปิ่นและก็ครอบครัวของปิ่นมาก ถ้าไม่ได้ท่านช่วยไว้ ปิ่นก็คงไม่มีเงินเรียนต่อมหาวิทยาลัย”
“แล้ว....เอ่อ....ผู้มีพระคุณของน้องปิ่น ไม่มีลูกชายหรอ” วารีรินทำหน้าเหมือนกำลังมีความหวัง เพราะถ้าได้เป็นลูกสะไภ้บ้านนั้นก็เหมือนขึ้นสวรรค์ทั้งๆที่ยังไม่ตาย
“มีสองคนค่ะ แต่...”
“แต่อะไร อย่าบอกนะว่าปิ่นชอบ”
“...” หญิงสาวหน้าแดงทันควัน รีบก้มหน้างุด หลบซ่อนความขวยเขิน ยืนบิดตัวไปมา “ปะ...ปิ่นแอบชอบลูกชายเจ้าของบ้านมานานแล้วค่ะ แต่ตอนนี้พี่เขาอยู่ที่ต่างประเทศ”
“งั้นอีกคนให้พี่ก็แล้วกัน”
“เอ่อ...ปะ....ปิ่นว่าไม่ดีมั้งคะ” ปิ่นมุกกลืนน้ำลายลงคอแทบไม่ทัน อีกคนที่ว่านั่นก็คือลูกชายคนโตของบ้านที่ไม่ได้เจอกันมานานหลายปี
และเธอเองก็ไม่อยากเจอเขาเช่นกัน ผู้ชายอารมณ์ร้อน ชอบใช้กำลังข่มเหงน้องชายนั่นก็คือ ‘ปุณวิชญ์’ ซึ่งเป็นผู้ชายที่เธอแอบชอบมานานแสนนาน เขากับพี่ชายต่างกันลับลับ ปุณวิชญ์เป็นคนอ่อนโยน สุขุม ให้เกียรติทุกคนแม้กระทั่งสุนัขข้างทาง เขาเป็นผู้ชายจิตใจดี อยู่ใกล้แล้วมีแต่พลังบวก ต่างจากอีกคนที่มีแต่พลังลบ ชอบหาเรื่องน้องชายต่างแม่ ซึ่งเธอก็เป็นฝ่ายออกโรงปกป้องปุณวิชญ์มาตลอดจนเกิดเป็นความเกลียดชังอยู่ลึกๆ ผู้ชายอารมณ์ร้อน นิสัยก้าวร้าวคนนั้น...เธอไม่อยากจดจำเลยสักนิด
แม้เวลาจะผ่านมานานหลายปี เธอก็ไม่เคยลืมในสิ่งที่เขาทำกับปุณวิชญ์
“น้องปิ่นจะเก็บไว้กินเองคนเดียวถึงสองคนเลยหรอ นี่เข้าตำราเลยนะ รักพี่...เสียดายน้อง”
“ไม่ใช่แบบนั้นค่ะพี่วา คือว่า...ละ....ลูกชายคนโตของบ้านเขานิสัยไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เป็นพวกอารมณ์ร้อน ก้าวร้าว ปากเสีย ไม่เห็นอกเห็นใจใคร เมื่อก่อนเขาชอบทะเลาะกับคุณท่านเป็นประจำ จนกระทั่งคุณหญิงท่านทนไม่ไหว ไล่เขาหนีออกจากบ้านค่ะ”
“อ่าวหรอ แล้วตอนนี้เขาไปอยู่ที่ไหน”
“ปิ่นก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะปิ่นไม่ได้เจอเขามาหลายสิบปีแล้ว ป่านนี้คงมีครอบครัวไปแล้วมั้ง”
“แหม เจ้ล่ะอยากเจอจริงๆผู้ชายแบดๆเนี่ย อยากรู้เหมือนกันว่าจะแบดสมชื่อหรือเปล่า”
“ปิ่นว่าอย่าเลยดีกว่าค่ะ ผู้ชายบางคนเกินคำว่าแบดไปแล้ว”
“จะบอกว่าเหี้ยก็ว่ามาเถอะ”
“ก็ประมาณนั้นแหละค่ะ”
ปิ่นมุกยิ้มแห้งๆ วารีรินถึงกับหมดอารมณ์ทันทีเมื่อได้ยินสิ่งที่ปิ่นมุกเล่า ถ้าเป็นอย่างที่เล่าจริงๆ แสดงว่าเขาคนนั้นคงจะเลวร้ายพอสมควร ถึงขั้นโดนไล่ออกจากบ้าน ป่านนี้คงเป็นกุ้ยข้างถนนไปแล้ว
หลังเลิกงานวารีรินก็ขับมอเตอร์ไซต์ไปส่งปิ่นมุกที่คฤหาสน์ สองสาวโบกมือล่ำลากันก่อนที่คนรับใช้ในคฤหาสน์จะเปิดประตูให้ ซึ่งตอนนี้ค่อนข้างดึกมาก เธอเกรงใจเจ้าของบ้านและคนรับใช้ในบ้านมากที่เข้ามารบกวนกลางดึก แต่จะไม่มาก็ไม่ได้ เพราะอีกไม่กี่วันเจ้าของหัวใจของเธอก็จะกลับมาแล้ว เธอเฝ้ารอเวลานี้มานานมาก รอทุกวัน รอเขาแค่คนเดียว ก็ได้แต่หวังว่าเขาจะชายตามองผู้หญิงต่ำต้อยคนนี้บ้าง
“ต้องขอโทษด้วยนะคะที่มารบกวนกลางดึก พอดีปิ่นเพิ่งเลิกงานค่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกน้องปิ่น แต่คุณผู้ชายก็แอบบ่นเรื่องนี้อยู่เหมือนกันนะ ท่านไม่อยากให้ปิ่นไปทำงานกลางคืน เพราะกลัวว่าจะเกิดอันตราย ยิ่งไปทำงานในที่อย่างว่าอีก”
“ปิ่นแค่อยากแบ่งเบาภาระคุณท่านค่ะ ส่วนเรื่องความปลอดภัยไม่ต้องห่วงเลยนะคะ ปิ่นมีพี่ที่รู้จักมาส่งทุกวัน อีกอย่างผับที่ปิ่นทำงานก็อยู่ไม่ไกลจากคฤหาสน์มาก เวลามีอะไรเร่งด่วนจะได้เรียกใช้ปิ่นได้” เธอตอบกลับอย่างเป็นมิตร รู้ดีว่าทุกคนในคฤหาสน์เป็นห่วง แต่เธอโตพอที่จะสามารถดูแลตัวเองได้แล้ว ส่วนงานที่ทำก็อยู่หลังบ้านไม่ได้ออกไปเจอแขก เลิกงานก็กลับบ้านเลย
“เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาสำหรับคุณท่านหรอก ขอแค่น้องปิ่นเป็นเด็กดี ตั้งใจเรียนให้จบก็พอ” คนรับใช้ส่งยิ้มกลับแล้วพาปิ่นมุกเข้าไปในบ้านเพราะตอนนี้หมอกลงจนขาวโพลน
ปิ่นมุกรู้ดีว่าเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาสำหรับคุณท่าน แต่เธอก็เกรงใจ เพราะท่านช่วยครอบครัวของเธอตั้งแต่ยังไม่ลืมตาขึ้นมาดูโลก พ่อของเธอเป็นอดีตมือขวาของคุณโกศล ท่านรักพ่อของเธอมากจนเปรียบเสมือนคนในครอบครัว กระทั่งพ่อของเธอจากไปด้วยโรคร้าย ตอนนั้นเธอเพิ่งจะสามขวบ ด้วยความสงสารเพราะขาดเสาหลักของบ้าน ท่านก็เลยอาสาส่งเสียเลี้ยงดูครอบครัวของเธอตั้งแต่นั้นมา ท่านเปรียบเสมือนพ่อคนที่สอง เพราะหากไม่ได้ท่าน ป่านนี้ก็ไม่รู้ว่าครอบครัวของเธอจะเป็นเช่นไร คงอดมื้อกินมื้อ คงไม่มีโอกาสได้เรียนมหาวิทยาลัย
เธอจึงปฏิญาณตนเอาไว้ว่า จะตอบแทนท่านด้วยการเป็นเด็กดี ตั้งใจเรียน จะไม่ทำให้ท่านลำบากใจ และจะทำทุกอย่างเพื่อตอบแทนบุญคุณของท่าน