บทที่ 5 วันแบ่งมรดก
@วันแบ่งมรดก
ในที่สุดวันที่หลายคนรอคอยก็มาถึง ส่วนคนที่ตื่นเต้นที่สุดก็คงหนีไม่พ้น ‘พิศมัย’ ภรรยาของนายโกศล เพราะมรดกทุกอย่างของสามีจะตกต้องเป็นของปุณวิชญ์เพียงคนเดียวเท่านั้น คนอื่นไม่มีสิทธิ์
โกศลเดินเข้ามาพร้อมทนายประจำตระกูลนั่นก็คือทนายเกรียงศักดิ์ พอเห็นชายหนุ่มผิวขาวหน้าตาดีนั่งรออยู่ เกรียงศักดิ์ก็ถึงกับต้องออกปากชม
“ไม่ได้เจอกันนาน หล่อขึ้นเยอะเลยนะตาเปรม”
“ขอบคุณครับ แต่คุณทนายเองก็ยังหนุ่มยังแน่นเหมือนเดิมเลยนะครับ สงสัยกาลเวลาคงทำอะไรทนายเกรียงศักดิ์ไม่ได้จริงๆ”
“พูดจาเข้าท่าดีนะ ได้ข่าวว่าเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศไม่ใช่หรอ”
“ลูกเปรมเพิ่งกลับจากอังกฤษเมื่อวันก่อนเองค่ะ ไปเรียนตั้งนาน อิฉันก็คิดว่าสาวแหม่มจะงาบลูกเปรมไปกินซะแล้ว”
“คุณแม่ก็ว่าไป” ปุณวิชญ์อมยิ้ม ส่ายหน้าไปมาเบาๆ
“เพอร์เฟ็คขนาดนี้ ไม่มีสาวๆเข้ามาจีบบ้างหรอ”
“ก็มีบ้างครับ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจใคร” เขาว่าพรางกวาดตามองหาสาวน้อยหน้าใสที่เช้านี้ยังไม่เห็นหน้าเธอเลย
“เอ่อ...ฉันว่าเราอ่านพินัยกรรมกันเถอะค่ะ ชักช้าเดี๋ยวคุณทนายจะเสียเวลา”
“ยังก่อน” โกศลที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับทนายพูดขึ้น
“จะรออะไรล่ะคะ คุณเองก็มีการมีงานไม่ใช่หรอ ลูกเปรมเองก็ต้องไปดูงานเหมือนกัน ถ้ามัวแต่นั่งมองหน้ากันอยู่แบบนี้ แล้วเมื่อไหร่จะได้เปิดพินัยกรรมสักที!”
“เพราะลูกชายอีกคนของผมยังไม่มาไง”
“มันไม่มาหรอกค่ะ คุณส่งจดหมายไปหามันกี่รอบแล้ว ก็ไม่เห็นว่ามันจะตอบกลับมา อย่าไปสนใจมันเลยค่ะ” หล่อนตวัดตามองสามีอย่างไม่พอใจ ก่อนจะหันไปคุยกับทนาย “อ่านเลยค่ะคุณเกรียงศักดิ์ ลูกชายอีกคนของคุณโกศลคงไม่มาหรอก”
“แต่ตามธรรมเนียม ผู้สืบทอดมรดกต้องอยู่ครบทุกคนก่อนนะครับ ถึงจะเปิดพินัยกรรมได้”
“แล้วถ้าไอ้หมอนั่นไม่มา แสดงว่าฉันคงต้องนั่งรอมันทั้งชาติเลยใช่ไหมคะ!” พิศมัยทำหน้าไม่พอใจ หันหน้าไปทางลูกชาย แต่ปุณวิชญ์คลี่ยิ้มพร้อมกับบอกให้แม่ใจเย็นๆ
“ใจเย็นๆก่อนนะครับคุณแม่ ถ้าพี่ปายไม่มา เราก็เปิดพินัยกรรมไม่ได้อยู่ดี”
“ไม่รู้แหละ แม่ไม่มีเวลามานั่งรอใครทั้งวันหรอก ถ้าอีกสิบนาทีมันยังไม่มา ฉันก็จะไม่รอมันแล้ว!”
“ไม่ได้หรอกคุณไหม ผมจะให้ทนายเปิดพินัยกรรมก็ต่อเมื่อ....ปายมาเท่านั้น”
“คุณจะไปรอมันทำไม ไอ้นั่นมันรวยแล้ว มันมีกิจการ มีธุรกิจมากมาย คงไม่เอามรดของคุณหรอก!”
“แต่ปายเขาก็เป็นลูกผมเหมือนกัน”
“แต่มันไม่ใช่ลูกฉัน!” หล่อนโมโหจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่ ความจริงมรดกทุกอย่างควรตกเป็นของปุณวิชญ์ตั้งนานแล้ว แต่ติดอยู่ที่ลูกชายอีกคนของเขาไม่มาสักที “ชาตินี้มันก็ไม่โผล่หน้ามาหรอกค่ะ เพราะไอ้หมอนั่นมันเกลียดคุณยิ่งกว่าอะไร!”
“แม่!!”
ปุณวิชญ์ถึงกับทนฟังต่อไม่ไหวทันทีที่เห็นสีหน้าสลดของบิดา เขารู้ว่าท่านคิดถึงลูกชายคนโตมาก คงไม่มีใครรู้สึกดีหรอกที่โดนลูกในไส้เกลียดจนชาตินี้ก็ไม่มีวันเผาผี
“รอผมอยู่หรอครับ”
แต่แล้วเสียงเข้มของใครบางคนก็ดังขึ้น โกศลที่กำลังนั่งทำหน้าเศร้าเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ ริมฝีปากสั่นระริก ค่อยๆหันหน้าไปทางต้นเสียง เขาส่งจดหมาย ส่งเอกสารสำคัญไปตั้งหลายรอบแต่ปริยภัทรก็ไม่เคยติดต่อกลับมา เขาดีใจจนน้ำตาคลอเบ้า คิดว่าชาตินี้จะไม่ได้เจอลูกชายคนโตเสียแล้ว
“ปาย...”
ปริยภัทรเดินเข้ามาพร้อมลูกน้องรูปร่างกำยำหลายสิบคน ร่างสูงซึ่งอยู่ในชุดสูทสีดำสร้างความฮือฮาให้กับเหล่าแม่บ้านที่แอบยืนกรี๊ดกับความหล่อของลูกชายเจ้าของคฤหาสน์ แว่นสีชาถูกดึงออกจากใบหน้าอันแสนหล่อเหลา ก่อนที่ร่างสูงจะโค้งศีรษะเพื่อเป็นการเคารพ
“สวัสดีครับ”
“นี่แกจะมาเอามรดก หรือจะมาฆ่ายกครัวกันแน่!!”
“แล้วคุณอยากได้แบบไหนล่ะครับ” เขาเลิกคิ้วถาม ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างไม่สบอารมณ์ ขายาวยกขึ้นไขว่ห้างอย่างไม่ค่อยสุภาพเท่าไหร่ ทำให้พิศมัยจิกตาใส่ด้วยความไม่พอใจ กับความไม่มีมารยาทของชายหนุ่ม
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับพี่ปาย” ปุณวิชญ์ส่งยิ้มอย่างอ่อนโยนให้พี่ชายต่างแม่ ปริยภัทรปรายตามองด้วยสีหน้าเย็นชา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา หนำซ้ำยังเมินทุกคนในบ้าน
“รีบอ่านเถอะครับ ผมมีเวลาไม่มาก เพราะที่นี่...อากาศไม่ค่อยดี”
“นี่แก!” พิศมัยกำหมัดแน่น มองชายหนุ่มรุ่นลูกราวจะกินเลือดกินเนื้อ
“อะ...เอ่อ...งั้นผมเปิดพินัยกรรมเลยนะครับ” ทนายเกรียงศักดิ์รีบนำเอกสารออกมาอย่างเร่งรีบ ดูท่าสมาชิกในบ้านคงไม่ค่อยปรองดองกันเท่าไหร่
หลังจากนั้นเขาก็ส่งเอกสารให้คนละชุดเพื่อเป็นการยืนยันว่าทั้งหมดเป็นของจริง ทันทีที่ได้อ่าน ดวงตาของพิศมัยถึงกับต้องเบิกกว้าง อ่านทบทวนอีกครั้งอย่างไม่เชื่อสายตา เพราะมรดกที่เป็นของสามี ถูกแบ่งให้ลูกชายทั้งสองอย่างเท่าๆกัน!
“นะ....นี่มันอะไรกัน! คุณทำแบบนี้ได้ยังไง!!”
“มีข้อผิดพลาดอะไรตรงไหนหรอคุณไหม”
“ยังจะถามอีก ทำไมคุณต้องยกมรดกให้มันมากมายขนาดนี้ มันควรจะเป็นของลูกเปรมแค่คนเดียวไม่ใช่หรอ!!”
“ผมมีลูกสองคน ยังไงก็ต้องให้เท่ากันอยู่แล้ว ผมไม่ได้ลำเอียง” น้ำเสียงของโกศลเหมือนไม่รู้ร้อนรู้หนาว เอาแต่มองลูกชายคนโตที่กำลังนั่งอ่านเอกสารอยู่ฝั่งตรงข้าม
“แล้วที่คุณยกหุ้นบริษัทให้มันตั้งครึ่งหนึ่ง คิดหรอว่ามันจะทำงานร่วมกับตาเปรมได้ จะแอบขายหุ้นหรือเปล่าก็ไม่รู้ ฉันไม่ยอมเด็ดขาด บริษัทต้องเป็นของลูกเปรมคนเดียวเท่านั้น!” หล่อนปาเอกสารใส่หน้าสามีอย่างเหลืออดเหลือทน โกศลถอนหายใจ ข่มอารมณ์เอาไว้แล้วเก็บเอกสารส่งคืนทนาย
“เคารพการตัดสินใจของผมด้วย เพราะปาย...ก็คือลูกชายของผมเหมือนกัน” โกศลปรายตามองไปยังปริยภัทร เห็นเขากระตุกยิ้มมุมปากพร้อมหัวเราะเบาๆ เหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูด
“ไม่! บริษัทต้องเป็นของลูกเปรมคนเดียวเท่านั้น คนอื่นไม่มีสิทธิ์!!”
“จบแล้วใช่ไหมครับ” ปริยภัทรโยนเอกสารลงบนโต๊ะ เกือบโดนหน้าพิศมัย ทำให้หล่อนถึงกับปรี๊ดแตกให้กับความก้าวร้าวของอีกฝ่าย
“ยังไม่จบ เพราะแกไม่ควรมีสิทธ์อะไรในบริษัท!”
“คิดว่าผมอยากได้หรอ” ปริยภัทรยักไหล่อย่างไม่หยี่ระพร้อมหยัดกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูง สองมือลวงถุงกางเกง “ผมไม่ใช่หมาที่ชอบแย่งเศษเนื้อใคร”
“จองหอง!”
“วันนี้เสียเวลามากแล้ว เชิญพวกคุณตามสบายเลย ส่วนมรดกอะไรนั่นที่เป็นชื่อผม เอาไปบริจาควัดได้เลย เพราะผมไม่ต้องการมรดกของคุณโกศลแม้แต่บาทเดียว”
ในจังหวะที่ปริยภัทรกำลังหมุนตัวเดินออกไป เป็นจังหวะเดียวกับที่ใครบางคนเดินเข้ามาพร้อมถาดอาหารพอดี คิ้วคมกระตุกเมื่อเห็นใบหน้าของเธออย่างชัดเจน
เด็กคนนี้มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!
“คุณผู้หญิงคะ ปิ่นเอาขนมมาเสิร์ฟค่ะ”
“ปิ่นหรอ...”