บทที่ 8 เดินทางเข้าวังหลวง
หนึ่งวันหลังจากที่จูลี่จินได้รับจดหมายจากจูจิ้งซู นางก็ไม่รอช้ารีบเดินทางมาพบน้องสาวด้วยความร้อนใจ โดยไม่ลืมพาเจ้าก้อนแป้งทั้งสองคนติดตามมาด้วยตามคำสั่ง ถึงแม้ว่าจะไม่เข้าใจนัก แต่จูจิ้งซูได้ให้เหตุผลว่านางคิดถึงหลานทั้งสองคนจึงอยากพบหน้า
ทว่าในยามที่มาถึงนางกลับออกมาทักทายเจ้าก้อนกลมทั้งสองคนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จากนั้นก็ขอพูดคุยกับจูลี่จินเป็นการส่วนตัว ทั้งซ่งอี้หนานและซ่งลี่หนิงจึงถูกพาตัวไปที่ห้องโถงนั่งเล่นเพื่อทานขนมจิบชารอจูลี่จินแทน
บนโต๊ะไม้มีขนมวางให้เลือกสรรได้ตามใจชอบอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นถังหูลู่ อิ่วจาก้วยหรือขนมกุ้ยฮวา ซ่งลี่หนิงเห็นเช่นนั้นก็ทำตาโตรีบดึงจานใส่ขนมกุ้ยฮวามาไว้กับตัวอย่างหวงแหน
"ข้าจะกินขนมกุ้ยฮวาคนเดียว"
"ได้อย่างไร เป็นพี่น้องกันก็ต้องแบ่งกันสิ" ซ่งอี้หนานรีบแย้งขึ้นอย่างไม่เห็นด้วย
"ไม่เอา! ข้าจะกินคนเดียว" เจ้าตัวเล็กกล่าวอย่างดื้อดึง ยามนี้คนเป็นแม่ไม่ได้อยู่ด้วย นางจึงไม่ต้องเกรงใจผู้ใดทั้งนั้น
"หนิงหนิง จำที่ท่านแม่สอนไม่ได้หรือ ท่านแม่บอกว่าเรามีกันเพียงแค่สองคนพี่น้องต้องรู้จักแบ่งปันช่วยเหลือกัน" ซ่งอี้หนานพยายามกล่าวอย่างใจเย็น เขาไม่อยากเห็นคนเป็นแม่ทุกข์ใจเพราะเขาและซ่งลี่หนิงทะเลาะกันอีกแล้ว
ซ่งลี่หนิงได้ยินเช่นนั้นก็เบ้ปากเข้าหากันพลางจ้องหน้าพี่ชายอย่างเอาเรื่อง
"หากข้าไม่แบ่ง ท่านพี่จะไปฟ้องท่านพ่อใช่หรือไม่" นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด เหตุเพราะไม่ว่าจะเป็นเรื่องใด ซ่งอี้หนานก็มักจะไปฟ้องผู้เป็นพ่อทำให้นางโดนตำหนิอยู่เสมอ
ทว่าหนนี้ซ่งอี้หนานกลับส่ายศีรษะไปมา
"หาเป็นเช่นนั้นไม่ ต่อจากนี้ไปข้าจะไม่ฟ้องท่านพ่ออีกต่อไปแล้ว"
"เพราะเหตุใดเจ้าคะ" ซ่งลี่หนิงเอียงคอถามด้วยความสงสัย
ดวงตาคู่คมถอดแบบผู้เป็นพ่อมาหลุบต่ำลง เม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น ข่มกลั้นความเสียใจเอาไว้ภายในใจ เขาจะอ่อนแอต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ด้วยคิดว่าหากสักวันหนึ่งท่านพ่อทอดทิ้งท่านแม่ เขาก็ต้องเป็นคนเข้มแข็งเพื่ออยู่เคียงข้างท่านแม่ในยามที่นางไม่เหลือใคร
"เพราะท่านพ่อกับท่านแม่กำลังจะหย่ากันน่ะสิ" ซ่งอี้หนานเอ่ยเสียงเบา แต่มันก็ดังพอที่จะทำให้ซ่งลี่หนิงได้ยิน
"หย่ากัน?" นางครุ่นคิดด้วยความสงสัย ด้วยอายุยังเด็กนักจึงยังไม่เข้าใจถึงความหมายของคำนั้น
"หย่ากันหมายความว่าท่านพ่อกับท่านแม่จะไม่อยู่ด้วยกันแล้วน่ะสิ" ซ่งอี้หนานขยายความให้น้องสาวเข้าใจ
ซ่งลี่หนิงตะลึงงัน ก่อนที่ปากบางจะเบ้เข้าหากันพร้อมด้วยหยดน้ำตาเม็ดกลมกลิ้งไหลออกมาจากดวงตา ที่ผ่านมานางรู้ว่าท่านพ่อไม่ได้รักท่านแม่ เหตุเพราะท่านพ่อชอบดุท่านแม่อยู่เสมอทำให้ท่านแม่ร้องไห้อยู่บ่อยๆ แต่ไม่เคยนึกเลยว่าวันหนึ่งท่านพ่อกับท่านแม่จะไม่อยู่ด้วยกันแล้ว
"ไม่จริง! ข้าไม่ยอม ข้าไม่ยอมเด็ดขาด กรี๊ดดด ฮือ!" คนตัวเล็กกรีดร้องโวยวาย หยิบจานใส่ขนมขึ้นมาเขวี้ยงลงพื้นจนแตกกระจายดังเพล้ง นางกำนัลรับใช้ที่นั่งอยู่ที่มุมห้องต่างพากันมองด้วยความตกใจ หากแต่เพียงแค่กำลังจะลุกขึ้นเดินเข้ามาหา ซ่งลี่หนิงก็วิ่งออกไปจากตำหนักเหลียนซือเสียแล้ว
"หนิงหนิง!" ซ่งอี้หนานรีบลุกขึ้นวิ่งตามออกไปพร้อมด้วยนางกำนัลรับใช้ แต่เมื่อวิ่งมาถึงประตูทางออกก็หานางไม่เจอเสียแล้ว!
ขณะที่สถานการณ์ภายในตำหนักก็เคร่งเครียดไม่แพ้ภายนอก จูจิ้งซูส่งสายตามองคนเป็นพี่ด้วยความไม่พอใจที่จูลี่จินปฏิเสธการยกซ่งลี่หนิงให้เป็นธิดาบุญธรรมของนาง
"เหตุใดพี่สาวถึงทำกับข้าเช่นนี้ ไม่เห็นข้าเป็นน้องหรืออย่างไร อย่าลืมสิที่ท่านได้แต่งงานกับซ่งเหวยหนานและมีทุกวันนี้นั้นเป็นเพราะใคร"
จูลี่จินระบายลมหายใจยาวเหยียด หากเป็นเมื่อก่อนคงไม่รู้สึกรู้สากับถ้อยคำที่จูจิ้งซูกล่าวออกมาเท่าใดนัก แต่ทว่าในยามนี้ได้แต่กล่าวโทษตนเองอยู่เสมอ หากนางไม่ยอม เรื่องวันนั้นก็คงไม่เกิดขึ้น ซ่งเหวยหนานก็คงไม่ต้องถูกบังคับขืนใจให้ต้องแต่งงานกับนาง ส่วนนางก็ไม่ต้องทนอยู่ร่วมชายคากับคนที่เขาเกลียดนาง เป็นเพราะความรักที่ทำให้นางตาบอด ยินยอมทำทุกอย่างเพียงเพื่อหวังว่าจะได้ครอบครองเขา แต่หารู้ไม่ว่าทำเช่นนั้นแล้วจะยิ่งทำให้เขาเกลียดนางยิ่งกว่าเดิม
หากย้อนเวลากลับไปได้ นางจะไม่ทำเช่นนั้นเลย จะยอมแอบรักเขาอยู่เพียงแค่ในใจก็พอ สิ่งเดียวในชีวิตที่นางยินดีต่อการได้แต่งงานกับเขานั่นคือการให้กำเนิดเจ้าก้อนแป้งทั้งสองคนเท่านั้น
"ข้ารู้ หากแต่ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าข้าคิดผิด ข้าไม่น่าเชื่อถ้อยคำของท่านแม่ ไม่น่ายอมให้เจ้าจัดการใส่ยาปลุกกำหนัดในสุราให้ท่านพี่" จูลี่จินตอบเสียงแข็ง ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่นด้วยความอึดอัดใจ ยามที่อยู่ด้วยกันเพียงลำพัง จูจิ้งซูเคยบอกให้พูดคุยกันตามปกติเหมือนอย่างเคย นางจึงไม่ต้องใช้คำราชาศัพท์กับน้องสาวที่ตอนนี้มีฐานะอยู่ในตำแหน่งกุ้ยเฟยของหมาวซ่าวกวงฮ่องเต้
"เหตุใดพี่สาวถึงเอ่ยเช่นนั้น" จูจิ้งซูถามด้วยความไม่เข้าใจ ในตอนที่แผนการสำเร็จได้รู้ว่าซ่งเหวยหนานยินยอมแต่งงานด้วย ยามนั้นจูลี่จินดีใจมากจนแทบลมจับ แต่เหตุใดตอนนี้ถึงได้กล่าวด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยเช่นนี้เล่า
ดวงตาคู่สวยมองเข้าไปในดวงตาของน้องสาว อดคิดไม่ได้ว่าที่ชีวิตของพวกนางต้องกลายมาเป็นเช่นนี้ จมอยู่กับความชิงชังอยากเอาชนะ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะหานตานถิงมารดาเลี้ยงที่พวกนางรักและเคารพดั่งมารดาแท้ๆ ต้องขอบคุณนิยายเรื่องนั้นที่ทำให้นางรู้ว่าแท้จริงแล้วมารดาเลี้ยงที่แสนใจดี แท้จริงแล้วเป็นเพียงแค่เปลือกนอก หานตานถิงใส่หน้ากากคนดีหลอกให้พวกนางตายใจเพราะต้องการทำลายชีวิตของพวกนางสองพี่น้อง
ส่วนสาเหตุที่หานตานถิงชิงชังพวกนางน่ะหรือ นั่นก็เป็นเพราะเดิมทีนางกับถานเซียวอี้มารดาที่แท้จริงของจูลี่จินและจูจิ้งซูเคยเป็นสหายรักกันมาก่อน ถานเซียวอี้มีคนรักนั่นคือจูป่ายซวี่บิดาของพวกนาง พวกเขาทั้งสองคนรักใคร่กันมากจนตกลงปลงใจแต่งงานใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน โดยที่ไม่เคยรู้เลยว่าหานตานถิงเองก็แอบรักจูป่ายซวี่มานานแล้วเช่นกัน
หลังจากที่สหายสนิทแต่งงานไปกับบุรุษที่นางรัก นางก็จำใจแต่งงานไปกับบุรุษวัยห้าสิบปลายที่บิดามารดาหาให้ เหตุเพราะสกุลของนางหาได้ร่ำรวย บิดาเป็นเพียงขุนนางปลายแถวจึงอยากยกระดับฐานะโดยการให้บุตรสาวแต่งงานกับบุรุษสกุลเฉินที่มีศักดิ์เป็นขุนนางขั้น 4 แต่งงานได้ไม่นาน นางก็ได้ตั้งครรภ์บุตรชายขึ้นมาคนหนึ่งชื่อว่าเฉินจือหรง
คลอดบุตรชายมาได้ไม่นานก็ได้ข่าวว่าถานเซียวอี้ตั้งครรภ์บุตรสาว หลังจากที่สหายรักคลอดบุตรสาวคนแรกหรือจูลี่จิน สามีของนางก็ล้มป่วย ถัดจากนั้นไปอีกปีกว่าสามีของนางก็จากไป หานตานถิงไม่ได้รู้สึกเศร้าเสียใจเลยแม้แต่น้อย เหตุเพราะไม่ได้รักใคร่เขามาก่อน โชคดีตกเป็นของนาง เพราะสามีไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน หลังจากที่เขาจากไป ทรัพย์สมบัติทั้งหมดก็ตกเป็นของนาง ทว่าหลังจากจัดงานศพของสามีได้ไม่นาน ข่าวดีก็มาเยือนอีกครั้ง เหตุเพราะถานเซียวอี้ได้จากไปเพราะครรภ์เป็นพิษในตอนที่ตั้งครรภ์จูจิ้งซู เดิมทีหมอผู้ดูแลเคยถามว่าจะเลือกแม่หรือลูก แต่นางได้ขอให้จูป่ายซวี่เก็บลูกเอาไว้ จูป่ายซวี่รับคำด้วยความปวดใจ หลังจากที่นางให้กำเนิดจูจิ้งซู นางก็ได้จากไปสร้างความเศร้าโศกเสียใจให้คนสกุลจูอย่างมาก
จูจิ้งซูในวัยแรกเกิดต้องสูญเสียมารดากะทันหัน ไม่แม้กระทั่งเคยได้อยู่ในวงแขนของนาง หานตานถิงเห็นเช่นนั้นจึงเข้ามาช่วยดูแล ช่วยปลอบประโลมหัวใจอันบอบช้ำของจูป่ายซวี่ ในที่สุดความพยายามของนางก็เป็นผล จูป่ายซวี่ยอมรับน้ำใจของนาง ตกแต่งนางเป็นภรรยาหลังจากที่ถานเซียวอี้จากไปได้ราวสองปี
หากใครจะไปรู้ว่าความโกรธชิงชังของหานตานถิงไม่ได้ตายจากไปพร้อมถานเซียวอี้ และความชิงชังที่มียังทวีคูณมากกว่าเดิม เพราะนางแค้นใจที่นางไม่ตั้งครรภ์บุตรของจูป่ายซวี่เสียที ความโกรธมารดาของเด็กน้อยทั้งสองคนได้เปลี่ยนจากแม่มาสู่ลูก หานตานถิงตั้งใจเลี้ยงดูเจ้าก้อนแป้งทั้งสองคนเป็นอย่างดี แต่การเลี้ยงของนางคือการเลี้ยงแบบตามใจจนจูลี่จินและจูจิ้งซูเสียนิสัยกลายเป็นคนก้าวร้าว อยากได้อะไรก็ต้องได้ ห้ามผู้ใดขัดใจ และแพ้ไม่เป็น
หานตานถิงรู้สึกสะใจอย่างมากที่เลี้ยงเด็กน้อยน่ารักให้โตขึ้นมาเป็นคนร้ายกาจ เพราะหวังจะทำลายชีวิตของบุตรสาวของอดีตสหายรักให้ย่อยยับไม่เหลือชิ้นดี นางทำลายจูลี่จินสำเร็จไปคนหนึ่งแล้ว นางต้องอยู่ในฐานะฮูหยินสกุลซ่งที่สามีไม่รัก ชีวิตหลังแต่งงานล้มเหลวไม่เป็นท่า ต้องจมอยู่กับความทุกข์ทรมานไปจนตาย!
เหลือเพียงแค่จูจิ้งซูเท่านั้น นางตั้งใจยุยงให้จูจิ้งซูกำจัดถังซือซือฮองเฮา เหตุเพราะนางรู้ว่าจูจิ้งซูไม่มีวันทำสำเร็จได้อย่างแน่นอน แต่ถ้าหากหมาวซ่าวกวงฮ่องเต้จับได้ว่าจูจิ้งซูอยู่เบื้องหลังแผนการร้ายในการกำจัดฮองเฮา ชีวิตของจูจิ้งซูก็จะจบลงในคราวนี้แหละ
มือบางกำแน่นเข้าหากัน หลังจากที่ได้รู้ความจริงก็รู้สึกเสียใจไม่น้อย ไม่นึกเลยว่าคนที่ตนเคารพรักจะคิดร้ายต่อนางและน้องสาวถึงเพียงนี้ จากความเสียใจที่มีก็แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธเคือง หนำซ้ำหานตานถิงยังเอ่ยยุยงให้จูจิ้งซูรับบุตรของนางไปเลี้ยง เพื่อหวังใช้เจ้าก้อนแป้งเป็นเครื่องมือในการทำลายถังฮองเฮาอีกต่างหาก นางจะไม่มีวันยอมให้หานตานถิงทำสำเร็จอย่างเด็ดขาด!
จูลี่จินคิดอย่างหมายมาดในใจ