บทที่ 9 ซ่งลี่หนิงหายตัวไป
"พี่สาวท่านเป็นอะไรไป ไยถึงได้เหม่อลอยเช่นนี้เล่า"
เสียงหวานของน้องสาวทำให้คนเป็นพี่ได้สติ นางหันมาสบตากับจูจิ้งซูนิ่ง กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"ซูเอ๋อร์ฟังพี่ให้ดี ต่อจากนี้ไปไม่ว่าท่านแม่จะพูดอะไร เจ้าอย่าเชื่อนางเป็นอันขาด มีเรื่องอะไรให้บอกพี่ ห้ามปิดบังหรือโกหกเข้าใจหรือไม่"
"ทำไมล่ะเจ้าคะ ข้าไม่เข้าใจ" หัวคิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเป็นปมแน่นกว่าเดิม ที่ผ่านมาพวกนางรักและเชื่อฟังท่านแม่หานตานถิงมาโดยตลอด แต่เหตุใดตอนนี้จูลี่จินถึงบอกให้นางกลายเป็นปรปักษ์กับท่านแม่หานตานถิงเล่า
"สักวันหนึ่งเจ้าจะเข้าใจ จำคำพี่ไว้ว่าไม่มีผู้ใดรักและหวังดีต่อเราได้เท่าคนในครอบครัวอีกแล้ว อย่าลืมสิว่าแท้จริงแล้วท่านแม่หานตานถิงก็คือคนอื่น เจ้าจะเชื่อพี่ที่เป็นพี่แท้ๆ ของเจ้า หรือจะเชื่อคนอื่น"
สีหน้าของจูจิ้งซูเต็มไปด้วยความลังเล ไม่แน่ใจ อยากถามคนเป็นพี่ให้เข้าใจมากกว่านี้แต่ก็มีเสียงของนางกำนัลหน้าห้องดังขัดขึ้นมาเสียก่อน
"กุ้ยเฟยเพคะ แย่แล้วเพคะ ตอนนี้คุณหนูซ่งลี่หนิงหายตัวไปเพคะ"
ทั้งจูลี่จินและจูจิ้งซูหันหน้ามาสบตากันอย่างไม่ได้นัดหมาย ดวงใจของคนเป็นแม่เต้นรัวเร็วราวจะหลุดออกมานอกอกด้วยความเป็นห่วงบุตรสาวสุดหัวใจ
"หนิงหนิง!" จูลี่จินขานเรียกชื่อบุตรสาวขึ้นมาเบาๆ และรีบเปิดประตูวิ่งออกไปจากห้อง ตรงหน้าประตูตำหนัก นางเห็นบุตรชายคนโตยืนหน้าซีดอยู่
"หนานหนานเกิดอะไรขึ้น น้องสาวของเจ้าหายไปไหนกัน"
"ท่านแม่ ข้าขอโทษขอรับ" ซ่งอี้หนานกล่าวเสียงสั่น ท่าทางของเขายิ่งทำให้จูลี่จินใจเสียมากกว่าเดิม
"อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้เลย รีบออกตามหาหนิงหนิงกันก่อนเถิด" จูจิ้งซูเอ่ยขัดขึ้น จากนั้นนางก็หันไปสั่งทหารและนางกำนัลประจำตำหนักให้ออกตามหาหลานสาวตัวน้อยที่หายไป
ในขณะที่คนที่กำลังถูกตามหา ยามนี้เดินเตร็ดเตร่ลัดเลาะไปตามทางในสวนอุทยานที่มีบุปผชาติงามเรียงรายกันอยู่เต็มสองข้างทาง ซ่งลี่หนิงยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกจากใบหน้า หลังจากปล่อยโฮร้องไห้ได้สักพักใหญ่
หากท่านพ่อกับท่านแม่ไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้วนางจะทำเช่นไรดี นางจะต้องได้อยู่กับท่านพ่อหรือท่านแม่ หากนางได้อยู่กับท่านพ่อ นางคงจะคิดถึงท่านแม่สุดหัวใจ แต่หากนางได้อยู่กับท่านแม่แล้วนางจะได้เจอท่านพ่ออีกหรือไม่
เหตุใดพวกผู้ใหญ่ถึงเข้าใจยาก แค่รักกันอยู่ด้วยกันดีๆ ไม่ทะเลาะกันมันยากนักหรืออย่างไร ซ่งลี่หนิงเปล่งเสียงสะอื้นขึ้นมาดังๆ หนึ่งหน ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด นางจึงออกตัววิ่งไปข้างหน้าเพื่อระบายความโมโห
แต่แล้ว...
ตุ้บ!
"โอ๊ย!" ร่างเล็กหงายหลังก้นจ้ำเบ้าล้มลงไปกองอยู่บนพื้น หากโชคดีที่พื้นมีหญ้าปกคลุมจึงทำให้ไม่ได้รู้สึกเจ็บเท่าใดนัก
"เป็นอะไรหรือไม่" เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นอยู่เบื้องหน้า ร่างสูงของเด็กชายคนหนึ่งแว่วเข้ามาใกล้ ในขณะที่นางล้มลงไปกองอยู่บนพื้น ร่างกำยำของเขาหาได้สะดุ้งสะเทือนแม้แต่อย่างใด
"ฝ่าบาท กระหม่อมจะไล่นางไป..." องครักษ์หนุ่มเอ่ยขึ้น พลางทำท่าจะขยับกายเดินเข้ามาหาเด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้ม
"ไม่ต้อง" มือหนายกขึ้นเป็นเชิงห้ามปราม ก่อนจะเป็นฝ่ายขยับเข้ามาหา ยื่นส่งมือให้คนตัวเล็ก
ซ่งลี่หนิงกะพริบตาปริบๆ มองเด็กหนุ่มตรงหน้าพลางเอียงคออย่างสงสัย เขาเป็นผู้ใดกัน เหตุใดถึงหน้าตาหล่อเหลาถึงเพียงนี้เล่า
"เด็กน้อย ลุกขึ้นมาสิ"
"เจ้าค่ะ" นางตอบรับอย่างว่าง่าย พลางยื่นมือไปจับเขาเอาไว้ เมื่อลุกขึ้นยืนได้ก็เขินอายจนบิดกายม้วนตัวไปมาพลางส่งรอยยิ้มหวานกลับคืนไปให้
หมาวอี้เข่ยเปล่งเสียงหัวเราะเบาๆในลำคอด้วยความขบขัน มองเด็กน้อยตรงหน้าด้วยความเอ็นดู
"พี่ชายท่านชื่ออะไรหรือ" ซ่งลี่หนิงถามด้วยความสนใจ เกิดมานางยังไม่เห็นเคยบุรุษผู้ใดหน้าตาหล่อเหลาเช่นเขามาก่อน อ้อ... ยกเว้นแค่ท่านพ่อซ่งเหวยหนานของนางคนหนึ่งก็แล้วกัน
"ข้าชื่อหมาวอี้ข่าย แล้วเจ้าเล่าชื่ออะไร"
"ข้าชื่อซ่งลี่หนิงเจ้าค่ะ"
เมื่อได้ยินคำตอบ ดวงตาคู่คมก็ทอประกายวาววับ ที่แท้แล้วนางคือบุตรสาวของท่านอาจารย์ซ่งเหวยหนานของเขาเองหรอกหรือ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะรู้จักนางเพียงแค่ฝ่ายเดียว เด็กสาวตรงหน้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใคร
"เด็กน้อย เจ้าเป็นอะไรไปเหตุใดถึงร้องไห้"
คำถามของเขาทำให้คนตัวเล็กชะงักไปเล็กน้อย นางรีบยกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดใบหน้าเปื้อนน้ำตาไปมา หารู้ไม่ว่าการที่ทำเช่นนั้นยิ่งทำให้หน้าของนางเปรอะเปื้อนมอมแมม
หมาวอี้เข่ยเห็นเช่นนั้นก็พลันส่ายศีรษะไปมา ก่อนจะเดินเข้ามาใช้นิ้วเกลี่ยเช็ดน้ำตาให้นางอย่างอ่อนโยน ซ่งลี่หนิงหลบตาด้วยความขวยเขิน แต่เมื่อได้ยินเขาเรียกนางว่าเด็กน้อยอีกหนก็รีบเอ่ยแย้งทันที
"ข้าไม่เด็กแล้วนะเจ้าคะ"
"จริงหรือ เช่นนั้นเจ้าอายุเท่าไหร่"
"สี่หนาวเจ้าค่ะ"
"แต่ข้าอายุสิบหนาวแล้ว"
ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ พลางยกนิ้วขึ้นมานับเลข
"ห้า หก เจ็ด แปด เก้า สิบ พี่ชายแก่กว่าข้าตั้งหกปีเชียวหรือ" นางเอ่ยขึ้นด้วยความเสียดาย ดูเหมือนว่าเขาจะแก่กว่านางไปหลายปีทีเดียว เส้นทางรักของนางกับเขาคงจบสิ้นลงคราวนี้แหละ
ไม่สิ... แก่กว่าแล้วอย่างไรล่ะ ใครสนกัน!
"มีอะไรหรือเข่ยเอ๋อร์" สุรเสียงหวานใสดั่งเสียงระฆังแก้วดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของวรกายบางระหงส์ที่เดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ข้างโอรส สายพระเนตรทอดมองไปยังร่างเล็กกลมป้อมของซ่งลี่หนิงด้วยความสงสัย
"เสด็จแม่"
"นางเป็นใครหรือ" ถังซือซือฮองเฮาตรัสถามด้วยความสนใจ มองเด็กน้อยที่ส่งสายตาจับจ้องมายังนางอย่างไม่เกรงกลัว
"นางคือบุตรสาวของท่านอาจารย์ซ่งพ่ะย่ะค่ะ แต่ลูกก็ไม่แน่ใจว่าเหตุใดนางถึงมาอยู่ตรงนี้คนเดียว"
ถังซือซือขานรับดังอ้อเบาๆ ว่าแล้วเชียวเหตุใดนางถึงได้คลับคล้ายคลับคลาใบหน้าของเด็กน้อยคนนี้แปลกๆ ที่แท้ก็เป็นบุตรสาวของซ่งเหวยหนานสหายของนางนั่นเอง
"เด็กน้อย เจ้ามาทำอะไรตรงนี้ ท่านพ่อท่านแม่ของเจ้าไปไหนเสียแล้ว" ร่างบางย่อกายลงต่ำ ตรัสถามเจ้าก้อนกลมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"แล้วท่านป้าเป็นใครกันหรือเจ้าคะ" ซ่งลี่หนิงไม่ตอบคำถาม แต่กลับเป็นฝ่ายยิงคำถามใส่แทน
"นางคือเสด็จแม่ของข้า" วาจานี้หมาวอี้เข่ยเป็นคนตอบ
ดวงตากลมโตสุกใสดั่งดวงดาราลุกวาวขึ้น พร้อมส่งยิ้มแป้นให้คนตรงหน้า
"ท่านป้าเป็นท่านแม่ของพี่ชายหรือเจ้าคะ" นางถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เมื่อเห็นสตรีหงส์ตรงหน้าผงกศีรษะรับจึงรีบเอ่ยต่อ
"ท่านป้าช่วยยกพี่ชายคนนี้ให้ข้าได้หรือไม่"
"หืม?" ถังซือซือฮองเฮาส่งเสียงในลำคอเบาๆพลางมองนิ้วเล็กกลมป้อมที่ชี้ไปยังร่างสูงของหมาวอี้เข่ย
"พี่ชายคนนี้หล่อมาก ถูกใจข้ายิ่งนัก ข้าชอบเขาเจ้าค่ะ" ซ่งลี่หนิงกล่าววาจาหนักแน่น และนั่นก็ทำให้คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นหลุดหัวเราะออกมาเบาๆด้วยความขบขัน ไม่เว้นแม้แต่บรรดานางกำนัลผู้ติดตามของฮองเฮา
ถังซือซือฮองเฮามองเด็กน้อยตรงหน้าด้วยความชอบใจ เด็กคนนี้ไม่ธรรมดาเสียจริงโดยเฉพาะแววตาและถ้อยวาจาที่ไม่หวั่นเกรงผู้ใด เด็กคนนี้คงได้นิสัยมารดาของนางมาสินะ
ทว่ายามที่นึกมาถึงมารดาของเด็กน้อยก็อดทำให้นางรู้สึกหวั่นใจไม่ได้ อีกทั้งยังรู้สึกสงสารเด็กคนนี้เป็นอย่างมาก เพราะถ้าหากเด็กคนนี้ถูกเลี้ยงดูโดยคนเป็นแม่คงจะได้นิสัยร้ายกาจติดตัวมาไม่น้อยเลยทีเดียว
แต่ถ้าหากแก้ไขตอนนี้ก็คงจะยังทัน ตามสุภาษิตที่บอกว่าไม้อ่อนดัดง่ายไม้แข็งดัดยาก
"หนิงหนิง เจ้าไปนั่งกินขนมที่ศาลาริมสวนกับข้าดีหรือไม่"
ซ่งลี่หนิงได้ยินเช่นนั้นก็รีบส่ายศีรษะไปมาเป็นเชิงปฏิเสธ
"ท่านพ่อบอกว่าห้ามไว้ใจคนแปลกหน้า"
"ข้าหาใช่คนแปลกหน้า เพราะข้าเป็นสหายของท่านพ่อของเจ้า อีกทั้งพี่ชายหมาวอี้เข่ยก็ไปด้วยนะ"
"ไปด้วยกันเถิด พี่ชายคนนี้จะปกป้องดูแลเจ้าเอง" หมาวอี้เข่ยขยับเข้ามาหา กล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เพียงแค่เห็นรอยยิ้มเป็นมิตรที่เขาส่งมาให้ก็ทำให้ซ่งลี่หนิงตัดสินใจได้ไม่ยาก
"ก็ได้เจ้าค่ะ" ซ่งลี่หนิงรับคำอย่างว่าง่าย ปล่อยให้หมาวอี้เข่ยจับจูงมือของนางเดินตามถังซือซือฮองเฮาเข้าไปในศาลาริมสวน