เป็นมารดาของตัวร้ายใช่ว่าจะต้องร้าย

92.0K · จบแล้ว
หย่งเอ๋อร์
37
บท
9.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

หลังนิมิตบอกเหตุ นางได้รู้ว่าแท้จริงแล้วเป็นเพียงตัวละครในนิยายเรื่องหนึ่ง แถมเจ้าก้อนแป้งทั้งสองคนอนาคตจะกลายเป็นตัวร้ายที่มีจุดจบไม่งดงาม ในฐานะมารดานางจะขอเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของพวกเขาเอง!

นิยายจีนโบราณฮ่องเต้ท่านอ๋องนางเอกเก่งแต่งงานสายฟ้าแลบเกิดใหม่แต่งงานก่อนรักจีนโบราณมีลูกโรแมนติก

บทที่ 1 ฝันบอกเหตุ

แสงอาทิตย์ในยามกลางวันสาดส่องลงมาจากฟากฟ้า เนื่องด้วยอยู่ในกลางฤดูสารท ความร้อนเสียดลึกแทงเข้ามาในผิวกายจนรู้สึกแสบร้อนยากเกินจะทานทน

บนท้องถนนคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่ยืนขนาบเต็มทางทั้งสองฝั่ง เสียงซุบซิบนินทาแว่วมาให้ได้ยินอย่างไม่ขาดสาย บรรดาชาวเมืองต่างพากันส่งสายตามองมายังขบวนแห่นักโทษ ภายในกรงขังเล็กแคบมีร่างของสตรีผู้หนึ่งนั่งคุดคู้อยู่ ดวงหน้างามดุจหยกเต็มไปด้วยรอยคราบเหงื่อไคล ผมยาวสลวยสีดำขลับกลับกลายเป็นยุ่งเหยิงกระเซอะกระเซิงไม่เป็นทรง บนร่างบอบบางสวมชุดสีขาวหม่นซึ่งเป็นชุดที่ออกแบบมาให้สำหรับนักโทษเท่านั้น

ถัดมาทางข้างหลัง มีกรงขังลักษณะเดียวกันกับขบวนข้างหน้า แตกต่างแค่ตรงที่ภายในมีร่างกำยำของบุรุษนั่งอยู่ เขาสวมชุดสีขาวเยี่ยงนักโทษเช่นกัน ใบหน้ามอมแมมดำคล้ำไม่เห็นถึงความหล่อเหลาอีกต่อไป

"ข้าได้ยินมาว่าชายหญิงสองคนนั้นคบชู้กันจึงโดนขังเดินประจานทั่วเมือง" ชาวบ้านหญิงคนหนึ่งเอ่ยกับสหายของตน

"สตรีผู้นั้นนางเป็นถึงฮูหยินของสกุลซ่งมิใช่หรือ" อีกคนถามด้วยความสนใจ

"ถูกต้องแล้ว ไท่จื่อไท่ฝูก็ออกจะหล่อเหลาปานเทพเซียน นางไม่น่าใฝ่ต่ำเอาบ่าวเลี้ยงม้ามาเป็นชู้เลย เป็นข้าๆไม่กล้าหรอก" บุคคลที่สามเดินเข้ามาร่วมวงสนทนาพลางส่งเสียงหัวเราะคิกคักกันด้วยความสนุกสนาน

ตุ้บ!

หินก้อนใหญ่ลอยละลิ่วมาปะทะที่ศีรษะ จูลี่จิน ย่นหัวคิ้วเข้าหากันด้วยความเจ็บ ใช้มืออันสั่นเทาของตนยกขึ้นจับบนศีรษะ หลังจากที่รับรู้ได้ถึงของเหลวหนืดข้นที่กำลังทะลักทะลายออกมา ทันทีที่เห็นว่ามันคือโลหิตสีแดงฉานก็อ้าปากค้างด้วยความตกใจ

"ฮึก ฮือ" นางเปล่งเสียงร้องไห้ออกมาด้วยความหวาดกลัวระคนเจ็บปวด แต่ไม่เพียงแค่นั้น ก้อนหินก้อนเล็กใหญ่ รวมถึงผักผลไม้ต่างๆที่ชาวเมืองต่างพากันหยิบฉวยได้ ต่างลอยละลิ่วมาใส่ร่างบาง จูลี่จินเปล่งเสียงร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด แต่หาได้มีผู้ใดเห็นใจไม่

ตุ้บ! ตุ้บ! ตุ้บ!

เสียงของแข็งปะทะร่างดังมาไม่ขาดสาย จูลี่จินกัดฟันหันหลังไปมองก็พบเพียงร่างไร้วิญญาณของชายชู้ในสภาพเลือดอาบไปทั่วตัว จูลี่จินไม่เข้าใจตนเองนักว่าเหตุใดนางถึงกล้าทำเช่นนี้โดยไม่เกรงกลัวความผิด หรือเป็นเพราะความเหงาที่สามีไม่สนใจจึงทำให้กล้าทำเช่นนี้

ร่างเล็กล้มลงนอนกับพื้นกรงขังอย่างไร้เรี่ยวแรง อาภรณ์สีขาวชุ่มโชกไปด้วยหยาดโลหิตอาบไล้ไหลเข้าสู่ดวงตา หวังเพียงแค่ให้ความทรมานนี้ค่อยๆหมดลง

ในความเลือนราง จูลี่จินเห็นแสงสีขาวสว่างวาบขึ้นมา ก่อนที่ลมหายใจสุดท้ายจะค่อยๆหมดลง

หลังจากที่แสงสีขาวสว่างวาบขึ้น จูลี่จินก็พบว่านางกำลังยืนอยู่ในที่แห่งหนึ่ง ที่ตรงนี้ให้ความรู้สึกเหน็บหนาวจนต้องยกมือขึ้นมากอดร่างกายที่กำลังสั่นสะท้านของตนเอาไว้ รอบกายของนางเต็มไปด้วยหมอกหนาจนมองไม่เห็นทัศนียภาพใด

พลันไม่นาน รอบกายก็ปรากฏภาพครอบครัวของนาง หลังจากที่นางจากไป นางได้เห็นว่าเจ้าก้อนแป้งทั้งสองคนร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของผู้เป็นพ่อ จากนั้นบุตรชายของนางก็ถูกส่งเข้าวังหลวง เวลาผ่านไปจนกระทั่งเจ้าก้อนกลมทั้งสองเติบใหญ่ขึ้น เริ่มแรกต่างคนต่างแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน จากนั้นจึงหันมาร่วมมือแย่งชิงอำนาจขององค์รัชทายาทและสุดท้ายก็หันมาทรยศหักหลังเข่นฆ่ากันเอง

"ไม่จริง!" จูลี่จินร้องไห้ปานจะขาดใจ เมื่อเห็นคนเป็นน้องวางยาพิษปลิดชีพพี่ชาย ส่วนคนเป็นพี่ก็ส่งคนมาสังหารน้องสาว หลังจากนั้นก็เห็นภาพของหานตานถิงแม่เลี้ยงของนาง และจูจิ้งซูน้องสาวต่างมารดาถูกลงโทษโดยการประหารชีวิต เพราะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังแผนการร้ายที่ใช้ชักนำ ซ่งอี้หนาน บุตรชายคนโตและ ซ่งลี่หนิง บุตรสาวคนเล็กของนาง

"กรี๊ดดดดด!" เสียงกรีดร้องที่ดังลั่นไปทั่วจวนปลุกให้คนที่กำลังนอนหลับใหลสะดุ้งตื่น

เปลือกตาบางของจูลี่จินค่อยๆเปิดออกทำให้ได้เห็นแสงสีทองจากแสงอาทิตย์ส่องลงมากระทบดวงหน้างาม ทรวงอกของนางหอบหายใจสะท้านขึ้นลง รู้สึกได้ถึงความเปียกชุ่มของใบหน้าจึงยกมือขึ้นลูบพบว่ามันคือคราบน้ำตานั่นเอง

"ข้าฝันร้ายหรอกหรือ" หญิงสาวพึมพำเสียงแผ่ว หวนนึกไปถึงความฝันเมื่อคืน เหตุใดถึงได้เหมือนจริงมากถึงเพียงนี้เล่า

ลางทีก็อดคิดไม่ได้ว่าหรือฝันนี้จะเป็นฝันบอกเหตุ?

"ไม่จริงหรอก ฝันก็เป็นแค่ฝันเท่านั้นแหละ" จูลี่จินส่ายศีรษะไปมา ตวัดผ้าห่มออกจากร่าง ทว่ายังไม่ทันจะก้าวลงจากเตียงก็ได้ยินเสียงฝีเท้าตึงตังวิ่งเข้ามาก่อน

แอ๊ด!

"ฮูหยินเจ้าคะ! เกิดเรื่องใหญ่แล้วเจ้าค่ะ"

จูลี่จินตวัดสายตามองไปยังร่างอวบท้วมของสาวใช้คนสนิทด้วยความไม่พอใจ พลางตวาดใส่นางเสียงดัง

"ซุนอิ๋ง! ข้าบอกแล้วใช่หรือไม่ว่าห้ามวิ่งเสียงดังบนเรือน เหตุใดถึงไม่ยอมฟัง หรืออยากลองดีกับข้า!" ขาเรียวก้าวเข้าไปใกล้ พลางเงื้อมมือขึ้นหมายจะตบสั่งสอนไปบนแก้มอวบอิ่มของนาง

"ยะ อย่าเจ้าค่ะฮูหยิน อย่าทำบ่าว รีบไปดูคุณหนูกับคุณชายก่อนเถิดเจ้าค่ะ" ซุนอิ๋งกล่าวเสียงสั่น ยกมือขึ้นป้องใบหน้าของตนเอาไว้ เมื่อวานโดนตบไปสองหนยังรู้สึกเจ็บไม่หายเลย

มือบางชะงักค้างอยู่กลางอากาศทันทีหลังจากที่ซุนอิ๋งกล่าวถึงแก้วตาดวงใจ

"ทำไม ลูกข้าเป็นอะไร"

"คุณชายกับคุณหนูกำลังตีกันเจ้าค่ะ"

จูลี่จินใจหายวาบแสดงว่าเสียงกรีดร้องเมื่อครู่นี้เป็นเสียงของบุตรสาวของนางสินะ เมื่อคิดได้เช่นนั้นก็รีบสาวเท้าวิ่งออกไปจากห้องทันที ซุนอิ๋งเห็นเช่นนั้นจึงรีบคว้าเสื้อคลุมพลางวิ่งตามเจ้านายไป

*********************************************

จูลี่จินวิ่งมาถึงระเบียงกว้างก็ได้ยินเสียงกรีดร้องและเสียงร้องไห้ดังแว่วมา หัวใจของคนเป็นแม่หล่นวูบลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม เมื่อวิ่งมาถึงต้นเสียงก็เห็นบุตรชายคนโตกำลังดึงทึ้งศีรษะของซ่งลี่หนิง แต่คนเป็นน้องเองก็ไม่ยอมเช่นกัน ในขณะที่อ้าปากส่งเสียงกรีดร้องโวยวาย นางก็ใช้เล็บข่วนไปตามใบหน้าของพี่ชายจนเห็นเลือดซิบ

"หยุดเดี๋ยวนี้นะ! " คนเป็นแม่ร้องห้าม ทว่าดูเหมือนว่าเจ้าก้อนแป้งทั้งสองจะไม่ยอมฟัง นางจึงวิ่งเข้าไปพยายามแยกตัวเด็กน้อยออกจากกัน จนกระทั่งซ่งอี้หนานหันมาผลักนางอย่างแรง จูลี่จินไม่ทันตั้งตัวจึงเซถลาไปทางด้านหลัง ขณะที่กำลังจะหงายหลังล้มลงอยู่นั้นก็มีใครบางคนรวบเอวบางของนางเอาไว้ได้ทัน

"ท่านพี่" หญิงสาวผินหน้าหันไปมอง เมื่อเห็นว่าเป็นใครจึงขานเรียกชื่อเขาเสียงเบา แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือแววตาแห่งความเฉยชาที่เมื่อเห็นคราใดก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกชินเลยสักครั้ง

พลั่ก!

มือหนาผลักนางออกอย่างรวดเร็วราวกับโดนของร้อน ทำท่ารังเกียจเสียเต็มประดา เขาไม่สนใจว่านางจะเป็นเช่นไร นอกจากหันไปตวาดเสียงกร้าวแทน

"พ่อบอกให้หยุดเดี๋ยวนี้!"

เจ้าเด็กน้อยทั้งสองที่กำลังสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายถึงกับหยุดชะงักไปทันทีที่ได้ยินเสียงทรงอำนาจของคนเป็นพ่อ

"ท่านแม่เจ้าขา ท่านพี่ตีข้า ฮือๆๆ" ซ่งลี่หนิงในวัยสี่หนาวรีบวิ่งเข้ามาหาคนเป็นแม่พลางกอดเอวของนางไว้แน่น เปล่งเสียงร้องไห้ออกมาดังลั่น

"ไม่จริงนะขอรับ หนิงหนิงใช้เท้าเตะข้าก่อน" ซ่งอี้หนานในวัยเจ็ดหนาวเอ่ยแย้ง มองมารดาที่กำลังปลอบประโลมน้องสาวด้วยความเสียใจ เขาเองก็เจ็บเช่นกัน เหตุใดท่านแม่ถึงไม่สนใจเขาบ้าง...

"มันเกิดอะไรขึ้น จางเฉียงตอบข้ามา" ซ่งเหวยหนาน หันไปถามบ่าวรับใช้ติดตามของบุตรชายแทน เหตุเพราะเจ้าก้อนแป้งทั้งสองชอบโกหกอยู่บ่อยครั้ง

"เอ่อ... คุณชายเดินเข้าไปขอเล่นกับคุณหนู แต่คุณหนูไม่ให้ คุณชายเลยว่าคุณหนูว่าใจร้ายและเดินออกมา คุณหนูไม่พอใจจึงโยนตุ๊กตาไม้ใส่หลังคุณชาย คุณชายเห็นเช่นนั้นจึงหักขาตุ๊กตาไม้ของคุณหนู คุณหนูเลยวิ่งเข้ามาเตะคุณชายแล้วก็ทะเลาะกันอย่างที่เห็นนี่แหละขอรับ" จางเฉียงเล่าเป็นฉากๆ เพราะเขาติดตามคุณชายหนานหนานมา และได้เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างมาตั้งแต่ต้น

"เห็นลูกข้าตีกันเหตุใดถึงไม่ห้าม จะรอให้ตีกันจนตายก่อนหรืออย่างไร!" จูลี่จินถามพลางขึงตาใส่เขาด้วยความไม่พอใจ จางเฉียงเห็นเช่นนั้นจึงรีบหลบสายตากล่าวละล่ำละลัก

"ห้ามแล้วขอรับแต่โดนคุณชายถีบออกมาทุกครั้งเลย" เขาตอบตามความจริง แม้เขาจะโตกว่า มีเรี่ยวแรงมากกว่าแต่ผู้ใดจะกล้าทำให้คุณหนูทั้งสองเจ็บตัวกันเล่า

"แล้วเจ้าเป็นแม่เหตุใดถึงไม่ดูลูก" เขาส่งสายตามองนางด้วยความเอือมระอา ยิ่งเห็นว่านางยังอยู่ในชุดนอนก็ยิ่งรู้สึกไม่พอใจ หากเขากลับมาไม่ทัน ป่านนี้ลูกๆจะเป็นเช่นใดบ้าง ไม่อยากจะคิดเลย

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเวรกรรมอันใด ถึงทำให้เขาต้องตกอยู่ในสภาพนี้ เขาไม่เคยคิดที่จะเอาสตรีผู้นี้มาเป็นภรรยา เพราะต่างรู้ในกิตติศัพท์ความร้ายกาจของนางเป็นอย่างดี และที่สำคัญเขามีคนรักอยู่แล้ว แต่เป็นเพราะนางวางยาปลุกกำหนัดจนทำให้เขาและนางได้เสียกัน จนกระทั่งได้แต่งงานกันสมใจนาง ไม่นึกเลยว่าแค่หนเดียวจะทำให้นางตั้งครรภ์ขึ้นมา ส่วนหนที่สองเป็นเพราะนางฉวยโอกาสตอนที่เขาเมามายเข้ามายั่วยวนถึงในห้องจึงทำให้เขาและนางได้ร่วมเตียงกันอีกหนจนเกิดเป็นซ่งลี่หนิงขึ้นมา หลังจากวันนั้นเขาก็ระมัดระวังตัวไม่ยอมดื่มเหล้าจนเมามายขาดสติอีก เพราะเขาเข็ดขยาดกับนางเกินทนแล้ว หากเผลอพลาดขึ้นมามีลูกกับนางอีกคน เขาคงได้กลั้นใจตายเป็นแน่

จูลี่จินหุบปากลงทันใดหลังจากได้ยินวาจาของผู้ที่เป็นสามี ซ่งเหวยหนานจึงละความสนใจจากนางหันมาหาเด็กหญิงตัวน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนของนางแทน