บทที่ 6 แขกพิเศษมาเยือน
แปะๆๆๆ!
"ฮ่าๆๆ" ซ่งลี่หนิงเปล่งเสียงหัวเราะด้วยความดีใจ ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาด้วยความร่าเริง
"ท่านพ่อกับท่านแม่จูบกัน ท่านพ่อกับท่านแม่รักกัน" ร่างเล็กกระโดดโลดเต้นไปมาบนเตียงอย่างมีความสุข เสียงร้องของนางทำให้คนทั้งคู่ได้สติรีบผละออกจากกันด้วยความรวดเร็ว
"หนิงหนิง!" ซ่งเหวยหนานขานเรียกชื่อบุตรสาวเสียงดุ ทว่านางกลับยกมือเล็กขึ้นมาปิดปาก อ้าปากหาวพลางล้มตัวลงนอนทันที
"ข้าง่วงแล้วเจ้าค่ะ"
"ฝันดีนะลูก"
จูลี่จินเห็นเช่นนั้นจึงหยัดกายลุกขึ้นห่มผ้าให้นาง จุมพิตที่ขมับบางด้วยความรักใคร่ เมื่อเห็นเจ้าก้อนแป้งหลับตาลง นางจึงเดินออกจากห้อง ส่งสัญญาณให้สาวใช้ผู้ดูแลเข้าไปนอนเป็นเพื่อนนาง
ร่างบางเร่งฝีเท้าเดินกลับไปยังห้องหอ โดยที่มีร่างสูงของใครบางคนเดินตามมาติดๆ
"เดี๋ยว!"
จูลี่จินหยุดอยู่กับที่ สูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ไม่รู้ว่าเขาจะตามมาหาเรื่องอันใดกับนางอีก จากนั้นจึงหมุนกายหันหน้ากลับมา
"ท่านพี่มีธุระอะไรกับข้าหรือเจ้าคะ"
"เรื่องหย่าของเราเป็นอันว่าข้าตกลง"
"ท่านพี่ยอมให้ลูกไปอยู่กับข้าหรือเจ้าคะ" จูลี่จินถามด้วยความตื่นเต้น ท่าทางดีใจของนางทำให้คนที่มองอยู่รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาไม่น้อย ยามที่นางอยากครอบครองเขา นางก็ทำทุกอย่างแม้กระทั่งเรื่องบัดสี แต่เมื่อนางอยากไปจากเขา นางก็ดิ้นเร่าๆ จะไปให้ได้ เขาไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย ในสายตาของนางเห็นเขาเป็นตัวอะไรกันแน่
"ไม่!"
"ถ้าเช่นนั้นข้าก็ไม่หย่าจะอยู่ให้ท่านพี่เหม็นหน้าไปตลอดชีวิตเลย"
คนตัวโตถอนหายใจออกมาอย่างแรง พยายามข่มกลั้นอารมณ์ภายในที่กำลังเดือดปุดๆ เอาไว้อย่างเต็มที่
"เรื่องลูกให้พวกเขาตัดสินใจเองว่าจะอยู่กับข้าหรือไปกับเจ้า"
"อีกนานแค่ไหนกัน"
"สามเดือน แค่สามเดือนเท่านั้น หากลูกยืนยันจะไปกับเจ้า ข้าก็จะไม่รั้งไว้ หากแต่ว่า..."
"แต่อะไรหรือเจ้าคะ"
"เจ้าต้องลงชื่อหย่าให้ข้าก่อน เมื่อเจ้าลงชื่อหย่า เงินที่เจ้าร้องขอข้าจะมอบให้เจ้าทันที"
"ตกลงเจ้าค่ะ ท่านพี่ถือหนังสือหย่ามาได้เลย แต่ท่านห้ามผิดสัญญากับข้าเรื่องลูกก็แล้วกัน"
ซ่งเหวยหนานผงกศีรษะรับ คนทั้งสองสบตากันเล็กน้อย ก่อนที่ต่างฝ่ายจะสะบัดหน้าเดินจากกันไปคนละทิศละทาง
หลายวันผ่านไป จูลี่จินอยู่ที่จวนสกุลซ่งด้วยความสงบ ลูกๆทั้งสองคนต่างไม่ทะเลาะเบาะแว้งกันอย่างที่เคย แม้จะมีกระทบกระทั่งกันบ้างเป็นบางครั้ง แต่ก็ไม่ถึงขั้นลงมือทุบตีกันเหมือนอย่างที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าเจ้าก้อนแป้งทั้งสองจะเชื่อฟังนางเป็นอย่างดี เพียงเท่านี้ก็ทำให้คนเป็นแม่ปลื้มใจมากแล้ว ส่วนซ่งเหวยหนาน เขาจะมาปรากฏตัวให้นางเห็นยามที่มาหาลูกเท่านั้น หลังจากวันที่คุยกันเรื่องหย่า นางก็รอให้เขาถือหนังสือหย่ามาให้ หากแต่เขาก็ยังไม่ทำ
'เหอะ! นึกว่าจะแน่จริง' จูลี่จินคิดในใจพลางเผยรอยยิ้มหยันออกมาบางๆ ลางทีเวลาเจ็ดปีที่ผ่านมาอาจจะมีความหมายต่อเขาไม่มากก็น้อย หาไม่ป่านนี้เขาคงถือหนังสือหย่ามาให้นางแล้ว
เช้าวันนี้อากาศสดใส หลังจากที่เมื่อคืนมีสายฝนกระหน่ำตกลงมาอย่างหนัก ใบไม้และใบหญ้ายังคงปรากฏรอยหยดน้ำ บนพื้นชื้นแฉะเพราะมีน้ำขัง
ร่างบางในชุดสีม่วงอ่อน มีผ้าคลุมตัวยาวกรอมเท้าสีเดียวกันกับชุดสวมใส่เอาไว้อีกชั้นเพื่อป้องกันความหนาวเย็น ผมยาวสลวยถูกรวบไว้เป็นมวยครึ่งหัว ที่เหลือปล่อยสยายยาวเป็นอิสระ หญิงสาวเดินออกมาจากหอนอน จูลี่จินไม่ได้ตื่นสายเหมือนเคย นางตั้งใจจะเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ ลบภาพมารดาตัวร้ายที่แสนเกียจคร้านคนเดิมทิ้งไป
ขาเรียวก้าวเดินมาถึงห้องโถงนั่งเล่นแต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า เจ้าก้อนแป้งทั้งสองไม่ได้อยู่ที่ห้องโถงนั่งเล่นเหมือนเคย คิ้วสวยได้รูปย่นเข้าหากันเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ จากนั้นจึงหันไปถามสาวใช้ได้ความว่าพวกเขาอยู่ที่สวนอุทยานพร้อมแขกคนพิเศษ
"แขกคนพิเศษงั้นหรือ... ผู้ใดกัน?"
สายใช้หันมาสบตากันพลางแอบยิ้มออกมาเบาๆ สองแก้มขาวเนียนแดงระเรื่อ ยามนึกถึงใบหน้าหล่อๆของคนผู้นั้น
"ฮูหยินไปดูเองเถิดเจ้าค่ะ"
ท่าทางเขินอายของพวกนางทำให้จูลี่จินรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังเป็นห่วงเจ้าก้อนกลมทั้งสองอย่างสุดหัวใจ ไม่รอช้ารีบก้าวเดินตรงไปยังสวนอุทยานทันที
จูลี่จินเดินไปหยุดอยู่หน้าศาลาริมสวน ที่ตรงนั้นนางเห็นร่างสูงของใครบางคนยืนหันหลังให้ บนหลังของเขามีร่างเล็กกลมป้อมของซ่งลี่หนิง และกำลังหยอกล้อกับซ่งอี้หนานที่ยืนอยู่เบื้องหน้า
'ใครกันนะ รู้สึกคุ้นเคยแปลกๆ' จูลี่จินคิดในใจ ก่อนจะขานเรียกชื่อแก้วตาดวงใจทั้งสองคน
"หนานหนาน หนิงหนิง"
"ท่านแม่มาแล้ว" ซ่งอี้หนานเรียกมารดาด้วยความดีใจ ก่อนจะวิ่งเข้ามาหากอดเอวบางของนางเอาไว้
"ดูสิขอรับว่าผู้ใดมาหาเรา"
จูลี่จินมองนิ้วยาวของบุตรชายไปที่ร่างสูงกำยำของชายผู้นั้น เขาชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆวางร่างของซ่งลี่หนิงลงและหมุนกายหันหน้ากลับมา
"ท่านพี่จือหรง!" ดวงตาคู่งามเบิกกว้าง ก่อนจะสาวเท้าวิ่งเข้าไปหาอ้อมกอดอันอบอุ่น
เฉินจือหรงอ้าแขนออกกว้างเมื่อร่างบางวิ่งเข้ามาก็กอดนางเอาไว้แน่นด้วยความคิดถึงสุดหัวใจ ก้อนเนื้อในอกซ้ายเต้นเร็วถี่รัวราวจะหลุดออกมานอกอกและเป็นเช่นนี้ทุกครั้งที่ได้พบเจอกัน
"ข้าคิดถึงท่านพี่เหลือเกินเจ้าค่ะ" หญิงสาวเอ่ยเสียงเครือ กอดคนตัวโตแน่นไม่ยอมปล่อย รับรู้ได้ถึงมือหนาที่กำลังลูบแผ่นหลังบางของนางไปมาเบาๆ
"พี่ก็คิดถึงเจ้า" เสียงทุ้มตอบออกมาจากใจจริง หลังจากที่เขาได้รับราชการทหารเลื่อนขั้นเป็นหัวหน้าแม่ทัพภาคก็ถูกส่งตัวไปประจำอยู่ที่หัวเมืองทางเหนือ นับตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ก็เป็นเวลากว่าสามปีแล้ว ทว่าปีนี้เขาโดนเรียกตัวกลับมาเพื่อให้มาประจำอยู่ที่เมืองหลวงแทน
"ท่านพี่กลับมาถึงเมื่อไหร่เจ้าคะ เหตุใดข้าถึงไม่รู้เรื่อง" หลังจากกอดคนตัวโตจนหนำใจ คนตัวเล็กก็ผละออกจากอกแกร่ง เงยหน้าขึ้นถามพลางเอียงคอเล็กน้อยด้วยความสงสัย
แววตาของเฉินจือหรงเปล่งประกายวิบวับ จดจ้องดวงหน้างามอย่างไม่วางตา เขาอยากจะกอดนางให้นานกว่านี้ แต่ก็ไม่อาจทำตามที่ใจปรารถนาได้ ด้วยรู้ว่าสตรีตรงหน้ามีเจ้าของแล้ว แม้จะรักนางยิ่งปานดวงใจแต่สิ่งที่ทำได้ก็คือทำใจ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยทำได้เลยสักครั้งก็ตาม
สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้คือการทำตัวเป็นพี่ชายที่แสนดี เพื่อให้ได้อยู่เคียงข้างนางต่อไป
"พี่กลับมาถึงเมื่อยามรุ่งสางเมื่อเช้านี่เอง" เขาตอบตามความจริง หลังจากที่มาถึงจวนสกุลจูก็ไม่รอช้า ทันทีที่พระอาทิตย์ขึ้นก็รีบควบม้ามาหานางทันที
"อะไรกัน...เพิ่งมาถึงแท้ๆแต่ท่านพี่ก็รีบมาหาข้า ท่านพี่คงจะคิดถึงข้ามากจริงๆสินะเจ้าคะ" ถามอย่างหยอกเย้า พลางแย้มยิ้มกว้าง
"ถูกต้อง ข้าคิดถึงเจ้ามาก มากที่สุดในชีวิต" ท้ายประโยคเขาเอ่ยเสียงเบา เมื่อหันไปเห็นเจ้าก้อนแป้งทั้งสองคนที่ยืนมองเขาอยู่ก็ยิ่งรู้สึกละอายใจยิ่งนักที่เคยเอาแต่ครุ่นคิดหาวิธีครอบครองนางและเจ้าก้อนกลมทั้งสองคน
"ข้ารู้เจ้าค่ะว่าท่านพี่รักข้า เพราะข้าก็รักท่านพี่มากเช่นกัน" จูลี่จินเผยรอยยิ้มหวาน แม้คนตรงหน้าจะเป็นเพียงบุตรชายเลี้ยงของท่านพ่อจูป่ายซวี่ เหตุเพราะเขาเป็นบุตรชายของหานตานถิง แม่เลี้ยงของจูลี่จินและจูจิ้งซูกับสามีเก่า แต่สำหรับจูลี่จินแล้ว นางรักเขาเสมือนพี่ชายร่วมอุทร
"ใช่ ข้ารักเจ้า รักมากจริงๆ" เขาเอ่ยพลางดึงร่างบางเข้ามากอดอีกหน เคยคิดมาตลอดว่าในยามที่ต้องห่างกัน เมื่อไม่ต้องพบเจอคงจะทำให้เขาลืมนางไปได้ แต่ความจริงแล้วหาได้เป็นเช่นนั้นไม่เพราะเขาไม่เคยลืมนางได้เลยแม้แต่วันเดียว มิหนำซ้ำยังคะนึงหานางแทบทุกคืน รอคอยให้ถึงวันที่ได้กลับมาพบเจอกันอีกครั้ง
"ท่านลุง ข้าขอกอดด้วย" ซ่งอี้หนานเอ่ยพร้อมวิ่งเข้าไปหากอดผู้เป็นลุงเอาไว้
"ข้าก็อยากกอดเหมือนกันเจ้าค่ะ" ซ่งลี่หนิงเห็นเช่นนั้นก็ไม่ยอมเช่นกัน
เฉินจือหรงเห็นเช่นนั้นจึงรวบเจ้าก้อนกลมทั้งสองเข้ามาสู่อ้อมกอด เปล่งเสียงหัวเราะออกมาด้วยความสุขใจ
หารู้ไม่ว่าภาพเหตุการณ์นั้นอยู่ในสายตาของใครบางคนมาโดยตลอด
มือหนากำหมัดแน่นเข้าหากัน ดวงตาคมวาวโรจน์อย่างน่ากลัว ก่อนจะก้าวดุ่มๆเดินตรงเข้าไปหาคนทั้งสี่ด้วยความรวดเร็ว!