บทที่ 5 แผนการของเจ้าเด็กแสบ
"นายท่านเจ้าขา บ่าวไม่ได้โกหกนะเจ้าคะ บ่าวเป็นฝ่ายโดนกระทำ นายท่านต้องให้ความเป็นธรรมกับบ่าวนะเจ้าคะ"
ซ่งเหวยหนานชะงักไปเล็กน้อย มองคนที่กำลังกอดขาตนร้องไห้ฟูมฟาย ก่อนจะหันไปสบตากับภรรยา พลางดึงขาของตนออกอย่างรวดเร็ว
จูลี่จินสูดลมหายใจเข้าปอด พยายามทำใจให้นิ่งสงบ หากเป็นจูลี่จินคนก่อนคงปรี่เข้าไปกระชากสตรีเจ้ามารยามาตบให้หายแค้นแล้ว แต่นางจะไม่ทำเช่นนั้นอีกต่อไปแล้ว นางจะโยนบทมารดาของตัวร้ายออกไปให้ได้!
"ท่านพี่ ข้าคงปล่อยให้นางดูแลหนิงหนิงไม่ได้หรอก ต่อไปนี้ทั้งหนิงหนิงและหนานหนาน ข้าจะดูแลลูกเอง สำหรับนาง หากท่านพี่จะรับนางไว้ก็ตามใจท่าน แต่อย่าให้นางมายุ่งกับข้าและลูกๆ อีก" เอ่ยจบก็อุ้มเจ้าก้อนแป้งมาไว้ในอ้อมแขน จากนั้นก็ก้าวฉั่บๆ เดินออกไปด้วยความรวดเร็ว ไม่หันกลับมามองคนข้างหลังอีก
ซ่งเหวยหนานเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกแปลกใจไม่น้อยกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของนาง จูลี่จินไม่แม้แต่จะแสดงท่าทีหึงหวงเขาอย่างที่ผ่านมา นางดูสงบเยือกเย็นเสียจนเขานึกหวั่นใจ
ร่างสูงขยับหมายจะก้าวเดินตาม แต่ยังไม่ทันออกเดิน มือหนาก็ถูกคว้าเอาไว้เสียก่อน
"นายท่านเจ้าขา อย่าทอดทิ้งบ่าวเลยนะเจ้าคะ ให้บ่าวทำงานอะไรก็ได้บ่าวยอมทั้งนั้น แต่อย่าไล่บ่าวเลยนะเจ้าคะ" เฝิงหยวนกล่าวกับคนตัวโตด้วยน้ำเสียงน่าสงสาร พร้อมจับมือหนาขึ้นมาแนบแก้ม ส่งสายตาอ้อนวอนสลับกับยั่วยวนไปให้
นางมั่นใจว่าความงามของนางจะทำให้เขาลุ่มหลงได้ไม่ยาก
"บ่าวทำเป็นทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นทำอาหาร งานบ้านงานเรือน หรือแม้แต่ปรนนิบัตินายท่าน บ่าวก็ยินดีเจ้าค่ะ" หญิงสาวใช้ฟันขบริมฝีปากของตนเบาๆ ด้วยท่าทางยั่วยวนหวังให้เขาหลงใหลในเสน่ห์ของนาง
แต่ทว่า...
"ว้าย!"
ซ่งเหวยหนานกระชากมือหนาออกอย่างแรงจนร่างบางหงายหน้าล้มคะมำไปบนพื้น เขาดึงถุงเงินออกมาจากใต้แขนเสื้อตัวยาวและโยนไปไว้เบื้องหน้าของนาง
"ค่าเสียเวลาของเจ้า ออกไปได้แล้ว ต่อไปนี้อย่ามาให้ข้าเห็นหน้าเจ้าอีก" กระชากเสียงดุใส่จนเฝิงหยวนไม่กล้าเอ่ยวาจาใดอีก นางรีบคว้าถุงเงินที่หล่นอยู่บนพื้นและวิ่งแจ้นออกไปจากจวนด้วยความหวาดกลัว
แม้จะอยากยั่วยวนเขาเพียงใด แต่ซ่งเหวยหนานดุยิ่งกว่าพญาราชสีห์ นางไม่ขอเอาชีวิตมาเสี่ยงด้วยหรอก!
ภายในหอนอนอันกว้างขวาง บนผนังประดับประดาด้วยภาพวาดทิวทัศน์ยามหิมะตก เครื่องเรือนไม่ว่าจะเป็นตู้เตียงโต๊ะล้วนทำจากไม้สนอย่างดี มีแจกันลายมงคลเมฆตั้งอยู่สองใบ บนโต๊ะเล็กมีพู่กันสีวางอยู่ อีกทั้งข้างตั่งนอนยังมีกล่องใส่ตุ๊กตาไม้วางไว้ การตกแต่งภายในห้องใช้สีชมพูเป็นส่วนใหญ่บ่งบอกถึงความชอบของผู้ที่เป็นเจ้าของ
มือบางของจูลี่จินลูบแผ่นหลังเล็กปลอบโยนบุตรสาว หลังจากที่นางนั่งร้องไห้กระซิกๆ มาพักใหญ่ เสียงสะอื้นของเจ้าก้อนแป้งบาดใจของผู้เป็นแม่ยิ่งนัก
"ท่านแม่ ข้าไม่ได้โกหกนะเจ้าคะ เฝิงหยวนนางว่าท่านแม่จริงๆ"
"แม่รู้ว่าเจ้าไม่ได้โกหก"
"นางยังบอกอีกว่าท่านพ่อไม่ได้รักท่านแม่ แต่ที่ท่านพ่อต้องอยู่กับท่านแม่เพราะเห็นแก่ข้ากับท่านพี่หนานหนาน"
จูลี่จินได้ยินเช่นนั้นก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ เฝิงหยวนคงคิดว่าซ่งลี่หนิงเป็นเพียงเด็กไม่ประสีประสาจึงกล้านำคำพูดร้ายกาจมาให้นางฟัง หรือไม่แน่ว่านางคงกำลังพยายามยั่วยุให้ซ่งลี่หนิงเกลียดนางก็เป็นได้
"ใครจะพูดอย่างไรก็ช่างเขาเถิด ไม่ว่าความจริงจะเป็นอย่างไร ทั้งพ่อและแม่ต่างก็รักลูกเสมอ"
"แต่ข้าไม่ชอบ ข้าอยากให้ท่านพ่อกับท่านแม่รักกัน ท่านพ่อท่านแม่ไม่ทะเลาะกันได้หรือไม่เจ้าคะ" เจ้าตัวเล็กกล่าวเสียงเครือ ใช้ดวงตากลมโตที่เต็มไปด้วยหยดน้ำตามองสบตากับผู้เป็นแม่
จูลี่จินใช้มือเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าเล็ก กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"ได้สิลูก ต่อไปนี้แม่จะไม่ทะเลาะกับท่านพ่อแล้ว"
ซ่งลี่หนิงได้ยินเช่นนั้นก็ทำตาโต นางเบิกตากว้างขึ้นเล็กกล่าวถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
"จริงหรือเจ้าคะ ท่านแม่ไม่ได้โกหกข้าใช่หรือไม่"
"จริงสิ แต่ลูกก็ต้องสัญญาว่าจะไม่หาเรื่องทะเลาะกับท่านพี่หนานหนาน เราทั้งสี่คนจะไม่ทะเลาะกัน ตกลงหรือไม่"
"ตกลงเจ้าค่ะ"
จูลี่จินส่งยิ้มให้บุตรสาว ลูบศีรษะเล็กด้วยความเอ็นดู
"หนิงหนิงรับปากกับแม่ได้ไหมลูก ต่อไปนี้เจ้าจะไม่ใช้กำลังในการแก้ปัญหา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรต้องคุยกันดีๆ"
"แต่ถ้ามีคนมาว่าท่านแม่ ข้าขอตีมันได้หรือไม่"
"ไม่ได้ เราจะไม่ทำใครก่อน แต่ถ้าหากคนผู้นั้นทำร้ายเจ้าก่อน เจ้าจะตีคืนแม่ก็ไม่ห้าม" จูลี่จินจ้องลึกเข้าไปให้ดวงตาของเจ้าก้อนแป้ง ต่อไปนี้นางจะเปลี่ยนวิธีการสอนลูกใหม่ จะไม่ให้ลูกไปทำร้ายใคร แต่ถ้านางเป็นฝ่ายโดนรังแกก่อนแล้วจะเอาคืนก็ย่อมเป็นเรื่องที่สมควรแล้ว
ซ่งลี่หนิงเอียงคอเล็กน้อย ทำสีหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อน สุดท้ายก็ผงกศีรษะรับหงึกๆ ยกมือเกี่ยวก้อยกับคนเป็นแม่
จูลี่จินอ้าแขนออกกว้าง เจ้าก้อนแป้งเห็นเช่นนั้นก็โผเข้าหาอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นของนาง ใบหน้าเล็กซบลงกับอกมารดา จูลี่จินกอดบุตรสาวด้วยความรักใคร่พลางก้มลงหอมขมับบางด้วยความเอ็นดู
หารู้ไม่ว่ามีใครบางคนแอบยืนฟังอยู่ที่หน้าประตูห้องได้สักพักใหญ่แล้ว คิ้วกระบี่เลิกขึ้นเล็กน้อยด้วยความสงสัย เมื่อได้ยินบทสนทนาที่สองแม่ลูกคุยกันในห้อง
จูลี่จินสั่งสอนลูกให้เป็นเด็กดีงั้นหรือ ช่างน่าประหลาดใจยิ่งนัก...
ชานหนุ่มคิดในใจก่อนจะผลักประตูไม้ให้เปิดออก แสร้งตีหน้าขรึมทันทีที่เห็นว่ามีใครมองอยู่ จูลี่จินจับจ้องคนที่เดินเข้ามาไม่วางตา มือบางกระชับบุตรสาวไว้แน่น ในขณะที่เจ้าก้อนแป้งก็กอดมารดาไว้แน่นเช่นกัน
"ท่านแม่ ท่านพ่อจะตีข้าหรือไม่เจ้าคะ"
ซ่งเหวยหนานเห็นท่าทางของเจ้าก้อนกลมก็ใจอ่อนยวบ เขาหาใช่คนไม่มีเหตุผลที่จะตีนางโดยไร้สาเหตุ ร่างสูงเดินเข้ามานั่งลงข้างเจ้าก้อนแป้ง ใช้มือแตะไปที่ไหล่เบาๆ เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"หนิงหนิง พ่อไม่ตีเจ้าหรอก เพราะหนนี้เจ้าไม่ได้เป็นคนผิด"
"ท่านพ่อเชื่อข้าหรือเจ้าคะ"
ซ่งเหวยหนานผงกศีรษะรับเพียงเท่านั้นก็ทำให้นางยิ้มกว้าง กระโดดไปนั่งตักใช้มือโอบรอบคอของผู้เป็นพ่อเอาไว้ด้วยความดีใจ
มือหนาลูบแผ่นหลังบางของนาง พลางโยกกายไปมาเบาๆ ปากหนาแย้มยิ้มออกมาเล็กน้อย แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นก็รีบหุบยิ้มลงทันควันเมื่อเห็นว่ามีใครบางคนมองอยู่
จูลี่จินถึงกับตาพร่าไปชั่วขณะกับรอยยิ้มแสนหวานของเขา เจ็ดปีที่อยู่ร่วมกันมา นางไม่เคยเห็นเขายิ้มให้นางเช่นนี้เลยแม้สักหนเดียว ซ่งเหวยหนานเป็นบุรุษที่มีใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพเซียน รอยบุ๋มข้างแก้มเขาเสริมให้ดวงหน้าคมมีเสน่ห์น่าค้นหา ไม่แปลกใจเลยแม้แต่น้อยที่เมื่อก่อนนางจะหลงใหลในตัวเขาจนกล้าทำเรื่องบัดสีเพื่อหวังได้เขามาครอบครอง แต่หารู้ไม่ว่าการทำเช่นนั้นจะทำให้เขาเกลียดชังในตัวนาง ถึงแม้จะมีลูกด้วยกันมาแล้วถึงสองคน
ในขณะที่นางมองรอยยิ้มของเขาด้วยความเพลินใจ เขาก็หุบยิ้มลงส่งสายตามองนางด้วยแววตาชิงชัง
'ชิ! ไม่มองก็ได้' จูลี่จินเบ้ปากใส่เขาด้วยความหมั่นไส้ แต่เมื่อคนตัวโตเห็นเช่นนั้นก็ขึงตาใส่ราวกับต้องการจะข่มขวัญ จูลี่จินเห็นเช่นนั้นจึงไม่อยากรั้งอยู่ต่อ เกรงว่าจะเผลอผิดคำสัญญาทะเลาะกันต่อหน้าลูกอีก
แต่เมื่อผุดลุกขึ้นจากเตียงกว้าง ซ่งลี่หนิงก็รีบผละออกจากซ่งเหวยหนานขานเรียกนางเสียก่อน
"ท่านแม่จะไปไหนหรือเจ้าคะ"
"แม่จะกลับหอนอน"
"อย่าเพิ่งไปได้หรือไม่ กล่อมข้านอนก่อนเถิดนะเจ้าคะ" เจ้าตัวเล็กกล่าวด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน
"ให้พ่อกล่อมลูกก็ได้" ซ่งเหวยหนานเอ่ยขัด เขาอยากให้นางรีบไปให้พ้นหูพ้นตา ไม่อยากเห็นหน้าแม้แต่วินาทีเดียว
"ข้าอยากให้ท่านแม่กับท่านพ่อกล่อมข้านอนเจ้าค่ะ"
คนทั้งสองเงยหน้าสบตากันด้วยความอึดอัด นางรู้ว่าเขาไม่อยากเห็นหน้า นางจึงไม่อยากรั้งอยู่ต่อ แต่เมื่อเห็นท่าทางน่าสงสารของบุตรสาวก็ใจอ่อนยวบทันที
"ก็ได้"
"เย้ๆ ท่านพ่อล่ะเจ้าคะ"
ซ่งเหวยหนานผงกศีรษะรับ พลางส่งยิ้มให้บุตรสาว ซ่งลี่หนิงเห็นเช่นนั้นจึงรีบดึงมือคนเป็นแม่ให้กลับมานั่งที่เตียง
"ท่านพ่อท่านแม่หอมแก้มข้าได้หรือไม่"
"ได้สิลูก" / "ได้สิ" ซ่งเหวยหนานและจูลี่จินกล่าวขึ้นมาพร้อมกัน จากนั้นก็ชะงักไปหันมาสบตากันด้วยความกระอักกระอ่วนใจ เมื่อตาสบตาต่างฝ่ายก็รีบหันหน้าหนีไปทางอื่น
ซ่งลี่หนิงกระโดดเข้าไปนั่งตรงกลาง นิ้วเล็กของนางแตะที่แก้มทั้งสองข้าง เมื่อเห็นใบหน้าของคนเป็นพ่อและคนเป็นแม่ยื่นเข้ามาใกล้ นางก็รีบเบี่ยงหน้าหลบไปทางด้านหลัง
จุ๊บ!
จูลี่จินเบิกตากว้างด้วยความตกใจอย่างสุดขีด ในขณะที่ซ่งเหวยหนานก็ตกใจไม่แพ้กัน เพราะตอนนี้ริมฝีปากของคนทั้งคู่บรรจบกันอย่างไม่ได้นัดหมาย ริมฝีปากของนางบางเฉียบราวกับกระดาษ ทว่ามันนุ่มนิ่มเต็มไปด้วยความละมุนละไม