บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 ท่านพ่อจะทอดทิ้งท่านแม่หรือ

ตุ้บ!

ร่างสูงเดินกลับมายังห้องหนังสือพร้อมโยนหนังสือหย่าในมือลงบนโต๊ะ ก่อนจะทิ้งกายลงนั่งด้วยความหงุดหงิด เดิมทีเขาคิดเรื่องหย่ามาสักพักใหญ่แล้ว แต่เห็นแก่ลูกจึงจำยอมอดทนใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับนางต่อ แต่สตรีผู้นั้นร้ายกาจเกินทน วันๆ ไม่ยอมทำอะไรนอกจากแต่งตัวทาชาดสีแดงอวดโฉมงดงามไปวันๆ ลางทีก็หาเรื่องดุด่าทุบตีบ่าวไพร่ แม้กระทั่งลูกๆ นางยังไม่เหลียวแล

นับวันซ่งลี่หนิงก็ยิ่งร้ายกาจขึ้นทุกวันเพราะการให้ท้ายจากมารดา ส่วนซ่งอี้หนานบุตรชายคนโตก็เริ่มทำตัวเกเร หลังจากเหตุการณ์เมื่อตอนสายทำให้ซ่งเหวยหนานเล็งเห็นว่าหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่ เขาต้องรีบทำอะไรสักอย่างก่อนที่จะสายเกินไป เมื่อคิดได้เช่นนั้นจึงส่งคนไปขอหนังสือหย่ามา ตั้งใจจะไปเจรจากับนางให้รู้เรื่อง เขาจะปล่อยให้นางเป็นอิสระ ส่วนลูกๆ ทั้งสองคน เขาจะเป็นคนดูแลพวกเขาเอง

"ท่านพ่อ" เสียงของบุตรชายที่ดังอยู่หน้าประตูทำให้คนที่หลับตานิ่ง ใช้นิ้วนวดคลึงขมับของตนไปมาหยุดมือลง ก่อนจะหันไปมองยังต้นเสียง

"หนานหนาน" เขาเอ่ยทักทายเจ้าก้อนแป้ง พลางส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยน "เข้ามาสิ"

หลังจากได้ยินคำอนุญาตจากบิดา เด็กชายก็เดินเข้ามาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าโต๊ะอ่านหนังสือ ดวงตาคมดุจเหยี่ยวที่ถอดแบบผู้เป็นพ่อมาอย่างไม่ผิดเพี้ยนเหลือบมองไปบนโต๊ะ

"ท่านพ่อจะหย่ากับท่านแม่หรือขอรับ"

ปากหนาที่แย้มยิ้มชะงักไปหลังจากได้ยินคำถามของบุตรชาย เขารีบหยิบหนังสือหย่ายัดใส่ลิ้นชักทันที

"ท่านพ่อจะทอดทิ้งท่านแม่กับพวกข้าหรือขอรับ" ซ่งอี้หนานถามเสียงเครือ เขาอายุเจ็ดหนาวแล้ว โตพอที่จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร

"พ่อไม่ได้ทอดทิ้งพวกเจ้า"

"แต่ท่านพ่อจะทอดทิ้งท่านแม่"

ซ่งเหวยหนานถอนหายใจออกมาเบาๆ มองบุตรชายด้วยความหนักใจ โอกาสที่มีให้จูลี่จินหมดลงนานแล้ว เขาไม่อาจทำใจยอมรับนางได้จริงๆ

"หนานหนาน ถึงพ่อกับแม่ของเจ้าจะไม่ได้อยู่ร่วมกันแล้ว ก็ใช่ว่าลูกจะไม่ได้เจอท่านแม่อีก ลูกสามารถเจอท่านแม่ได้เสมอหากลูกต้องการ เพียงแต่จะไม่ได้อยู่ด้วยกันเท่านั้นเอง"

ซ่งอี้หนานส่ายศีรษะไปมา เขารู้ว่าบิดามารดาทั้งสองไม่ถูกกัน คนทั้งคู่มักจะมีปากเสียงกันบ่อยครั้ง ท่านแม่ลี่จินรักท่านพ่อ แต่ท่านพ่อหาได้รักท่านแม่ หลายคราที่แอบเห็นท่านแม่ร้องไห้ แต่เมื่อเขาเข้าไปหาก็มักจะโดนไล่ออกมาเสมอ

"ท่านพ่ออย่าทอดทิ้งท่านแม่เลยนะขอรับ ฮือ" เด็กน้อยเปล่งเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาเสียยกใหญ่ ใบหน้าอาบเปื้อนไปด้วยหยดน้ำตา คนเป็นพ่อเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกปวดใจไม่น้อยจึงดึงร่างเล็กเข้ามากอดแนบอก

"ให้โอกาสท่านแม่อีกสักหน่อยไม่ได้หรือขอรับ"

"พ่อขอโทษ"

"ถ้าเช่นนั้น ข้าจะไปกับท่านแม่ ท่านแม่รักท่านพ่อ หากท่านพ่อทอดทิ้งท่านแม่ ท่านแม่จะอยู่ได้อย่างไรขอรับ ฮึก"

คนตัวโตกอดร่างเล็กของบุตรชายเอาไว้แน่น สัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นบนหัวไหล่กำยำจากหยาดน้ำตาที่หลั่งรินออกมาเป็นสายก็ได้แต่ทอดถอนลมหายใจออกมาด้วยความกลัดกลุ้ม ได้แต่หวังว่าสักวันหนึ่งซ่งอี้หนานจะเข้าใจว่าเขากับจูลี่จินไม่อาจอยู่ร่วมกันได้จริงๆ

จูลี่จินใช้เวลาทั้งวันจมอยู่กับความเศร้า หลังจากร้องไห้จนพอใจแล้วก็ใช้มือบางปาดน้ำตาออกจากใบหน้า หมดเวลาอ่อนแออีกต่อไปแล้ว หลังจากวันนี้เป็นต้นไป นางจะพยายามแก้ไขเรื่องราวเพื่อไม่ให้เหตุการณ์เลวร้ายเกิดขึ้น บทมารดาของตัวร้ายนางไม่ขอรับไว้อีกต่อไปแล้ว!

ร่างบางหยัดกายลุกขึ้นหยิบหนังสือนิยายไปซ่อนในลิ้นชัก ด้วยไม่ต้องการให้ผู้ใดมาเห็นเพราะเกรงว่ามันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่

หนึ่งปีก่อนที่นางจะโดนจับได้ว่าคบชู้และโดนขังกรงเดินประจานทั่วเมือง ในนิยายได้กล่าวว่าซ่งเหวยหนานจะถือหนังสือหย่ามาขอหย่ากับนาง ทว่านางไม่ยอมและมีปากเสียงกัน เขาและนางทะเลาะกันอย่างหนัก ซ่งเหวยหนานไม่พูดกับนางไปหลายวัน และดูเหมือนว่าเขาจะชังน้ำหน้าของนางมากขึ้นไปกว่าเดิม

แต่เพราะในนิยายไม่ได้กล่าวถึงตัวร้ายในวัยเด็กมากนัก แค่เล่าให้เห็นเพียงว่ามารดาของพวกเขาซึ่งก็คือนางเลี้ยงดูบุตรชายและบุตรสาวมาอย่างผิดๆ ทำให้พวกเขาเป็นคนร้ายกาจตั้งแต่วัยเยาว์ จากนั้นนักเขียนก็เขียนบทให้นางจากไปโทษฐานคบชู้จึงไม่รู้เลยว่าแล้วภายในหนึ่งปีก่อนที่นางจะคบชู้ นอกจากเรื่องหย่าแล้วจะเกิดเรื่องใดอีกบ้าง

ช่างเถิด... อย่างน้อยก็ยังมีเวลาเหลืออีกหนึ่งปีให้พอแก้ไขเรื่องราวต่างๆ แค่เพียงให้นางกับลูกๆและท่านพ่อกับน้องสาวจูจิ้งซูอยู่รอดปลอดภัย แค่นั้นก็พอแล้ว ส่วนสามีผู้เย็นชาก็ช่างศีรษะเขาก็แล้วกัน

จูลี่จินตัดสินใจอย่างแน่วแน่ หากซ่งเหวยหนานไม่รักใคร่นาง นางก็จะไม่งอนง้อเขาอีกต่อไป ต่อไปนี้นางจะทำทุกอย่างเพื่อลูก ส่วนคนอื่น นางไม่สนใจแล้ว!

หญิงสาวผินหน้ามองไปยังนอกหน้าต่างพบว่าบัดนี้เป็นเวลายามซวี (17.00-18.59 น.) แล้ว จูลี่จินคิดว่านางควรจะต้องทำอะไรสักอย่าง

"ซุนอิ๋ง"

"เจ้าค่ะ!" ร่างอวบที่ยืนอยู่หน้าประตูคอยเงี่ยหูฟังเสียงเจ้านายพลันสะดุ้งไปเมื่อได้ยินเสียงเรียกหาตน นางยืนอยู่หน้าประตูตั้งแต่ตอนที่กลับมาจากตลาดแล้ว จนกระทั่งได้ยินเสียงสะอื้นร่ำไห้ดังแว่วมา แม้จะเป็นห่วงจับใจแต่ก็ไม่กล้าเข้าไปหา เพราะเกรงว่าจะถูกไล่ตะเพิดหรือโดนเจ้านายทำร้ายเอาจึงได้แต่คอยสังเกตสถานการณ์อยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ

"ไปเตรียมยุเหวียนเชียว (ขนมบัวลอยจีน) ให้ข้าที"

"ได้เจ้าค่ะ" ซุนอิ๋งรับคำด้วยความงุนงง ปกติแล้วเจ้านายของนางไม่ชอบทานของหวาน เหตุใดวันนี้ถึงได้ถามหายุเหวียนเชียวได้เล่า ได้แต่คิดด้วยความสงสัย จากนั้นก็หมุนกายเตรียมออกไปทำตามคำสั่ง พลันจู่ๆนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงหยุดฝีเท้าลงและหันหน้ากลับมารายงาน

"เอ่อ... ฮูหยินเจ้าคะ เมื่อตอนปลายยามเซิน นายท่านได้มาหาฮูหยินที่ห้องหอ ดูเหมือนว่าจะมีธุระอะไรสักอย่างนะเจ้าคะ"

"งั้นหรือ" จูลี่จินผงกศีรษะรับก่อนจะโบกมือไล่ซุนอิ๋ง ริมฝีปากบางเหยียดยิ้มออกมาเล็กน้อยอย่างไม่ใส่ใจนัก เขาคงจะมาคุยเรื่องหย่ากับนางกระมัง

****************************

ซ่งเหวยหนานนึกถึงเหตุการณ์เมื่อตอนกลางวัน ภาพใบหน้าเปื้อนน้ำตาของบุตรชายคนโตยังติดอยู่ในใจของเขาไม่หาย ด้วยความเป็นห่วงความรู้สึกของบุตรชาย เขาจึงตั้งใจจะไปหาซ่งอี้หนานที่หอนอน

ร่างสูงอยู่ในชุดลำลองสีน้ำเงินเข้มก้าวเดินออกมาจากห้องตรงดิ่งไปที่ปีกซ้ายของจวน ทว่าตอนที่ก้าวไปถึงทางแยกก็ชนเข้ากับร่างบางของใครบางคนอย่างจัง

"ว้ายย!" จูลี่จินเปล่งเสียงร้องด้วยความตกใจ ร่างบางผงะไปทางด้านหลังตามแรงกระแทก ก่อนที่จะมีมือหนาของใครบางคนเอื้อมคว้าตัวนางเอาไว้ได้ทัน

"ท่านพี่" หญิงสาวขานเรียกคนตรงหน้าด้วยความตกใจ ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้เจอกันในยามนี้ แตกต่างจากอีกคนที่เมื่อเห็นว่าเป็นใคร เขาก็รีบปล่อยข้อมือบางออกทันที

"กรี๊ดดดด" นางกรีดร้องเสียงหลง ไม่นึกว่าเขาจะปล่อยมือออกในขณะที่นางยังทรงตัวไม่ได้ราวกับจงใจจะแกล้งกัน แต่คนอย่างจูลี่จินไม่ยอมหรอก มือบางรีบเอื้อมคว้าคอเสื้อของเขาจนทำให้ทั้งสองคนหงายหลังล้มลงพร้อมกัน

โป๊ก!

"โอะ!" / "อูยย" หน้าผากของคนทั้งคู่กระแทกเข้าหากัน แม้จะไม่ได้แรงมากแต่ก็รู้สึกเจ็บไม่น้อยเลยทีเดียว

"ตายแล้ว! ท่านพี่เป็นอะไรมากหรือไม่เจ้าคะ" ถามพลางลอบยิ้มด้วยความสะใจ

"ปล่อย!" เขากระชากเสียงดุใส่คนใต้ร่าง พลางดึงมือบางที่กำรอบคอเสื้อของเขาออก และรีบหยัดกายลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว

"ข้าไม่ได้ตั้งใจนะเจ้าคะ" หญิงสาวรีบหยัดกายลุกขึ้นตาม แอบยิ้มเบาๆเมื่อเห็นท่าทางหัวเสียของเขา

ชายหนุ่มปรายตามองมายังคนตรงหน้าแวบหนึ่ง ไม่กล่าววาจาใดออกมาอีก แล้วจึงก้าวฉั่บๆเดินจากไป ทว่าเดินไปได้เพียงสามก้าวก็หยุดกึก ก่อนจะหันกลับมามองที่ทางด้านหลังจึงเห็นว่านางหยุดตาม เขาส่ายศีรษะไปมาเบาๆจากนั้นจึงเดินต่อไปข้างหน้า พบว่านางกำลังเดินตามเขามาเช่นนั้น เมื่อเขาหยุด นางก็หยุดเป็นเช่นนี้อยู่สามสี่หน สุดท้ายทนไม่ไหวจึงหันหน้ากลับมามองไปยังคนตัวเล็กด้วยแววตาดุดัน

"ตามข้ามาเพราะเหตุใด"

"ข้าเปล่าตามท่านพี่นะเจ้าคะ"

"โกหก! เมื่อไหร่จะเลิกทำนิสัยเช่นนี้เสียที" เขาขึงตาใส่นางพลางกล่าวเสียงกร้าว ทว่าคนตัวเล็กกลับเอียงคอมองถามเขาด้วยใบหน้าใสซื่อ

"ทำอะไรหรือเจ้าคะ"

"หยุดเรียกร้องความสนใจจากข้าเสียที เจ้าก็รู้ว่ามันไม่ได้ผล"

หลังจากกล่าวจบเขาก็ยืนมองคนตัวเล็กนิ่ง คาดว่าอีกไม่นานดวงตากลมโตของนางจะเต็มไปด้วยหยดน้ำตา ก่อนที่นางจะต่อว่าเขาด้วยความเสียใจ แต่ทว่า...

"ฮ่าๆๆๆ ท่านพี่กล่าวเกินไปแล้ว"

"หมายความว่าอย่างไร"

"ข้าหาได้เดินตามท่านพี่ไม่ แต่ข้าจะไปทางเดียวกันกับท่านพี่เท่านั้น"

ใบหล่อเหลาชะงักค้างไปทันที โหนกแก้มสูงเปล่งสีแดงนิดๆด้วยความอับอาย ก่อนจะแสร้งเบือนหน้าไปทางอื่นกล่าวเสียงขรึม

"ข้าจะไปหาหนานหนาน"

"ข้าก็เช่นกันเจ้าค่ะ"

"ไปทำไม" ได้ยินเช่นนั้นจึงถามด้วยความสงสัย เมื่อก่อนไม่เห็นนางใส่ใจซ่งอี้หนานเลยสักหน แล้วครานี้เหตุใดจู่ๆถึงได้สนใจขึ้นมาเล่า

"ข้าให้ซุนอิ๋งเตรียมยุเหวียนเชียวให้เจ้าค่ะ จำได้ว่าลูกชอบ ท่านพี่จะไปด้วยกันหรือไม่เจ้าคะ"

"ไม่!" กล่าวเสียงแข็งกระด้างพลางหมุนกายหันหลังเดินไปทางอื่นแทน แต่พลันไม่นานก็หยุดฝีเท้าลงและหันหน้ากลับมาหานางอีกครั้งหนึ่ง

"อย่าทำให้ลูกเสียใจ หาไม่ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!" นิ้วเรียวชี้หน้าอย่างข่มขู่เปล่งวาจาเสียงกร้าว และก้าวดุ่มๆเดินจากไป จูลี่จินเบะปากตามหลังด้วยความหมั่นไส้ ในสายตาของเขา นางไม่มีอะไรดีเลยสินะ แต่ก็สมควรแล้วล่ะ หากคิดดูดีๆที่ผ่านมานางก็ร้ายกาจมากจริงๆ จูลี่จินคิดพลางถอนหายใจออกมาเบาๆจากนั้นจึงหันหลังก้าวเดินไปยังจุดหมายต่อไป

ทางด้านซ่งอี้หนานเมื่อได้เห็นคนเป็นแม่ก็รู้สึกแปลกใจไม่น้อย ทว่าความดีใจกลับมีมากกว่า ท่านแม่มาหาเขาถึงหอนอน อีกทั้งยังนำของโปรดมาให้อย่างเอาใจและยังอยู่ป้อนยุเหวียนเชียวให้เขาจนหมดถ้วย อีกทั้งยังรับปากว่าวันว่างจะไปขี่ม้าเล่นเป็นเพื่อนเขา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel