บทที่ 6
สเกาท์ถูกนำมานอนอยู่บนเตียงแคบๆ ภายในห้องนอนพิเศษที่มีอยู่ในบ้าน... เป็นเวลาหลายวันที่แชนทอลแทบ ไม่ได้ออกจากห้องนั้นเลย เธอจะนั่งอยู่ข้างเตียง รับฟังเสียง ครางของเขาด้วยความร้อนรนกระวนกระวายใจอย่างบอก ไม่ถูก คอยซับเหงื่อ เช็ดเนื้อตัวให้ และตรวจตราแผลผ่าตัดว่ามีอาการติดเชื้อบ้างหรือไม่
แม้จะมีหลายคนอาสาที่จะช่วยดูแลเขาเพื่อให้เธอได้พักผ่อนบ้าง... แต่แชนทอลปฏิเสธโดยสิ้นเชิง ผู้ชายคนที่นอนอยู่บนเตียงในขณะนี้ ดูจะดึงดูดทั้งความคิดและเวลาของเธอไปรวมไว้จนหมดสิ้น และเธอก็เฝ้าอธิษฐานขอให้เขาอยู่รอดปลอดภัยพ้นจากภาวะที่เป็นอยู่ขณะนี้เสียที
เธอฉีดเพนนิซิลินให้เพื่อไม่ให้เกิดอาการติดเชื้อขึ้น ไม่ใคร่สบายใจเท่าไรนักที่ไม่สามารถฉีดมอร์ฟีนให้เขาเกินหนึ่งเข็มได้ เมื่อฤทธิ์ยาเริ่มคลายลง เมื่อสเกาท์เริ่มส่ายศีรษะอยู่ไปมา และพูดอะไรพึมพำอย่างจับใจความไม่ได้ พร้อมกับเหวี่ยงขาเปะปะ เปลือกตาเริ่มกระตุก เธอจะเอาเหล้าที่หมักขึ้นเองในหมู่บ้านป้อนใส่ปากเขา
ขณะเอาถ้วยเหล้าจรดริมฝีปาก เธอจะประคองศีรษะเขาไว้กับทรวงอก เหล้าจะลามไหลเข้าไปในปากของเขาทีละน้อยจนหมดถ้วย หลังจากนั้นเธอจะใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าตาเนื้อตัวให้
ตลอดเวลาที่เฝ้าพยาบาลเขาอยู่ แชนทอลพยายามที่จะตัดความรู้สึกเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาออกไปจากความคิดแต่ทุกครั้งที่เธอเอาโกโก้ไล้ริมฝีปากให้นั้น มันเตือนใจให้นึกถึงจูบที่เขามอบให้ในคืนวันนั้น มันทำให้เธอเกิดความไม่แน่ใจว่าเขาจะชิงชังเธอมากแค่ไหน เมื่อรู้ความจริง ว่าเธอจะมีเจตนาที่จะลักพาตัวเขามาเช่นนี้
และตอนนั้นเองที่... ที่เธอบังเกิดความไม่แน่ใจในพฤติกรรมของตนเอง สิ่งที่เธอกระทำลงไปนั้นต้องถือว่าเป็นความกล้าหาญชาญชัยอย่างยิ่ง มันเป็นการเสี่ยงต่อกฎหมายอย่างไม่มีทางปฏิเสธได้เลย
แต่แชนทอลรู้ดี ว่าการที่เธอทำเช่นนั้นด้วยเหตุผลเพียงประการเดียว... เพราะเธอไม่มีทางเลือก คนเราย่อมรู้สึกสิ้นหวังได้เมื่อทางเลือกที่เคยมีอยู่สูญสลายลง
ขณะนั่งมองหน้าเขาอยู่ข้างเตียงนั้น แชนทอลหวังแต่เพียงว่า เมื่อเธออธิบายถึงเหตุผลที่ทำให้เธอต้องทำลงไปนั้นสเกาท์จะเข้าใจ และรู้ซึ้งถึงความสิ้นหวังที่กำลังเกิดอยู่กับเธอและเขาน่าจะยินดีให้ความร่วมมือกับเธอด้วย
ในตอนค่ำของวันที่สามที่เธอเพิ่งได้รู้ว่าเขาไม่ได้ขยับขาข้างที่ได้รับบาดเจ็บเลย มันทำให้เธอเริ่มเกิดความประหวั่นว่าการผ่าตัดจะเกิดความผิดพลาด... และไปถูกเส้นประสาทสำคัญเข้า ทั้งนี้เพราะกระสุนนัดนั้นฝังลึกอยู่ในกล้ามเนื้อ
เพื่อเป็นการตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอจึงลองหยิกนิ้วหัวแม่เท้า เขาไม่เพียงแต่จะนิ่วหน้า แต่ยังชักหัวเข่าขึ้นมาถึงยอดอกอีกด้วย ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บก่อนจะค่อยๆ ยืดขาลง
แชนทอลตัดสินใจว่าถึงเวลาที่ควรจะปล่อยให้เขาตื่นขึ้นได้แล้ว...
เขาจ้องมองเพดานห้องอยู่ครู่ใหญ่ จากเก้าอี้พนักตรงข้างเตียงที่นั่งอยู่นั้น เธอสามารถบอกได้ ว่าเขากำลังพยายามทบทวนความทรงจำของตนเองอยู่
ในที่สุด เขาก็สูดลมหายใจลึกพลิกศีรษะมาทางด้านหน้า มองผ่านมุ้งที่ครอบอยู่ตรงมาที่เธอ กะพริบตาถี่ๆ
“คุณ…” หางเสียงเขาไม่ได้บอกว่าจำได้
“แชนทอล ดูปองท์ ไงคะ” น้ำเสียงที่เธอตอบออกไปไม่ได้ต่างกว่าเสียงกระซิบ
“ตอบเบาๆ ก็ได้... ไม่จำเป็นต้องตะโกนพูดกับผมหรอก... ” เขานิ่วหน้า แลบลิ้นเลียริมฝีปาก สัมผัสรสชาติโกโก้ที่เธอทาไว้ให้ และราวกับจะทดสอบเพื่อความแน่ใจ เขาก็ลองเลียดูอีก “ผมอยู่ที่ไหนกันนี่”
“คุณจำไม่ได้เลยหรือคะว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
เขาส่ายหน้าช้าๆ สายตาไม่ได้คลาดคลาจากใบหน้าเธอเลย เมื่อพยายามจะลุกขึ้นนั่งก็ต้องครางออกมาด้วยความเจ็บทิ้งศีรษะลงบนหมอนอีกครั้ง
“จีซ...” เขายกมือขึ้นปิดตา “ผมปวดหัวจนกะโหลกแทบแตกอยู่แล้ว สงสัยว่าเมื่อคืนนี้งานปาร์ตี้คงจะต้องเล่นกันหนักมากทีเดียว”
จากคำพูดของเขาแสดงให้เห็นว่าเขาไม่รู้เลยว่ามันมีอะไรเกิดขึ้นกับตัวเองบ้าง แต่ถ้าให้เวลาบ้าง เขาจะต้องนึกได้อย่างแน่นอน
ทันใด เธอก็สังเกตเห็นว่าร่างกายของเขามีอาการตึงเครียดเกิดขึ้น เขาลดมือที่ปิดดวงตาลง หันมามองหน้าเธออีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้เป็นการจ้องมองด้วยความอาฆาตแค้นหนวดเคราที่ไม่ได้โกนมาตลอดสามวันทำให้ใบหน้าของเขาดุดันน่ากลัว
“ที่ผมต้องมานอนแช่อยู่อย่างนี้ คงจะไม่ได้เกิดเพราะฤทธิ์เมาจนหมดสติใช่ไหม”
เธอสั่นศีรษะ พวงผมเป็นประกายเลื่อมลายอยู่กับแผ่นหลัง
เขาพ่นคำผรุสวาทออกมา แต่แล้วก็ระบายลมหายใจบางเบา ขณะเหลือบมองต้นขาอันเป็นต้นเหตุแห่งความเจ็บที่ได้รับอยู่ในขณะนี้ เธอจับตามองขณะที่เขาใช้มือลูบไล้บริเวณที่เกิดบาดแผลเบาๆ เมื่อมือสัมผัสกับผ้าพันแผล เขาก็เหลือบตาขึ้นมองหน้าเธออีกครั้ง
“ผมนึกออกแล้ว คุณนั่นเองที่เป็นคนยิงผม”
“มันเป็นอุบัติเหตุนะคะ” น้ำเสียงของเธอบอกความร้อนใจ
“ไม่ใช่แน่”
“ฉันยอมรับว่าใช้ปืนจี้คุณไว้ แต่ที่ฉันทำอย่างนั้นมีเจตนาเพียงแค่ขู่เท่านั้น ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าปืนกระบอกนั้นบรรจุลูกไว้”
“แต่มันเป็นปืนของคุณเอง ผมเห็นว่าคุณหยิบออกมาจากกระเป๋าถือ”
“ฉันสั่งอังเดรให้เขาไปหาปืนมาให้ฉันกระบอกหนึ่ง แต่เขาไม่ได้บอกฉันเลยนะคะว่าใส่ลูกมาด้วย”
สเกาท์ยกมือขึ้นทาบหน้าผากอีกครั้ง
“แล้วนายคนนั้นเป็นใครกัน…”
ชื่ออังเดรคะ คนที่ตีหัวคุณนั่นแหละ”
“รู้สึกว่าเขาทำงานได้ดีมากทีเดียวนะ”
“ฉันเองก็นึกไม่ถึงว่าเขาจะกล้าทำถึงขนาดนั้น...” แชนทอลพูดเสียงอ่อย
“ผมว่ากะโหลกคงร้าวแล้วละมั้ง”
“ไม่ใช่เพราะถูกตีหรอกค่ะ เพราะเหล้าต่างหาก”
“เหล้า... ”
“ฉันคอยเอาเหล้ากรอกใส่ปากเพื่อให้คุณหลับค่ะ”
“เพื่ออะไรกัน”
“เพราะฉันรู้ว่าคุณกำลังเจ็บมาก และมอร์ฟีนก็หมดพอดี มันหายากมากเลยค่ะ เพราะฉัน...”
เขายกมือขึ้นห้ามไม่ให้เธอพูดต่อ... แต่เพียงแค่นั้นยังต้องอุทานออกมาด้วยความเจ็บ... ทำให้เขาต้องหลับตาลงแชนทอลลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินไปชะโงกหน้าอยู่ที่มุ้งก่อนจะยื่นมือเข้าไปวัดอาการไข้ด้วยการเอามือแตะลงตรงหน้าผากปรากฏว่าไม่มีความร้อนสูงผิดปกติแต่อย่างใด สัมผัสนั้นทำให้เขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง
“แผลผมรุนแรงมากไหมนี่”
“ไม่มากนักหรอกค่ะ ฉันผ่าเอากระสุนออกให้แล้ว”
“คุณน่ะเรอะ”
“ใช่ค่ะ แล้วก็ยังดีใจไม่หายที่ไม่พลาดไปตัดเส้นประสาทเข้า” เธอไม่ได้บอกให้เขารู้ว่าสามารถล่วงรู้ในสิ่งนี้ได้อย่างไร เขาคงไม่พอใจนักถ้าได้รู้ว่าเธอถึงกับลงทุนหยิกหัวแม่เท้าเพื่อทดสอบการทำงานของประสาท
“คุณจะมีความรู้สึกว่าขาแข็งไปชั่วระยะหนึ่ง แต่อีกสักสองอาทิตย์อาการก็จะดีขึ้น” เธอหยิบถ้วยกระเบื้องเคลือบขึ้นมาจากถาดที่วางอยู่บนโต๊ะหัวเตียง รินน้ำที่ผสมด้วยอะไรบางอย่างที่มีอยู่ในกาลงในถ้วยแล้วจึงยื่นให้
“ดื่มนี่เสียก่อนเถอะค่ะ”
เขารับถ้วยมาสูดดมอย่างระแวง
“นี่อะไร ยาเสพติดหรือว่าเหล้า”
“ยาสมุนไพรที่ต้มไว้ค่ะ... มีสรรพคุณรักษาอาการภายในได้อย่างดีทีเดียว และจะทำให้ร่างกายคุณแข็งแรงขึ้นด้วยคุณเสียเลือดมากก็เลยออกจะอ่อนเพลียไปหน่อย ฉันไม่มีทางจะหายาที่ดีกว่านี้ให้คุณได้” เธอจ่อถ้วยเข้ากับริมฝีปาก แต่เขาไม่ยอมดื่ม
“ทำไมคุณถึงไม่พาผมไปโรงพยาบาลล่ะ”
“ฉันทำยังงั้นไม่ได้หรอก” เธอร้องอย่างตกใจ “ถ้าขืนไป ฉันก็ต้องเล่าเรื่องที่คุณถูกยิงให้เขาฟัง แล้วก็คงถูกจับกันพอดี”
“ก็ใช่นะสิ ในเมื่อคุณเสี่ยงที่จะลักพาตัวใครคนหนึ่งมาแถมยังยิงเขาเสียอีก มันก็เป็นโทษทัณฑ์ที่คุณสมควรจะได้รับอยู่แล้วนี่เจ้าหญิง”
“ฉันน่ะเต็มใจจะรับผิดชอบในผลการกระทำของตัวเองอยู่แล้วละ แต่ต้องเป็นภายหลังเมื่อฉันหมดความต้องการใช้คุณเสียก่อน เอาละ ดื่มนี้เสีย” น้ำเสียงที่พูดแข็งกร้าวขึ้น
คำพูดของเธอก่อให้เกิดความสงสัยอย่างยิ่ง เขาผลักมือที่ยื่นถ้วยอยู่ออก
“คุณลักพาตัวผมมาทำไม”
“ก็ฉันบอกคุณแล้วไงล่ะว่า เรามีความจำเป็นที่จะต้องได้ตัวคุณมา”
“เพื่ออะไร มันเกิดอะไรขึ้นกับคุณยังงั้นเรอะ”
“ฉันไม่เข้าใจคำถามของคุณ”
“ที่ผมถามอย่างนี้มันหมายความว่า คุณจำเป็นถึงขนาดต้องยิงผู้ชายคนหนึ่งเพื่อจะลักพาตัวให้เขามานอนกับคุณยังงั้นใช่ไหม”