บทย่อ
สเกาท์ ริทแลนด์ วิศวกรหนุ่มผู้มีคู่หมั้นแสนสวยคอยวันแต่งงานอยู่แล้ว ถูกวางแผนจับตัวอย่างน่าเจ็บใจไปยังแผ่นดินที่ไร้ความศิวิไลซ์โดยสาวสวยผู้ลึกลับนางหนึ่ง... แซนทอล ดูปองท์ มุ่งหมายเพียงให้เขาสร้างสะพานให้เท่านั้น ทั้งคู่ต่อต้านกันอย่างหนักในตอนแรก ก่อนที่จะค่อย ๆ ยอมรับความจริงว่าต่างทรมานและโหยหาในกันและกันเพียงใด
บทที่ 1
ดวงตาสีม่วงเข้ม... พวงผมสยายพลิ้วเลื่อมลายเรือนร่างสูงโปร่งงามระหง...นั่นคือ สิ่งที่สเกาท์ ริทแลนด์ประมวลได้จากภาพหญิงสาวผู้ยืนอยู่ฟากตรงข้ามของห้องบอลล์รูมแห่งนั้น ความงามของเธอช่างโดดเด่นเหนือสตรีใดผู้เป็นแขกรับเชิญให้มาร่วมงานในวันนี้
ระหว่างเขาและเธอคือแขกเหรื่อในชุดแบล็ค-ไทที่กำลังหาความสำราญให้กับตนเอง สิ่งที่ช่วยเร่งเร้าอารมณ์ให้เริงรื่นยิ่งขึ้น คือพั้นช์ที่ผสมขึ้นด้วยผลไม้พื้นเมืองเขตร้อน ทั้งรสชาติและอิทธิพลของมันรุนแรงพอที่จะทำให้ใครบางคนอยากเปลือยกายกระโดดลงสู่ห้วงมหาสมุทรแปซิฟิกได้
แต่สเกาท์ยังไปไม่ไกลถึงขั้นนั้น เพียงแต่เขารู้จักอารมณ์กับความรู้สึกรื่นรมย์ที่กำลังเกิดอยู่กับตนเองในยามนี้ได้อย่างดี เสียงของมันดังกึกก้องราวกับเสียงนกกลางคืนที่กรีดร้องก้องราวป่าที่รายล้อม คอรัล รีฟ รีสอร์ต ที่บรรยากาศเต็มไปด้วยความงดงามน่าประทับใจ และกำลังเฉลิมฉลองในโอกาสเปิดบริการครั้งแรกค่ำคืนนี้
ความรุนแรงของพั้นช์มีอิทธิพลมากพอที่จะดึงดูดแขกเหรื่อทั้งหลายให้หันหน้าเข้าสนทนาปราศรัยกัน แม้ไม่เคยรู้จักมักคุ้นกันมาก่อน จริยธรรมดูจะถูกลบเลือนให้หายไปอย่างน้อยก็ชั่วระยะเวลาหนึ่ง และดูจะส่งเสริมอารมณ์รักให้เริงโลดขึ้นได้โดยง่าย
แม้เป็นเช่นนี้ สเกาท์จึงจ้องมองหญิงสาวในชุดสีขาวแนบเนื้อ โดยไม่คิดจะอำพรางความรู้สึกของตนเองว่าเขามองเห็นเธอเป็นเพียงวัตถุทางเพศเท่านั้น
เกาะที่มีชื่อว่าพาร์ริช ไอส์แลนด์ นี้... มักจะสร้างผลกระทบให้เกิดขึ้นแก่จิตใจของผู้ที่มาเยี่ยมเยือนได้เสมอ... บรรยากาศบนเกาะแห่งนี้ ซึ่งถ้ามองจากแผนที่ จะเห็นเป็นจุดเล็กๆ เพียงจุดหนึ่งในมหาสมุทรแปซิฟิกเท่านั้นมักจะสร้างความมึนเมาให้เกิดขึ้นได้ แม้บุคคลผู้นั้นจะไม่ได้ลิ้มรสชาติของพั้นซ์ที่นำมาเลี้ยงต้อนรับแขกเหรื่อในค่ำคืนนี้ก็ตาม
เพิ่งจะเมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี้เอง ที่สเกาท์ได้ทอดสายตาชมความงามของทัศนียภาพอันน่าติดตราตรึงใจของเกาะนี้อย่างแท้จริง เป็นครั้งแรกนับแต่วันที่เขาเดินทางมาถึงที่นี่เมื่อหลายเดือนก่อน ที่เขาเพิ่งได้มองผ่านกำแพง และผนังสีชมพู เปลือกหอยของหินอ่อนนั้นออกมา และเพิ่งจะเป็นครั้งแรกอีกเช่นกัน ที่เขาเห็นผลงานจากฝีมือของตนเอง ซึ่งเขาได้ทุ่มเททั้งกำลังกาย กำลังใจ ตลอดจนกำลังความคิดเพื่อจะสร้างโรงแรมสวยที่สุดบนเกาะแห่งนี้ขึ้นมา
และเพราะความที่เขาหมกมุ่นอยู่กับงาน ในความรับผิดชอบมาโดยตลอด เขาจึงไม่มีโอกาสที่จะได้ชมความงามและทัศนียภาพของเกาะแห่งนี้อย่างทั่วถึง ไม่มีโอกาสแม้แต่จะทำความรู้จักกับชาวพื้นเมืองผู้เปี่ยมด้วยอัธยาศัยไมตรีบนเกาะที่ยังอนุรักษ์ความงามตามธรรมชาติไว้อย่างเต็มที่
โดยเฉพาะชาวพื้นเมืองผู้เป็นหญิงสาวสวยในชุดราตรีสีขาว เธอช่างเด่นอะไรเช่นนั้น แต่ขณะเดียวกันท่าทางก็บ่งบอกความไว้ตัวอย่างเห็นได้ชัด มีความทะนงแฝงอยู่ไม่น้อย
เพราะเธอเห็นสายตาของเขาที่กำลังจ้องมองอยู่ จึงมองตอบกลับมา แต่แม้แววในดวงตาจะบ่งบอกความชื่นชมแต่มันก็ยังแฝงความเย็นชา และแล้ว ราวกับเธอจะตัดสินใจได้ ว่าทุกสิ่งที่เกี่ยวกับตัวเขาไม่ใช่สิ่งน่าสนใจเลยแม้แต่น้อยเธอจึงหมดความสนใจ และมองข้ามเขานับแต่วาระนั้น
ซึ่งการทำเช่นนั้น ยิ่งทำให้สเกาท์บังเกิดความสนใจในตัวเธอมากขึ้น เขาแน่ใจอย่างที่สุดว่าระหว่างที่รีสอร์ตดำเนินการก่อสร้างอยู่นั้น เขาไม่เคยเห็นหน้าเธอเลย ซึ่งหมายความว่าเธอต้องไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของโรงแรมที่เปิดรับสมัครกันไว้ ล่วงหน้า หรือเธอจะเป็นภรรยาของเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนใดคนหนึ่ง...
มันเป็นความคิดที่สร้างความท้อใจให้เกิดขึ้นได้โดยง่าย เขาจึงรีบปัดมันออกไปให้พ้นจากสมองพร้อมกับกระดกพั้นช์ในแก้วให้หายเข้าไปในลำคอด้วย
ถ้าเธอแต่งงานแล้ว สามีของเธออยู่ตรงไหนล่ะ... ผู้ชายสติดีคนไหนจะยอมให้ผู้หญิงที่มีความสวยเป็นเลิศเช่นเธอ หายตัวเข้าไปในท่ามกลางผู้ชายที่เข้ามาชุมนุมกันอย่างหนาแน่นในห้องนี้ โดยเฉพาะผู้ชายที่มีแต่ความเปล่าเปลี่ยว เนื่องจากห่างไอรักอันอบอุ่นในบ้านเรือนของตนเองมานานขนาดนี้ด้วย...
เป็นไปไม่ได้ สเกาท์จะไม่ยอมเชื่ออย่างเด็ดขาดว่าเธอแต่งงานหรือมีคู่หมั้นหมายแล้ว แต่... ถ้าเช่นนั้นเธอเป็นใครกันเล่า
มันเป็นความสงสัยที่แฝงลึกอยู่ในใจ ขณะที่เขากวาดสายตามองดูอาหารที่จัดขึ้นอย่างสวยงามวางรายเรียงอยู่บนโต๊ะบุฟเฟต์อย่างไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย ไม่ลืมที่จะให้เธออยู่ในสายตาเขาตลอดเวลาด้วย
“เป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมมากทีเดียว คุณริทแลนด์” เสียงคนใดคนหนึ่งที่เดินผ่านเข้ามาใกล้เอ่ยขึ้น
“ขอบคุณครับ”
บริเวณส่วนใหญ่ของตัวอาคารโรงแรมนั้นสร้างขึ้นไว้เหนือพื้นน้ำในทะเลสาบที่ราบเรียบ สเกาท์ได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับสถาปนิกผู้ออกแบบ และด้วยความสามารถอันล้ำเลิศของเขานั่นเอง ที่ทำให้ค่ำวันนี้เขาได้รับคำชมจนนับครั้งไม่ถ้วนไปด้วย ต้องสัมผัสมือกับใครต่อใครมากมายจนแทบชาด้าน ไหล่ช้ำเพราะถูกตบจากใครหลายคนที่ต้องการแสดงความยินดีกับเขาอย่างเป็นมิตรสนิทใจ
ดังนั้นสเกาท์จึงมีความรู้สึกว่าตนเองมึนเมากับการแสดงความยินดีมากกว่าฤทธิ์ของพั้นช์ที่ดื่มเข้าไป เขาแทรกตัวเข้าไปในกลุ่มผู้คน แน่นอน... ที่จุดหมายปลายทางของเขาจะต้องเป็นผู้หญิงคนนั้น ซึ่งขณะนี้กำลังหยุดยืนอยู่ตรงประตูโค้งที่เปิดออกสู่ลานเฉลียงเหนือพื้นน้ำในทะเลสาบ
เมื่อเขาเดินเข้าไปใกล้พอจะพูดจากันได้ยิน เธอก็หันขวับมาและมองตรงมายังเขา มันทำให้สเกาท์ถึงกับหยุดชะงักราวถูกตรึงอยู่กับที่ สูดหายใจลึกอย่างไม่รู้ตัว
ดวงตากลมโตคู่นั้น ซึ่งปลายหางตาเชิดขึ้นน้อยๆ ไม่ใช่สีม่วงเข้มอย่างที่เขาคิดในตอนแรก แต่เป็นสีฟ้าเข้มที่ราวจะมีแสงเรืองฉายออกมาจากภายใน มันเปี่ยมด้วยอำนาจและพลังอย่างไม่อาจประมาณได้
“สเกาท์ กำลังจะไปไหนล่ะนั่น โอ้โฮ... ผมดีใจจริงที่จับตัวคุณไว้ได้ทันก่อนที่คุณจะหายตัวไป”
มือของใครคนนั้นเอื้อมมาคว้าแขนไว้ ทำให้เขาต้องหันขวับไปมอง แต่ก็ประสานสายตากับเธออยู่นานมากเท่าที่จะทำได้
“สวัสดีครับ คุณเรย์โนลส์” เขาสัมผัสมือกับอีกฝ่ายหนึ่งที่ยื่นมาให้
“เรียกผมว่าโคเรย์เถอะน่า” บุรุษผู้มีความสำคัญอย่างยิ่งของโรงแรมแห่งนี้บอกสเกาท์ “งานชิ้นนี้ของคุณเยี่ยมยอดมากจริงๆ เบื่อที่จะต้องรับฟังคำชมแบบนี้บ้างหรือยังล่ะ”
“ไม่หรอกครับ” สเกาท์ตอบปนหัวเราะ
“ผมพูดกับทุกคนในบริษัทแล้วนะ และทุกคนก็แสดงความปลาบปลื้มยินดีกับผลงานของคุณอย่างมากทีเดียว”
“ขอบคุณครับ” สเกาท์ไม่อาจแสดงความหยาบคายต่อบุรุษผู้เซ็นเช็คสั่งจ่ายเงินก้อนมหึมาให้กับเขาได้ แต่หลังจากนั้นเมื่อเขาเหลือบสายตาไปทางเธอ ปรากฏว่าเธอได้หายตัวไปแล้ว
“มันไม่ใช่เรื่องที่เราจะละเลยกันได้ง่ายๆ หรอกนะ” โคเรย์ เรย์โนลส์ กล่าวต่อ “โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเราจะพิจารณากันถึงว่า ในระหว่างที่โรงแรมกำลังก่อสร้างอยู่ คุณต้องผจญกับปัญหามากมายแค่ไหน”
“คุณหมายถึงทัศนคติของชาวพื้นเมืองที่นี่ซึ่งมีต่อการสร้างโรงแรมขึ้นใช่ไหมครับ” สเกาท์เอ่ยถามออกไปและอีกฝ่ายหนึ่งก็พยักหน้ารับ “มันก็จริงอยู่หรอกครับเพราะดูเหมือนพวกเขาจะไม่ยอมทำความเข้าใจกับความหมายของ... เส้นตาย... หรือการทำงานวันละแปดชั่วโมงเอาเสียเลย” เขาถอนหายใจเบาๆ
“ไม่ว่าเราจะใช้วิธีการเร่งรัดด้วยการเพิ่มเงินค่า ล่วงเวลาขึ้นก็ดูจะไร้ประโยชน์ด้วยเช่นกัน แต่สำหรับเรื่องพวกนี้ผมไม่ค่อยหนักใจเท่าไหร่หรอกครับ จริงๆแล้วเรื่องที่หนักใจที่สุดในระหว่างการก่อสร้างก็คือเรื่องการลักเล็กขโมยน้อยนั่นแหละครับ เพราะฉะนั้นผมเห็นจะต้องขอโทษอีกครั้ง ที่ทำให้งบประมาณเกี่ยวกับวัสดุอุปกรณ์ต้องเพิ่มอยู่ตลอดเวลา”
“อันที่จริงมันก็ไม่ใช่ความผิดของคุณเลยที่ของมันจะหายไปบ้าง ผมก็รู้ว่าคุณเองก็ใช้ความพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะจับขโมยให้ได้อยู่แล้ว”
“มันแย่จริงๆ…” สเกาท์ถอนหายใจ “ผมไม่ได้หลับได้นอนติดๆ กันถึงสี่คืนกว่าจะจับเจ้าวิลี่หัวขโมยนั่นได้คืนที่ผมคิดว่าเราน่าจะนอนพักกันได้แล้ว มันก็เล่นงานเราคืนนั้นเลย”
จากปลายหางตาเขาเห็นกระโปรงสีขาวไหวพลิ้วอยู่เมื่อหันไปมองทางลานเฉลียงเต็มตา ปรากฏว่าตรงนั้นกลับไม่มีใครเลย... นอกจากแสงสว่างจากดวงจันทร์กับกลิ่นน้ำเค็มที่ลอยล่องอยู่ในสายลม หรือว่าเธอจะซ่อนเร้นอยู่ในท่ามกลางแมกไม้...
“...กับตัวเอง... ”
“อะไรนะ...” มิสเตอร์เรย์โนลส์กำลังถามอะไรเขาอยู่หรือ… “ไม่ได้ครับ ผมยังไม่เคยเห็นทัศนียภาพของเกาะนี้อย่างเต็มตาเลย เพิ่งจะสังเกตเห็นบริเวณโดยรอบโรงแรมวันนี้เองก็เลยคิดว่าจะลองใช้เวลาสักหนึ่งอาทิตย์สำรวจให้ทั่วก่อนบินกลับบ้านน่ะครับ”
“นับว่าเป็นความคิดที่ดีทีเดียว ควรจะเที่ยวให้ทั่วเสียก่อนที่จะแต่งงาน ยังไม่เปลี่ยนความตั้งใจไม่ใช่หรือ”
“กำหนดไว้ปลายเดือนหน้าครับ”
“งั้นหรือ... ” มิสเตอร์เรย์โนลส์ถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส “แล้วตอนนี้คุณคอลแฟ็กซ์เป็นยังไงมั่งล่ะ”