บทที่ 2
โคเรย์ เรย์โนลส์... ได้รับการแนะนำให้รู้จักกับเจนนิเฟอร์ คอลแฟ็กซ์ ในงานเลี้ยงอาหารค่ำในบอสตัน อันเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของเรย์โนลส์ กรุ๊ป ซึ่งตอนนั้นคอรัล รีฟ ยังเป็นเพียงโครงการ และอยู่ในระหว่างการปรึกษาหารือเท่านั้น ดังนั้นสเกาท์จึงภูมิใจไม่น้อยที่นายใหญ่ของเรย์โนลส์ กรุ๊ป ยังจดจำชื่อคู่หมั้นของเขาได้ เขารู้ว่าเจนนิเฟอร์สามารถสร้างความประทับใจให้เกิดขึ้นกับทุกผู้ที่พบเห็นได้เสมอ
“จากจดหมายที่ส่งมา... รู้สึกว่าสบายดีมากทีเดียวครับ” สเกาท์ตอบ
“แล้วยังสวยเหมือนเดิมหรือเปล่าล่ะ”
“มากทีเดียวละครับ” สเกาท์ตอบปนหัวเราะ
“รู้สึกว่าคุณเป็นผู้ชายที่มีความเชื่อมั่นสูงมากนะ... กล้าทิ้งคู่หมั้นสาวสวยขนาดนั้นให้อยู่ตามลำพังได้” มิสเตอร์เรย์โนลส์หัวเราะอยู่ในลำคอ
“ก็เราทำความเข้าใจกันก่อนหน้าที่ผมจะมาทำงานที่นี่แล้วนี่ครับ และตอนที่ผมอยู่ห่างไกลอย่างนี้ ผมก็ไม่อยากเห็นเขาต้องนั่งเหงารอผมอยู่ที่บ้านเพียงลำพังหรอกครับ ผมเอ่ยปากอนุญาตไว้แล้ว ว่าเขาจะออกเดทกับใครก็ได้ ตราบใดที่เขารักษาความสัมพันธ์ไว้เพียงแค่ฉันท์เพื่อนเท่านั้น”
“ซึ่งนอกเหนือจากความเชื่อถือไว้วางใจในตัวคู่หมั้นแล้ว คุณก็ยังเป็นคนที่มีใจคอกว้างขวางมากอีกด้วย... แต่ถึง ยังไงผมก็ยังเชื่อว่าคู่หมั้นของคุณคงอยากให้คุณกลับไปหาเร็วๆ แน่”
“ตอนฤดูร้อนที่ผ่านมานี่ เขาเดินทางไปเที่ยวยุโรปครับ” สเกาท์ตอบพลางยักไหล่ “แล้วก็ไปหลายอาทิตย์ด้วยนอกจากนั้นก็ยังมีร้านขายของเก่าของป้าที่จะต้องดูแลอีกด้วยเพราะฉะนั้นเขาเองก็คงไม่ค่อยว่างเท่าไหร่นักหรอกครับ”
“งั้นหรือ... ” น้ำเสียงบอกให้รู้ว่าเป็นการสนองต่อคำพูดของเขาตามมารยาทมากกว่า “แล้วเขาทำอะไรที่ร้านนั่นบ้างล่ะ”
สเกาท์ไม่แน่ใจว่าเขาควรจะพูดความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่ เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าเจนนิเฟอร์เป็นคนจับจด
ไม่ใคร่จริงจังกับเรื่องงานที่ทำอยู่เท่าไรนัก
“ก็คงทำโน่นนิดนี่หน่อยแหละครับ” เขาตอบอย่างเสียไม่ได้
“ภรรยาผมก็แบบเดียวกันนั้นแหละ ผมหมายถึงถ้าเขาพอมีเวลาว่างไม่ออกไปช็อปปิ้งนะ” โคเรย์ เรย์โนลส์เสริมด้วยเสียงหัวเราะ ยกแก้วพั้นช์ขึ้นจิบ “น่ารักดีนะ”
สเกาท์มองตามสายตา และพบว่านายจ้างกำลังจับตามองหญิงสาวชาวพื้นเมืองคนหนึ่ง ซึ่งได้รับการว่าจ้างให้มาเสิร์ฟคานาเบ้ในคืนนี้ สาวน้อยอยู่ในโสร่งลวดลายดอกไม้สีจัดจ้านที่พันไว้รอบร่างอย่างมีศิลป์ เธอก็เช่นเดียวกับหญิงสาวพื้นเมืองคนอื่นๆ รูปร่างเล็กแบบบางหน้าตาจัดอยู่ในขั้นสวยมาก พวงผมเป็นสีดำสยายยาวเคลียไหล่ ดวงตากลมโตหวานหยาดเยิ้ม ใบหน้าเกลื่อนอยู่ด้วยรอยยิ้มตลอดเวลา
“ถึงแม้ผมจะมีคู่หมั้นและใกล้จะแต่งงานเต็มทีแล้ว แต่ก็ยังอดสังเกตเห็นไม่ได้... ว่าสิ่งที่ธรรมชาติมอบให้เกาะพาร์ริช ไอส์แลนด์นี่ คือผู้หญิง... ที่สวยเหมือนๆ กันหมดทุกคน” สเกาท์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
และเรย์โนลส์ก็หันกลับมามองหน้าเขาอย่างสนใจอีกครั้ง
“ในช่วงที่รอเวลาเพื่อจะเดินทางกลับนี่คุณคิดว่าจะทำอะไรต่อไปล่ะ”
“ผมก็คงต้องทำให้หายไปสักพัก หลบหนีไปอยู่ที่ไหนสักแห่งให้พ้นจากพวกคนงานที่ทำงานล่าช้าจนน่าเบื่อหน่ายพวกนั้นแล้วก็เสียงกริ่งโทรศัพท์... ” สเกาท์ตอบยิ้มๆ “ผมอาจจะยิงนกตกปลาไปตามเรื่อง หรือไม่ก็นอนกลิ้งเกลือกอยู่บนชายหาดโดยไม่ทำอะไรเลยไงล่ะครับ” เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้บอกกับคู่สนทนาด้วยน้ำเสียงขบขันว่า
“และถ้าบังเอิญผมเกิดถูกหญิงสาวชาวเกาะที่สวยน่ารัก เดินเปลือยอกอยู่ตลอดเวลาจับตัวไว้ล่ะก้อ อย่าหวังว่าจะตามตัวผมกลับได้ง่ายๆ”
โคเรย์ เรย์โนลส์ หัวเราะอย่างขบขัน ตบหลังชายหนุ่มอย่างรักใคร่
“คุณนี่ชั่วร้ายพอตัวทีเดียวนะ ผมชอบอารมณ์ขันแบบนี้ของคุณ คุยด้วยแล้วสบายใจดี” ทั้งสองต่างสัมผัสมือกันอีกครั้งหนึ่งที่โคเรย์ เรย์โนลส์ แสดงความยินดีกับผลงานชิ้นยอดเยี่ยมนี้ “เอาไว้เมื่อกลับถึงบอสตันแล้วเราค่อยพบกันนะ ผมยังมีโครงการในอนาคตที่อยากคุยกับคุณ เพราะฉะนั้นเมื่อกลับไปถึงที่นั่น ให้ผมกับคุณเจนนิเฟอร์ คู่หมั้นสาวสวยของคุณได้กินอาหารกลางวันร่วมกันสักมื้อนะ”
“ด้วยความยินดีอย่างยิ่งครับ ขอบคุณท่านมาก”
ขณะจับตามองบุรุษสูงอายุเดินจากไป สเกาท์แทบจะระงับความตื่นเต้นไว้ไม่ได้ โดยความเป็นจริงแล้วเขาไม่เคยคิดอยากจะเข้าร่วมกับเดอะ เรย์โนลส์ กรุ๊ป แม้แต่น้อย มีความรู้สึกว่าบุคลิกลักษณะของตนเองไม่สามารถจะเข้ากับนักบริหารเหล่านั้นได้
แต่เขาย่อมต้องการสัญญาใหม่เพื่อทำงานร่วมกับคนกลุ่มนี้อย่างไม่ต้องสงสัยเลย ซึ่งดูเหมือนว่าโคเรย์ เรย์โนลส์เองก็หมายมั่นเรื่องนี้อยู่ในใจเช่นกัน
คอรัล รีฟ รีสอร์ตแห่งนี้ คืองานชิ้นแรกที่สเกาท์รับทำ และได้รับความสำเร็จสูงมาก เขารู้ถึงความสำเร็จครั้งนี้ตั้งแต่บริษัทนายทุนอยู่ในระหว่างการตัดสินใจว่าจะเลือกใครเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างเสียด้วยซ้ำ
ภายหลังจากได้คุยกับโคเรย์ เรย์โนลส์ แล้ว สเกาท์มีความรู้สึกว่าบัดนี้เขามีอะไรบางอย่างที่ควรแก่การฉลองบ้างแล้ว
เขาเอื้อมไปหยิบแก้วพั้นช์จากบริกรที่เดินผ่านมาแล้วจึงได้เดินเลยออกไปยังลานเฉลียงด้านนอก
ผนังด้านนอกของรีสอร์ตแห่งนี้ได้รับการตกแต่งด้วยพุ่มเฟื่องฟ้าหลากสีสัน ซึ่งขณะนี้แต่ละต้นกำลังออกดอกบานสะพรั่งอวดสีสันจัดจ้านอย่างภาคภูมิใจ ไม่ว่าจะเป็นด้านนอกหรือด้านในของอาคารแห่งนี้ ไม่มีการประหยัดเงินเพื่อการตกแต่งให้สวยงามเลย
ในกระถางลายครามอันหาค่าไม่ได้นั้นคือเฟิร์น และปาล์มที่เกาะกลุ่มกันอยู่ ต้นพลูเมเรียที่ขึ้นอยู่ตามธรรมชาติได้รับการตัดแต่งให้ได้รูปทรงสวยงาม และที่สร้างความสวยงามให้กับอาณาบริเวณโดยรอบตัวอาคารโรงแรม คือ คบเพลิงที่ตั้งไว้ตามตำแหน่งต่างๆ สองข้างทางเดินที่คดเคี้ยวผ่านเข้าไปในท่ามกลางสวนไม้ดอก
จากลานเฉลียงนั้น จะมีบันไดช่วงสั้นทอดลงสู่ระดับเบื้องล่าง ด้านหนึ่งของบันไดนั้นจะทอดโค้งไปทางด้านซ้ายมือสู่สระว่ายน้ำที่มีน้ำตกจำลอง และอ่างน้ำพุที่ได้รับการตกแต่งไว้อย่างสวยงามมาก ส่วนอีกด้านหนึ่งจะทอดสู่ชายหาดซึ่งพื้นทรายเป็นสีขาวผ่อง ราวริบบิ้นสีเงินที่ทอดตัวอยู่ระหว่างพื้นพรมหญ้าสีเขียวเข้มกับยอดคลื่นสีขาวฟูฟ่อง
ผู้ที่แสวงหาความเป็นส่วนตัวได้ปลีกตัวออกมาจากห้องบอลล์รูม นักธุรกิจชาวเอเชียกลุ่มหนึ่งปรึกษาหารือเรื่องงานกันอยู่ตรงโต๊ะเหล็กดัดที่ตั้งอยู่ตรงเฉลียงชั้นล่างใต้ต้นปาล์มใหญ่ หนุ่มสาวคู่หนึ่งกำลังจูบกันอย่างดูดดื่มไม่ได้สนใจกับใครทั้งสิ้นนอกจากกันและกันเท่านั้น ส่วนหนุ่มสาวอีกคู่หนึ่งก็เดินจูงมือกันอยู่ชายน้ำ ทั้งที่ยังอยู่ในชุดราตรี รองเท้าเกี่ยวอยู่กับปลายนิ้ว
ในท่ามกลางแสงจันทร์อันอำไพมีร่างของใครคนหนึ่งยืนโดดเดียวอยู่ และสเกาท์ที่ราวตกอยู่ในสภาพโดนสะกดจิต ก็เดินลงบันไดช้าๆ ตรงเข้าไปหาเธอ แสงจันทร์ที่ส่องต้องชุดราตรีสีขาวชุดนั้น ทำให้เธอโดดเด่นอย่างประหลาด
เธอยังคงยืนนิ่งหันหน้าออกสู่ห้วงมหาสมุทรในท่าเดิม เพ่งสายตาจ้องมองพื้นน้ำราวสามารถสื่อความเข้าใจกับท้องทะเลหรือกำลังตั้งจิตอธิษฐานในสิ่งใดสิ่งหนึ่งอยู่
ชุดที่เธอสวมใส่อยู่ในค่ำคืนวันนี้ ชวนให้หัวใจวาบหวามเสียเหลือเกิน สเกาท์ครุ่นคิดอยู่ในใจขณะเดินช้าๆเข้าไปใกล้... เจนนิเฟอร์ไม่ชอบเสื้อผ้าแบบนี้แน่นอน ผู้หญิงชาวนิว อิงแลนด์น้อยนักที่จะสวมเสื้อผ้าแบบนี้ มันเป็นชุดที่เรียบง่าย แต่เซ็กซี่อย่างเหลือพรรณนา ลาดไหล่ข้างหนึ่งเปิดเปลือยขณะที่อีกข้างหนึ่งจับจีบระบายทิ้งชายพลิ้วพราย สายลมอ่อนที่โบยโบกอยู่ตลอดเวลา ทำให้เนื้อผ้าบางเบาแนบเน้นอยู่กับเรือนร่าง เน้นเนินทรวงและเนินสะโพกให้โดดเด่นขึ้น
ความคิดของสเกาท์ในยามนี้ เป็นเช่นเดียวกับที่บังคับให้นักบวชต้องบังคับตนเอง ให้ทำงานตามหน้าที่เท่านั้นจะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องอื่นไม่ได้
มันมีความละอายใจเกิดขึ้นแว่บหนึ่ง เมื่อเขาคิดไปถึงเจนนิเฟอร์ แต่แล้วก็บอกกับตัวเองว่าขณะนี้คู่หมั้นสาวสวยของเขาอยู่อีกซีกโลกหนึ่ง เกาะแห่งนี้ไม่เพียงแต่จะอยู่ห่างไกลจากเจนนิเฟอร์และบอสตันเท่านั้น แต่เหมือนอยู่อีกโลกหนึ่งด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นศีลธรรมกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่ใช้บังคับอยู่ในสังคมที่นั่น ย่อมไม่อาจนำมาใช้ในแผ่นดินที่ยังคงเป็นธรรมชาติไว้มากแห่งนี้ได้
เขาได้ทำงานหนักติดต่อกันมาเป็นเวลานานเดือนโดยไม่เคยพักผ่อนเลย เพราะฉะนั้น ถ้าเขาจะทดแทนด้วยการหาความสุขให้กับตนเองสักคืนหนึ่ง มันก็น่าจะทำได้ไม่ใช่หรือ...
มันก็ออกจะเป็นเรื่องน่าแปลกอยู่เหมือนกัน ที่เขาพำนักอยู่บนแผ่นดินที่มีความสวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก แต่ยังไม่เคยมีโอกาสได้ดื่มด่ำกับความงามของหญิงสาวบนเกาะแห่งนี้เลย