บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 (1)

รัฐอะเดลา...ภายในห้องโถงของตำหนักหรูหรา ผู้ที่เป็นเจ้าผู้ปกครองรัฐ พร้อมด้วยโอรสธิดา ต่างก็มีสีหน้าโกรธกริ้ว กำมือแน่น กัดฟันกรอดๆ หลังจากชีคฟาซิซต์ ประมุขแห่งอัสดารานส์ได้เดินทางมาแจ้งข่าวร้ายและเสด็จกลับไปก่อนหน้านี้ไม่กี่นาที

เจ้าชายอะเดลีผู้เป็นโอรส ซึ่งถูกปฏิเสธเรื่องการสู่ขอองค์หญิงฟาติย่ามาเป็นพระชายา ได้กำแก้วเหล้าในมือแน่น ดวงตาลุกวาวโดยไฟโทสะ และเมื่อระงับอารมณ์ไม่อยู่ เจ้าชายอะเดลีก็ไว้ขว้างแก้วเหล้า ซึ่งมีน้ำสีอำพันเหลืออยู่เกือบครึ่งแก้วไปยังฝาผนัง ซึ่งไม่รู้อีโหน่อีเหน่ด้วย แต่ก็ต้องกลายมาเป็นที่รองรับอารมณ์ของชายผู้สูงศักดิ์

เพล้ง!!!

แก้วเหล้าราคาแพงลอยละลิ่วไปปะทะกับฝาผนังจนแตกละเอียด น้ำสีอำพันไหลรินเป็นทางยาว ลงมาตามผนังห้องก่อนจะซึมเข้าไปในพรมเปอร์เซียราคาแพง ส่วนเจ้าชายผู้สูงศักดิ์ แต่ทว่าไม่ได้ทำตัวให้สมกับการเป็นมกุฎราชกุมารแห่งอะเดลา ได้ทุบมือลงไปบนโซฟาหลุยส์ติดกันหลายๆ ครั้ง ก่อนจะสบถออกมาอย่างอารมณ์เสีย

“บัดซบ! ไอ้ฟารีสต์กับนังฟาติย่ามันบังอาจมาก ที่ปฏิเสธเรื่องการเป็นทองแผ่นเดียวกันกับพวกเรา”

“ใช่! มันบังอาจมาก และคิดผิดอย่างมหันต์ที่ไม่รับน้องไปเป็นพระชายานั่งคู่ราชบัลลังก์”

องค์หญิงอลีมาเอ่ยออกมาด้วยความแค้นเคียงไม่แพ้กับผู้ที่เป็นเชษฐา นัยน์ตาทั้งสองวาวโรจน์ด้วยความเจ็บใจที่ชีคฟารีสต์ปฏิเสธเธออย่างไม่มีเยื่อใย ซึ่งไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี ชีคฟารีสต์ก็ไม่ยอมรับไมตรีจากเธอสักที ทั้งๆ ที่เธอนั้นพร้อมมอบทั้งกายและใจให้กับชีคหนุ่มผู้หล่อเหลา

“ชีคฟาซิซต์ ปฏิเสธที่จะรับลูกของพ่อไปเป็นลูกสะใภ้และลูกเขย แล้วลูกๆ ทั้งสองจะทำอย่างไรต่อไป”

ชีคอะเดลา เจ้าผู้ปกครองรัฐอะเดลา ได้แสดงอาการผิดหวังและเสียดายออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน ที่ไม่มีโอกาสได้รวมแผ่นดินทะเลทราย ให้เป็นแผ่นเดียวกันกับประเทศอัสดารานส์ ที่แสนมั่งคั่งไปด้วยสายแร่น้ำมัน ซึ่งหากได้เป็นทองแผ่นเดียวกันกับประเทศอัสดารานส์ ก็จะทำให้ประเทศของพระองค์พ้นจากคำว่าล้มละลาย เพราะตอนนี้ทรัพย์สินที่เคยเป็นของพระองค์ได้ถูกจำหน่ายไปหมดแล้ว พระองค์ โอรสและธิดา กำลังจะเข้าสู่สภาพ กลายเป็นบุคคลล้มละลาย รัฐ

อะเดลากำลังจะล้มสลาย หากไม่ได้รับการค้ำจุนจากประเทศอัสดารานส์ที่มั่งคั่งยิ่งนัก

องค์หญิงอลีมาจ้องมองพระบิดาเขม็ง ก่อนจะเอ่ยตอบเสียงเย็นอย่างไม่ยอมแพ้

“อลีมาไม่ยอมให้ชีคฟารีสต์ปฏิเสธอลีมาง่ายๆ แบบนี้หรอกเพคะ อลีมาปล่อยให้ชีคฟารีสต์วิ่งหนีความต้องการของอลีมา มานานหลายปีแล้ว ต่อไปอลีมาจะทำทุกวิธีทาง เพื่อครอบครองชีคฟารีสต์ให้ได้”

ที่ผ่านมาองค์หญิงอลีมาได้คว้าบุรุษอื่นเพื่อมาสนองตัณหาของเธอ โดยคิดว่าชายเหล่านั้นจะสามารถทำให้เธอลืมเรือนกายกำยำล่ำสันของชีคฟารีสต์ได้ แต่ตลอดระยะเวลาห้าหกปีที่ผ่านมา ไม่เคยมีชายใดทำให้เธอพึงพอใจ เรือนกายของบุรุษเหล่านั้นไม่สามารถทำให้เธอลืมกายแข็งแกร่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามและไรขนอ่อนๆ ที่ขึ้นประปรายเต็มหน้าอก ก่อนจะลับหายไปในขอบกางเกงว่ายน้ำได้ เธอมีโอกาสได้เห็นเรือนกายที่สมบูรณ์แบบ เสียยิ่งกว่าบุรุษอาหรับโบราณ ในขณะที่ชีคฟารีสต์ได้ลงแหวกว่ายออกกำลังกายในสระน้ำขนาดใหญ่ที่ตำหนักของพระองค์ เรือนกายที่งดงามของชีคฟารีสต์ ทำเอาเธอคลั่งและถวิลหาพระองค์อยู่ตลอดเวลา ซึ่งไม่มีชายใดที่จะทำให้เธอลืมชีคฟารีสต์ได้ และตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่เธอจะทำทุกอย่าง เพื่อให้ได้ชีคฟารีสต์มาครอบครอง

“พี่เองก็ต้องการองค์หญิงฟาติย่าเช่นเดียวกัน เกิดมาไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนที่มีผิวพรรณยองใยราวกับตุ๊กตาเจียระไน งดงามน่าฟัดน่ากินเหมือนองค์หญิงฟาติย่ามาก่อน หากไม่ได้ลิ้มลองดอกไม้สีสวยดอกนี้ พี่คงเสียชาติเกิดและคลั่งตายเป็นแน่”

พอได้พูดถึงองค์หญิงผู้สูงศักดิ์แห่งประเทศอัสดารานส์ เจ้าชายอะเดลีก็บังเกิดความกระสั่นอยาก แก่นกายเบื้องล่างเต้นตุบๆ สั่นระริก อยากจมดิ่งเข้าไปในเรือนร่างอันแสนงดงามขององค์หญิงฟาติย่าที่ตนเองเฝ้ามอง เฝ้าโลมเลียผ่านสายตามานานนับหลายปีแล้ว

“หากพวกเจ้าทั้งสองคนสามารถครอบครององค์หญิงฟาติย่าและชีคฟารีสต์ได้ พวกเราก็จะพ้นจากคำว่าอดตาย พ้นจากคำว่าล้มละลาย และที่สำคัญพวกเราจะมีเงินทองให้จับจ่ายใช้สอยได้อย่างไม่ขาดมือ”

ชีคอะเดลากระตุ้นเตือนให้โอรสและธิดา ได้นึกถึงสภาพความเป็นจริงของแผ่นดินที่พวกตนกำลังยืนอยู่ หากไม่รีบจัดการให้ราชนิกุลหนุ่มและองค์หญิงผู้สูงศักดิ์มาตกอยู่ในกำมือ พวกเขาคงได้กินเม็ดทรายต่างข้าวอย่างแน่นอน

องค์หญิงอลีมาเหยียดยิ้มตรงมุมปาก ก่อนจะเอ่ยตอบให้พระบิดาได้คลี่ยิ้มออกมาบ้าง

“ท่านพ่อไม่ต้องเป็นห่วงหรอกเพคะ ยังไงๆ อลีมาก็จะทำทุกอย่าง เพื่อให้ได้ชีคฟารีสต์มาเป็นของอลีมา”

“หากได้องค์หญิงฟาติย่ามานอนอยู่ใต้เรือนร่าง คงทำให้ลูกสนุกกับเกมรักจนลืมไม่ลง”

เจ้าชายอะเดลียิ้มหื่นกระหาย ดวงตาลุกวาบด้วยไฟราคะ อยากครอบครองจับจองเป็นเจ้าของในเรือนร่างที่แสนอะร้าอร่าม ขององค์หญิงแห่งแผ่นดินอัสดารานส์

“พวกเจ้าทั้งสองจะจัดการอย่างไรให้ได้ครอบครององค์หญิงฟาติย่ากับชีคฟารีสต์”

ผู้เป็นพระบิดาเริ่มถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดใจ ที่โอรสธิดาต่างก็พร่ำรำพันถึงความหิวกระหายใจตัวราชนุกุลหนุ่มและองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ แต่ทว่าโอรสธิดาของพระองค์ก็ไม่เห็นทำอะไรให้เป็นรูปธรรม ตามถ้อยวาจาที่ได้เอ่ยออกมา

“ท่านพ่อใจเย็นสิเพคะ” องค์หญิงอลีมาต่อว่าพระบิดาติดน้ำเสียงขุ่นๆ ก่อนจะเอ่ยบอกเสียงเย็น “ในวันราชาภิเษก สถาปนาชีคฟารีสต์ขึ้นเป็นประมุขแห่งประเทศอัสดารานส์ อลีมาได้เตรียมของขวัญพิเศษไว้ให้ท่านชีคพระองค์ใหม่แล้ว รับรองว่าชีคฟารีสต์ต้องนึกไม่ถึงกับเรื่องเซอร์ไฟรส์ในครั้งนี้แน่นอนเพคะ”

ประมุขแห่งรัฐอะเดลาคลี่ยิ้มออกมาได้ จากนั้นก็หันไปมองโอรสที่ยังนั่งนิ่งเฉย ก่อนจะตรัสถามออกมา เพื่อให้มั่นใจว่าโอรสหนุ่มจะไม่ทำให้พระองค์ต้องผิดหวัง

“แล้วเจ้าล่ะอะเดลี เจ้าจะเผด็จศึกองค์หญิงฟาติย่าด้วยวิธีใด”

“อีกไม่นานท่านพ่อก็จะรู้เองพ่ะย่ะค่ะ”

ผู้ที่ถูกเอ่ยถามได้หัวเราะร่วนในลำคอ ไม่ยอมตอบคำถามให้พระบิดาได้ชื่นใจ จากนั้นก็ได้หันไปส่งสายตาให้กับองค์หญิงอลีมา ผู้ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามตนเอง ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากห้อง

องค์หญิงอลีมาคลี่ยิ้มอย่างกระหาย รู้เท่าทันถึงสายตาที่เชษฐาได้ส่งกระแสมา พอเชษฐาเดินพ้นจากห้องไปแล้ว เธอก็ได้ลุกขึ้นยืนบ้าง แต่ไม่ทันได้ก้าวออกจากห้อง ก็ถูกพระบิดาทักท้วงเสียงเย็น

“อย่าทำอะไรประเจิดประเจ้อมากนัก เดี๋ยวคนในวังจะเห็นเข้า และหากเรื่องเข้าถึงหูของชีคฟารีสต์กับองค์หญิงฟาติย่า พวกเจ้าทั้งสองคนจะไม่ได้รับในสิ่งที่ต้องการ”

องค์หญิงผู้งดงามแค่รูปกายภายนอก ได้จ้องมองพระบิดาเขม็ง แล้วเอ่ยตอบเสียงเย็นไม่แพ้กัน

“ยังไงคนแผ่นดินโน้นก็ไม่มีทางรู้หรอกค่ะ อลีมาและท่านพี่ได้เก็บความลับเรื่องนี้ไว้เป็นอย่างดี ไม่เคยรั่วไหลถึงหูใครทั้งนั้นเพคะ”

เอ่ยตอบพระบิดาไปแล้ว องค์หญิงอลีมาก็รีบเร่งเดินออกจากห้อง เพื่อไปทำตามที่หัวใจและเรือนร่างกระสั่นต้องการ

องค์หญิงผู้สูงศักดิ์มั่นใจว่าเป็นเช่นนั้น มั่นใจว่าการกระทำที่ผิดทำนองคลองธรรม ไม่สมควรอย่างยิ่งในหมู่พี่น้องของตนเอง ไม่มีใครล่วงรู้ แต่ทว่าองค์หญิงอลีมาไม่รู้เลยว่า สิ่งที่เธอพยายามปกปิดไว้เป็นความลับ มันได้ล่องลอยถึงหูของมกุฎราชกุมารฟารีสต์มานานหลายปีแล้ว ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุผลสำคัญ ที่ทำให้มกุฎราชกุมารฟารีสต์ผู้องอาจ ไม่อาจทำใจยอมรับในตัวองค์หญิงผู้นี้

ณ วิหารศักดิ์สิทธิ์ มีการจัดลานประลองความเร็วในการควบเจ้าพายุอย่างอาชาไนยผู้คงศึก อยู่ที่ด้านหน้าวิหาร มกุฎราชกุมารฟารีสต์ทรงนั่งอยู่บนหลังเจ้าเพกาซัส พ่อม้าฝีเท้าจัดพันธุ์มอร์แกนสีดำสนิท ทรงฝึกซ้อมให้เจ้าอาชาไนยที่แสนเชื่องและจงรักภักดีต่อพระองค์ ไม่ต่างจากองครักษ์อัสรัสส์ ได้ออกแรงเร่งฝีเท้าตะกุยพื้นทราย เพื่อไปคว้าชัยชนะที่รอคอยอยู่ข้างหน้า

“เวลาเป็นยังไงบ้างอัสรัสส์”

มกุฎราชกุมารฟารีสต์ตะโกนถามเสียงปนหอบ เมื่อควบเจ้าเพกาซัสมาถึงเส้นชัย ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเริ่มต้นเป็นระยะทางสองร้อยเมตรพอดี

องครักษ์อัสรัสส์รีบวิ่งเข้าไปจับบังเหียนเจ้าเพกาซัส พ่อม้าฝีเท้าจัดให้หยุดนิ่งอยู่กับที่ เมื่อมกุฎราชกุมารหนุ่มได้ควบมันมาจึงถึงเส้นชัยแล้ว จากนั้นก็ได้เอ่ยตอบคำถามที่เจ้าชายแห่งทะเลทรายได้เอ่ยถามไปก่อนหน้านี้

“เวลาใช้ได้เลยพ่ะย่ะค่ะ”

“เท่าไร?...อัสรัสส์”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel