บทที่ 3 (2)
จิลลาภัทรมั่นใจว่าจะต้องเป็นเช่นนั้น พี่ชายของเธอเดินทางไปประชุมที่ประเทศอังกฤษเป็นเวลาสองสัปดาห์ ส่วนเธอมีโปรแกรมไปท่องดินแดนทะเลทรายแค่สิบวัน ยังมีเวลาเหลืออีกตั้งสี่วัน ยังไงๆ เธอก็กลับมาถึงประเทศไทยก่อนที่พี่ชายจะเดินทางมาจากอังกฤษ
“วินด้ารู้ค่ะว่าคุณจันทร์เจ้าต้องกลับมาถึงบ้าน ก่อนคุณตะวันจะกลับมาจากอังกฤษ แต่ปัญหามันไม่ได้อยู่ตรงนี้นะคะ คุณตะวันจะต้องโทรมาหาคุณจันทร์เจ้าอย่างแน่นอน คุณจันทร์เจ้าจะให้วินด้าบอกคุณตะวันว่ายังไงดีล่ะคะ”
นวินดามั่นใจเกินร้อย ว่าคนที่เป็นห่วงและหวงน้องสาวอย่างภูริช เจ้าพ่อแห่งคิง ออฟ พาราไดซ์ (King off Paradise) ผู้กุมบังเหียนธุรกิจส่งออกอัญมณีล้ำค่าทั่วโลก ต้องโทรมาเช็กความเคลื่อนไหวของน้องสาวแบบเช้า เที่ยง เย็นตลอดทั้งสองสัปดาห์ระหว่างที่ประชุมอยู่ในเมืองผู้ดีอย่างแน่นอน
จิลลาภัทรทำสีหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยบอกลู่ทางที่ตนเองได้คิดไว้
“เอาแบบนี้นะวินด้า ถ้าพี่ตะวันโทรมาช่วงเช้า วินด้าก็บอกไปว่าเราเข้าประชุมอยู่ แต่ถ้าหากโทรมาตอนค่ำๆ ก็บอกว่าเราเหนื่อยและหลับไปแล้ว”
นวินดาถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วเอ่ยค้านออกมาเบาๆ “เฮ้อ...เราจะโกหกคุณตะวันไปได้กี่น้ำกันล่ะคะคุณจันทร์เจ้า สองวันแรกคุณตะวันอาจจะเชื่อในสิ่งที่วินด้าบอกไป แต่วินด้าคิดว่าพอเข้าวันที่สาม คุณตะวันคงไม่เชื่ออย่างแน่นอน คุณจันทร์เจ้าอย่าลืมนะคะว่าคุณตะวันน่ะฉลาดเป็นกรดอย่างหาตัวจับอยาก วินด้าว่าดีไม่ดี คุณตะวันจับโกหกพวกเราได้ตั้งแต่วันแรกด้วยซ้ำไป”
“ว้า! เอาไงดีล่ะทีนี้”
จิลลาภัทรร้องออกมาเบาๆ ลุกขึ้นเดินไปเดินมา ยกมือเล็กเสยผมนุ่มสลวยอย่างว้าวุ่นใจ คิดไม่ตกว่าจะหาวิธีโกหกพี่ชายอย่างไร ให้ดูแนบเนียนไม่ให้อีกฝ่ายจับผิดเธอได้
“วินด้า! จันทร์เจ้านึกออกแล้วว่าจะทำอย่างไรดี” หญิงสาวร้องออกมาเสียงดัง พร้อมกับคลี่ยิ้มหวานเปิดให้ใบหน้ารูปไข่ดูงดงามชวนพิศยิ่งนัก
“คุณจันทร์เจ้านึกออกแล้วหรือคะ ว่าจะโกหกคุณตะวันว่าอย่างไรดี” เลขาสาวแสนสวยเอ่ยถามเจ้านาย ซึ่งกำลังคลี่ยิ้มกว้าง สีหน้าดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้มาก
“จุ๊ๆ” ผู้เป็นนายสาวทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ ก่อนจะเอ่ยแก้ไขคำพูดให้ดูสวยหรู แต่ความหมายกลับไม่ต่างจากที่
นวินดาได้เอ่ยออกมาสักเท่าไร
“อย่าเรียกว่าโกหกสิวินด้า ต้องเรียกว่าปกปิดความจริงถึงจะถูก” “ปกปิดก็ปกปิดค่ะ ว่าแต่คุณจันทร์เจ้าจะทำยังไงคะ” นวินดาอมยิ้มบางๆ พลางส่ายหน้าช้าๆ เออออห่อหมกไปกับคำพูดของผู้เป็นนายสาว
“เมื่อสักครู่วินด้าบอกว่าพี่ตะวันต้องโทรมาหาเราเช้า เที่ยง เย็นใช่ไหม”
จิลลาภัทรไม่ตอบคำถามของผู้ที่เป็นทั้งเพื่อนรักและเป็นทั้งลูกน้อง แต่กลับเป็นฝ่ายเอ่ยถามคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าแทน พอนวินดาพยักหน้ารับ หญิงสาวก็เอ่ยบอกในสิ่งที่ตนเองได้ขบคิดไว้
“ก็ในเมื่อรู้ว่าพี่ตะวันจะต้องโทรมาหาจันทร์เจ้าทุกวัน แล้วทำไมต้องรอให้พี่ตะวันเป็นฝ่ายโทรมาหาด้วย เดี๋ยวพอไปถึงประเทศอัสดารานส์แล้ว จันทร์เจ้าจะเป็นฝ่ายโทรไปรายงานตัวกับพี่ตะวันเอง เอาแบบสามเวลาหลังทานอาหาร คราวนี้พี่ตะวันก็ไม่มีทางรู้เด็ดขาด ว่าจันทร์เจ้าไม่ได้อยู่ที่เมืองไทย”
“ประเทศอัสดารานส์...”
นวินดาพึมพำในลำคอ คิ้วเข้มหนาขมวดเข้าหากันยุ่ง รู้สึกว่าตนเองเคยได้ยินชื่อประเทศนี้จากที่ใดที่หนึ่ง แต่พยายามครุ่นคิดเท่าไรก็คิดไม่ออก ว่าเคยได้ยินชื่อดินแดนแห่งทะเลทรายที่ว่ามาจากใคร
“วินด้า รู้จักประเทศอัสดารานส์ด้วยหรือ” จิลลาภัทร์ออกปากเอ่ยถาม เมื่อเห็นนวินดาทำสีหน้าครุ่นคิดราวกับรู้จักประเทศนี้ดี
นวินดาส่ายหน้าปฏิเสธ ก่อนจะเอ่ยตอบ “วินด้าไม่รู้จักหรอกค่ะ แต่วินด้ารู้สึกคุ้นๆ ว่าเคยได้ยินชื่อประเทศนี้มาก่อน แต่นึกไม่ออกว่าเคยได้ยินมาจากที่ไหน”
ผู้เป็นลูกน้องได้ทอดสายตามองนายสาวผู้งดงามซึ่งนั่งอยู่ตรงหน้าตนเอง จากนั้นก็เอ่ยถามต่อ
“คุณจันทร์เจ้าจะไปเที่ยวที่ประเทศอัสดารานส์หรือคะ”
“อืม...ใช่ จันทร์เจ้าจะไปย่ำดินแดนทะเลทรายที่สวยที่สุด จะไปชื่นชมดื่มด่ำกับความงดงามของดวงจันทร์ที่ลอยเด่นอวดโฉมอยู่กลางฟากฟ้ากว้าง ณ ประเทศอัสดารานส์”
จิลลาภัทรเอ่ยตอบอย่างมีความสุข ใบหน้ารูปไข่งามลออแย้มยิ้มหวาน ดวงตาคู่สวยดำขลับเต้นระริกแพรวพราวทุกครั้งที่ได้พูดถึงดินแดนอันน่าพิศวง ที่ตนเองหลงใหลมาช้านาน
“คุณจันทร์เจ้าห้ามลืมเป็นอันขาด คุณจันทร์เจ้าต้องโทรไปหาคุณตะวันทุกวันนะคะ หากคุณตะวันรู้ว่าคุณจันทร์เจ้าไม่ได้อยู่ที่เมืองไทย วินด้าเชื่อว่าคุณจันทร์เจ้าจะไม่มีโอกาสได้ไปชมดวงจันทร์ที่ลอยเด่นกลางนภาอย่างแน่นอน”
นวินดาย้ำเตือนผู้เป็นนายอีกครั้ง ในใจนั้นหวาดหวั่นว่าจิลลาภัทรจะปกปิดผู้ที่เป็นพี่ชายได้หรือเปล่า
“ไม่ลืมหรอกวินด้า ขืนลืมเราก็ตายแน่ นอกจากพี่ตะวันจะไปลากตัวเรากลับประเทศไทยแล้ว พี่ตะวันคงไม่พูดกับเราเป็นอาทิตย์”
จิลลาภัทรรู้ว่าจะต้องเป็นเช่นนั้น หากพี่ชายสุดหล่อ รู้ว่าเธอบังอาจขัดคำสั่งของเขา แถมยังกล้าไปเที่ยวตามลำพังถึงแผ่นดินทะเลทราย ที่สั่งกำชับนักหนาจนเกือบเป็นกฎเหล็กห้ามไม่ให้เธอเดินทางไป พี่ภูริช เจ้าพ่อแห่งคิง ออฟ พาราไดซ์ คงได้โกรธจัด ตามไปรับเธอกลับประเทศไทยโดยไม่ลังเล
ติ๊ด...ติ๊ด...
ราวกับคนที่อยู่แดนไกลถึงเมืองผู้ดี ได้ล่วงรู้ว่าน้องสาวได้สนทนากับเพื่อนรักอย่างออกรส โดยมีตนเองเป็นหัวข้อหลัก เพราะอีกไม่กี่นาทีต่อมา เสียงโทรศัพท์มือถือของจิลลาภัทรก็ดังขึ้นจนแสบแก้วหู พอได้เห็นเบอร์โทรของคนที่โทรเข้ามา ก็ทำเอาผู้เป็นเจ้าของถึงกับสะดุ้งโหยงแทบจะไม่กล้ากดรับโทรศัพท์
“วินด้า...พี่ตะวันโทรมานะ” จิลลาภัทรบอกเพื่อนรัก ยอมรับว่าปอด จนแทบจะไม่กล้ากดปุ่มสีเขียวเพื่อรับโทรศัพท์
“คุณจันทร์เจ้ารีบรับสิค่ะ เดี๋ยวคุณตะวันจะสงสัยเอา” นวินดาชี้ไปที่โทรศัพท์ เธอเองก็ตกใจหน้าถอดสีไม่แพ้ผู้ที่เป็นนายสาว
“ไม่อยากรับเลยให้ตายเถอะ!”
เจ้าของโทรศัพท์พึมพำออกมาเบาๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์กดรับสาย โดยไม่ลืมเปิดลำโพงให้นวินดาได้ยินเสียงของปลายทางด้วย จากนั้นก็กรอกเสียงทักทายพี่ชายอย่างแผ่วเบาระคนหวาดหวั่น
“สะ...สวัสดีค่ะพี่ชาย ไปถึงอังกฤษหรือยังคะ”
เจ้าพ่อแห่งคิง ออฟ พาราไดซ์ ซึ่งลงจากเครื่องบิน เหยียบแผ่นดินเมืองผู้ดีได้ไม่ถึงนาที ก็รีบโทรศัพท์มาเช็กความเคลื่อนไหวของน้องสาวจอมยุ่ง ได้กรอกเสียงทักทายน้องสาวบ้าง
“มาถึงแล้ว ลงจากเครื่องปุ๊บก็รีบโทรหาจันทร์เจ้าเลย ว่าแต่จันทร์เจ้าเถอะ ทำไมถึงไม่ได้ไปทำงาน พี่โทรไปที่บริษัท เลขาฯ ของพี่บอกว่าจันทร์เจ้าไม่ได้เข้าไปที่บริษัทตั้งแต่เช้า”
คราวนี้ทั้งจิลลาภัทรทั้งนวินดาถึงกับหน้าถอดสีเผือดกับคำถามของภูริช ผู้ที่เป็นน้องสาวนึกไม่ถึงเลยว่าพี่ชายจะฉลาดและรอบคอบถึงเพียงนี้ เพราะแทนที่จะโทรมาหาเธอเป็นอันดับแรก เจ้าพ่อแห่งคิง ออฟ พาราไดซ์ ได้โทรไปเช็กความเคลื่อนไหวของเธอที่ทำงาน จนล่วงรู้ว่าเธอแอบเกงานตั้งแต่วันแรกที่อีกฝ่ายไม่ได้อยู่ในประเทศไทย
“เอ่อ...เอ่อ...”
จิลลาภัทรอ้ำอึ้ง หาคำตอบให้พี่ชายไม่เจอ หญิงสาวเงยหน้ามองเพื่อนรักที่หน้าซีดไม่แพ้กัน จากนั้นก็รีบเอ่ยโกหกรัวเร็วจนหายใจหายคอแทบไม่ทัน
“พอดีว่าวินด้าไม่สบาย อาหารเป็นพิษนะคะ จันทร์เจ้าเลยพาวินด้าไปหาหมอ จันทร์เจ้าเห็นว่าบ่ายแล้วก็เลยขี้เกียจเข้าไปที่ทำงาน เลยพาวินด้ากลับมาพักที่บ้านแทนค่ะ”
จิลลาภัทรรู้ดีว่าการโกหก ยกให้เพื่อนรักเป็นคนเจ็บป่วยนั่นแหละดีที่สุด เพราะหากบอกว่าเธอเองที่เป็นคนเจ็บป่วย พี่ชายสุดหล่อก็คงไม่วายเป็นเดือดเป็นร้อน กระวนกระวายใจประชุมไม่รู้เรื่องเป็นแน่
“วินด้าเป็นยังไงบ้าง ไม่สบายมากหรือเปล่า”
ภูริชเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เพราะนวินดามาอยู่กับน้องสาวของเขาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่ง ทำให้เขาเอ็นดูหญิงสาวไม่ต่างจากเป็นน้องของตนเอง
“ค่อยยังชั่วแล้วค่ะพี่ชาย ตอนนี้วินด้านอนพักอยู่ค่ะ จันทร์เจ้าก็เลยถือโอกาสลางานมาเฝ้าดูอาการของวินด้าด้วย พี่ชายไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ วินด้ากินยาตามที่คุณหมอสั่งแล้ว อีกสองสามวันก็คงหายแล้วค่ะ”
จิลลาภัทรเอ่ยโกหกได้อย่างไหลลื่น ทั้งๆ ที่ในใจนั้นหวาดหวั่นอยู่ไม่น้อย ด้วยเกรงว่าพี่ชายจะจับโกหกได้
“บอกวินด้าด้วยว่าพี่เป็นห่วง ให้พักผ่อนเยอะๆ จะได้หายเร็วๆ”
นวินดาถึงกับน้ำตาซึม ขณะได้ยินคำพูดของเจ้าพ่อคิง ออฟ พาราไดซ์ แม้ไม่รู้ความจริงว่าถูกน้องสาวโกหกเข้าให้ แต่ภูริชก็มีน้ำใจเป็นห่วงเธอเสมอ
“ค่ะพี่ชาย แล้วจันทร์เจ้าจะบอกวินด้าให้ ถ้างั้นจันทร์เจ้าขอวางสายก่อนนะคะ พี่ชายดูแลตัวเองด้วยนะ อย่าหักโหมมากล่ะ ที่สำคัญห้ามเอาแหม่มตาน้ำข้าวมาฝากจันทร์เจ้าเป็นอันขาด”
ในตอนท้ายจิลลาภัทรเอ่ยขู่เสียงเข้ม หากพี่ชายคว้าพวกแหม่มตาน้ำข้าวมาเป็นเมีย เธอคงได้อาละวาดบ้านแตกแน่ เพราะยอมรับตรงๆ ว่าไม่เคยชอบผู้หญิงจากโลกตะวันตกสักคน
“ฮึๆ” ผู้ที่เป็นพี่ชายหัวเราะอยู่ในลำคอ ก่อนจะเอ่ยตอบให้น้องสาวจอมจุ้นได้สบายใจ “พี่สัญญาว่าจะไม่เอาพี่สะใภ้แหม่มมาฝากจันทร์เจ้า เพราะยังไงพี่ก็ยังนิยมชมชอบคนไทยอยู่”
จิลลาภัทรคลี่ยิ้มออกมาได้ เมื่อได้ยินคำตอบรับจากพี่ชาย หากภูริชเป็นห่วงเจ้ากี้เจ้าการทำตัวไม่ต่างจากผู้ปกครองคนที่สองของน้องสาว จิลลาภัทรเองก็เจ้ากี้เจ้าการเรื่องของพี่ชายไม่แพ้กัน โดยเฉพาะเรื่องของสาวๆ ที่จะก้าวมาเป็นพี่สะใภ้ของเธอ หากหญิงสาวผู้นั้นคิดจะมาร่วมชายคากับตระกูลวิชชุกร เธอผู้นั้นจะต้องผ่านด่านอรหันต์ของเธอให้ได้เสียก่อน มิเช่นนั้นแล้ว เธอจะไม่ยอมรับ ไม่ยอมให้เป็นพี่สะใภ้ของเธอเป็นอันขาด
“จันทร์เจ้ารักพี่ชาย รักษาสุขภาพด้วยนะคะ”
จิลลาภัทรเอ่ยบอกจากใจจริง เชื่อว่าหากอยู่ใกล้กันคง ได้อ้อมกอดอันแสนอบอุ่นไม่ต่างจากอ้อมกอดของบุพการีทั้งสองที่ล่วงลับไปแล้ว จากพี่ชายแน่นอน และเชื่อว่าป่านนี้พี่ภูริชคงฉีกยิ้มแป้นกับคำพูดของเธออยู่แน่
“พี่ชายก็รักน้องสาวจอมยุ่งเหมือนกัน ห้ามหนีเที่ยว ห้ามก่อเรื่องเข้าใจไหมยายจันทร์เจ้า”
ภูริชย้ำคำสั่งอีกครั้งอย่างรู้นิสัยของน้องสาวดี พอได้ยินเสียงเอ่ยตอบอย่างแผ่วเบาก็กดตัดสายไป ทั้งๆ ที่ไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าไร ว่าน้องสาวจะทำตามคำสั่งของตนเอง
“ค่ะพี่ชาย จันทร์เจ้าจะไม่หนีเที่ยวแน่นอนค่ะ” จิลลาภัทรรับคำเบาๆ พอพี่ชายก็ตัดสายไปแล้ว ก็แทบจะตะโกนออกมาดังๆ ด้วยความโล่งอก
“คุณจันทร์เจ้าคะ คุณตะวันโทรมาย้ำนักย้ำหนาแบบนี้แล้ว คุณจันทร์เจ้ายังจะหนีไปเที่ยวแผ่นดินทะเลทรายอีกหรือคะ”
นวินดาเอ่ยถามทั้งๆ ที่พอจะรู้คำตอบอยู่แล้ว และก็เป็นจริงดังที่เธอคิดไว้เสียด้วย เมื่อคำตอบได้หลุดออกมาจากเรียวปากสีกุหลาบอวบอิ่มของผู้เป็นนายสาว
“ไปสิวินด้า ไม่มีใครมาห้ามจันทร์เจ้าได้หรอก จันทร์เจ้าจะไปประเทศอัสดารานส์ให้ได้ หากพี่ตะวันโกรธก็ยอมแล้วแหละงานนี้”
จิลลาภัทรเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ซึ่งเธอไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงได้อยากเดินทางไปเที่ยวประเทศอัสดารานส์ ดินแดนที่ขึ้นชื่อว่ามีทะเลทรายสวยที่สุด จนยอมขัดคำสั่งขัดใจพี่ชาย เธอไม่เข้าใจว่าประเทศดังกล่าวมีมนต์ตราใดที่มัดใจเธอ ทำให้ตัดสินใจเลือกที่จะไปเยือนดินแดนแห่งนี้ ทั้งๆ ที่มีแผ่นดินทะเลทรายอีกหลายสิบประเทศให้เลือกไปเยี่ยมเยือน แต่ใจเธอก็จำเพาะเจาะจงตีตั๋วเลือกประเทศอัสดารานส์เป็นอันดับแรก