บทที่ 2 (1)
มกุฎราชกุมารฟารีสต์ทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้หลุยส์ ฝั่งตรงข้ามพระบิดาพระมารดา ซึ่งนั่งตีสีพระพักตร์ติดเคร่งเครียดขณะทอดสายตามองพระองค์
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ทำไมถึงได้ตีสีพระพักตร์เคร่งเครียดนักล่ะพ่ะย่ะค่ะ”
ผู้ที่เป็นโอรสเป็นฝ่ายเริ่มถามก่อน เมื่อบุพการีทั้งสองพระองค์ ได้แต่นิ่งจ้องมองพระองค์เขม็ง
พระชายาปิณฑิราได้หันไปมองพระพักตร์พระสวามี ราวกับต้องการให้ชีคฟาซิซต์ ได้เป็นฝ่ายบอกโอรสด้วยองค์เอง ส่วนชีคฟาซิซต์ ประมุขแห่งอัสดารานส์ ผู้ที่จะสละราชบัลลังก์ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ได้ลอบถอนหายใจยาว จากนั้นก็ตัดสินใจตรัสเกริ่นปูทาง ก่อนจะเข้าสู้เป้าหมายอันแท้จริง ที่ได้เรียกโอรสให้เข้ามาคุยในห้องทรงงาน
“ฟารีสต์ พ่อกับแม่ได้ยินลูกบ่นเรื่องคู่ครอง พ่ออยากรู้ว่าลูกมีหญิงที่หมายปองบ้างหรือยัง”
ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้พระองค์ก็พอจะได้ยินโอรสบ่นว่ายังไม่พบเนื้อคู่ตุนาหงัน แต่ชีคฟาซิซต์ก็อยากย้ำถามโอรสเพื่อความมั่นใจ
“ถ้าคำถามของท่านพ่อหมายถึง หญิงสาวที่ลูกคิดจะแต่งงานด้วยล่ะก็ ลูกยังไม่มีพ่ะย่ะค่ะ แต่ถ้าหากหมายถึงหญิงสาวที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ให้ความสำราญในยามเหงา ลูกก็มีเป็นพรวนนับไม่ถ้วนพ่ะย่ะค่ะ”
ผู้ที่เป็นโอรสตรัสตอบเสียงราบเรียบ ไม่คิดปิดบังเรื่องผู้หญิงที่พระองค์มีอยู่มากมาย แต่ผู้หญิงเหล่านั้นได้รับแค่ความสุขและเงินทองไปจากพระองค์ หามีหญิงใดได้พระหฤทัยอันแข็งแกร่งของเจ้าแห่งทะเลทรายไปด้วยไม่! ซึ่งพระองค์คิดว่าชาตินี้ทั้งชาติ คงไม่มีหญิงสาวจากชาติใด ที่จะได้พระหฤทัยของพระองค์ไป
“ฟารีสต์ ถ้าเกิดว่าลูกยังไม่มีคนรัก ลูกคิดว่าองค์หญิงอลีมาเป็นอย่างไรบ้าง”
คราวนี้ผู้เป็นพระมารดาได้ตรัสถามโอรสบ้าง พร้อมกับลอบสังเกตปฏิกิริยาจากผู้ที่นั่งอยู่เบื้องหน้า ทว่าโอรสหนุ่มผู้ที่มีดวงตาสีดำสนิทถอดแบบมาจากพระบิดา กลับเก็บความรู้สึกได้ดีเยี่ยม ยากที่จะหยั่งถึงได้ ทำให้นางถึงกับลอบถอนหายใจเบาๆ เมื่อไม่อาจเดาใจโอรสได้ถูกว่าคิดอย่างไร กับเรื่องที่นางได้เกริ่นนำไป
“อลีมา...ธิดาของชีคอะเดลาใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ”
มกุฎราชกุมารฟารีสต์ ยังคงตรัสถามเสียงราบเรียบเช่นเคย พอจะเดาได้แล้วว่า ท่านพ่อท่านแม่ต้องการบอกสิ่งใดกับพระองค์
“ใช่แล้วลูก ธิดาของชีคอะเดลา เจ้าปกครองรัฐอะเดลา” พระบิดารับคำ ก่อนจะตรัสถามโอรสต่อ “ฟารีสต์เคยเห็นองค์หญิงอลีมาแล้วไม่ใช่หรือลูก”
“พ่ะย่ะค่ะท่านพ่อ”
มกุฎราชกุมารหนุ่มรับคำ พลางนึกถึงธิดาคนสวยของรัฐอะเดลา องค์หญิงอลีมามีอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับ
ฟาติย่าขนิษฐาของพระองค์ อลีมานั้นสวยสง่า ซึ่งเป็นสิ่งที่พระองค์ไม่เถียง แต่ทว่าความสวยที่เห็น เป็นแค่เพียงรูปกายภายนอกเท่านั้น องค์หญิงอลีมานั้นมีจิตใจโหดร้าย ไร้ความเมตตากับผู้คนที่อยู่รอบกาย ซึ่งพระองค์คิดว่าใจที่สกปรกของ
องค์หญิงอลีมา คงได้รับมาจากพระบิดาคือท่านชีคอะเดลา และที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่ง ที่ทำให้พระองค์ไม่อยากยุ่งกับองค์หญิงอลีมาคือเธอเป็นโรคที่ขาดผู้ชายไม่ได้
ผู้ที่เป็นพระบิดาลอบสังเกตอาการของโอรส พลางนึกในใจว่าโอรสที่นั่งอยู่เบื้องพระพักตร์นั้น ช่างถอดแบบพระองค์มาเสียทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าอันหล่อเหลา ดวงตาคมกริบดุจพญาอินทรี และอาการที่สงบนิ่งไม่ไหวติง ราวกับท้องทะเลปราศจากคลื่นลม ซึ่งอาการนิ่งเงียบ ใบหน้าเรียบเฉยไม่แสดงความรู้สึก ทำให้พระองค์เดาไม่ออกว่าโอรสกำลังคิดอะไรอยู่
“เมื่อหลายวันก่อนชีคอะเดลาได้มาพบพ่อ เพื่อปรึกษาเรื่องอยากเป็นทองแผ่นเดียวกันกับประเทศของเรา”
ชีคฟาซิซต์ ผู้เป็นพระบิดาเริ่มเอ่ยถึงเนื้อหาอันแท้จริง ที่ได้เรียกโอรสให้เข้ามาสนทนากัน
“แล้วท่านพ่อ ท่านแม่ ตอบชีคอะเดลาไปว่าอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”
มกุฎราชกุมารฟารีสต์ตรัสถามบุพการีทั้งสองพระองค์ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทว่าข้างในกายนั้นกำลังร้อนรน ลุ้นแทบลืมหายใจว่าจะได้ยินคำตอบเช่นไร จะออกมาในด้านดีหรือด้านลบ
“พ่อยังไม่รับปากชีคอะเดลา พ่ออยากถามความเห็น ความสมัครใจของฟารีสต์ก่อน หากฟารีสต์ตกปากรับคำ ชีคอะเดลาก็อยากให้มีการจัดพิธีอภิเษกขึ้นในวันเดียวกันที่ฟารีสต์ได้ขึ้นครองบัลลังก์”
“แล้วถ้าหากลูกปฏิเสธล่ะท่านพ่อ” มกุฎราชกุมารหนุ่มลองตรัสหยั่งเชิง อยากรู้ว่าพระบิดาจะทรงตอบเช่นไร
ผู้เป็นพระบิดาถอนหายใจยาวอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตรัสตอบออกมาด้วยน้ำเสียงที่คิดเคร่งเครียดเล็กน้อย
“พ่อเคารพในการตัดสินใจของลูก หากฟารีสต์ปฏิเสธ พ่อก็จะไปพบชีคอะเดลา และปฏิเสธความหวังดีของท่านชีค”
“และผลที่ได้รับกลับมาคือทั้งสองแผ่น ที่มีอาณาบริเวณติดกัน จะค่อยๆ ลุกเป็นไฟใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ”
มกุฎราชกุมารฟารีสต์คาดเดาว่าจะต้องเป็นเช่นนั้น มั่นใจว่าคำปฏิเสธของพระองค์จะต้องทำให้ชีคอะเดลาโกรธเคืองเป็นอย่างมาก เพราะอีกฝ่ายพยายามยัดเยียดธิดาของตนเองให้พระองค์ ตั้งแต่ก่อนที่พระองค์จะไปศึกษาต่อในต่างประเทศแล้ว
ผู้ที่เป็นพระมารดา ได้ลุกขึ้นไปทรุดกายนั่งข้างๆ โอรส ก่อนจะจับพระหัตถ์ใหญ่แข็งแกร่ง ซึ่งนับต่อไปนี้จะต้องคอยดูแล คอยทะนุบำรุงให้ประเทศอัสดารานส์ แผ่นดินทะเลทรายอันเป็นบ้านเกิดเมืองนอน พบแต่ความสุขร่มเย็น มากุมไว้แน่น ก่อนจะตรัสบอกโอรส
“แม่กับพ่อปรึกษากันแล้ว ว่าจะไม่บังคับฟารีสต์ ไม่ว่าลูกจะตอบออกมาเช่นไร พ่อกับแม่ก็จะยึดตามนั้น เพราะความรักเป็นสิ่งที่บังคับกันไม่ได้ การเลือกคู่ชีวิตที่จะมาอยู่กับเราทั้งชีวิต เพื่อมอบความรัก มอบความสุขและเสียงหัวเราะให้กับเรา เป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ฟารีสต์ไม่จำเป็นต้องคิดถึงผลกระทบที่จะได้รับ หากว่าลูกปฏิเสธความต้องการของชีคอะเดลา เพราะพ่อกับแม่ อยากให้ลูกเลือกคนที่จะเป็นคู่ครอง คอยอยู่เคียงข้างฟารีสต์ไปชั่วชีวิต ด้วยความรักและหัวใจอันบริสุทธิ์”
เจ้าของพระหัตถ์ใหญ่แข็งแกร่ง ที่ถูกพระมารดากุมไว้แน่นได้คลี่ยิ้มตรงมุมปาก นึกดีใจที่พระมารดาพระบิดาเข้าใจถึงความรู้สึกของพระองค์
“ลูกคงรับความปรารถนาดีของชีคอะเดลาไม่ได้ แม้องค์หญิงอลีมาจะสวยน่ารักเพียงใด แต่เธอก็ไม่ได้ครึ่งของท่านแม่ ลูกคิดเสมอว่าหากจะมีชายา ลูกจะเลือกหญิงสาวที่งดงามทั้งกายและใจ พร้อมรับความทุกข์ ความสุขไปพร้อมๆ กับลูก เฉกเช่นท่านแม่ที่ได้คอยอยู่เคียงคู่กับท่านพ่อเสมอมา”
ชีคฟาซิซต์ผู้เป็นพระบิดาได้แย้มยิ้มบาง ขณะได้ยินคำตอบของโอรส พระองค์พยักพระพักตร์รับ ทรงเคารพการตัดสินใจของโอรสเสมอมา
“พ่อเชื่อว่าลูกจะต้องได้พบกับหญิงสาวผู้งดงามคนนั้นแน่นอน และภาวนาให้พบเร็วๆ ด้วย พ่อกับแม่อยากอุ้มหลานแล้ว”
ผู้เป็นพระบิดาตรัสบอกพร้อมด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็ได้ตรัสบอกให้โอรสได้สบายใจ
“พ่อจะนำข่าวนี้ไปแจ้งให้ชีคอะเดลาได้ทราบ ฟารีสต์ไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดเรื่องอะไรตามมา เพราะพ่อจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยเอง”
มกุฎราชกุมารหนุ่มเผยสีพระพักตร์ไม่สบายใจให้เห็น ก่อนจะตรัสคัดค้านออกมา
“ท่านพ่อ หากชีคอะเดลามีปฏิกิริยาในด้านลบ ลูกขอร้องว่าลูกขอเป็นคนจัดการเอง ท่านพ่อกับท่านแม่เหนื่อยมานานแล้ว ลูกไม่อยากให้ท่านทั้งสองได้เป็นกังวลกับเรื่องนี้ หลังจากพิธีสถาปนาลูกขึ้นปกครองประเทศแล้ว ท่านพ่อกับท่านแม่ได้โปรดทำตามกำหนดการเดิมเถอะพ่ะย่ะค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องทางนี้ ลูกสัญญาด้วยเกียรติของท่านชีคแห่งอัสดารานส์ ว่าจะทำนุบำรุงดูแลราษฎรให้อยู่เย็นเป็นสุข ท่านพ่อกับท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงน้องด้วย ลูกจะดูแลติย่าด้วยชีวิตของลูกเองพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อได้เอ่ยถึงนางฟ้าแสนสวยของราชวงศ์ ชีคฟาซิซต์กับพระชายาปิณฑิรา ก็เผยอาการไม่สบายใจให้เห็นอีกรอบ ก่อนที่ชีคฟาซิซต์จะเป็นฝ่ายตัดสินใจตรัสบอกโอรส ทั้งๆ ที่พอจะรู้ว่าโอรสหนุ่มต้องเดือดพล่านขึ้นมาทันทีที่ได้ยิน
“ฟารีสต์...นอกจากเรื่องของลูกแล้ว ชีคอะเดลาได้สู่ขอติย่าให้กับเจ้าชายอะเดลีโอรสของพระองค์ด้วย”
“นรก!”
ราชนิกุลหนุ่มถึงกับสบถลั่นอย่างลืมตัว คราวนี้พระพักตร์คมเข้มบูดบึ้งถมึงทึง ดวงตาลุกวาบราวกับจะฆ่าคนได้ เมื่อได้รับรู้ถึงความต้องเจ้าชายอะเดลีผู้เป็นโอรสของชีคอะเดลา
“เจ้าชายอะเดลี ไม่ได้ต้องการติย่าไปเป็นพระชายา เขาต้องการแค่นางบำเรอชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น แต่ถึงเขาจะยกย่องติย่าให้เป็นพระชายา ลูกก็เชื่อไม่ลงว่าเขาจะมีติย่าแค่เพียงคนเดียว เขาจะทำให้ติย่าเจ็บปวดเสียยิ่งกว่าตกนรกทั้งเป็น”
ความชั่วในเรื่องการทำร้ายผู้หญิงของเจ้าชายหนุ่มแห่งรัฐอะเดลา ที่ปรากฏให้เห็นอยู่ตลอดเวลา ทั้งตอนอยู่ในแผ่นดินทะเลทราย และตอนที่เจ้าชายอะเดลีได้ไปศึกษาในอเมริกา ถึงแม้จะเป็นคนละรัฐกันกับพระองค์ แต่ชื่อเสียงในด้านเสียๆ หายๆ ของเจ้าชายอะเดลี ที่มักจะทำร้ายคู่ควง คู่ขา หรือการใช้อำนาจบาตรใหญ่บังคับให้ผู้หญิงมาเป็นของตน และจบลงด้วยการทำร้าย ซ้อมพวกเธอเหล่านั้นจนสะบักสะบอม ได้เล็ดลอดเข้ามาให้พระองค์ได้ยินเสมอ
ผู้เป็นพระมารดาตกใจเล็กน้อย ตอนที่ได้ยินโอรสสบถลั่น รู้ว่ายังไงแล้วฟารีสต์ไม่มีทางยอมให้ขนิษฐาต้องตกไปเป็นของเล่นของเจ้าชายอะเดลีอย่างแน่นอน
“แม่กับพ่อก็ไม่ยอมเช่นเดียวกัน เจ้าชายอะเดลีแค่ต้องการติย่าไปประดับบารมีของตนเองเท่านั้น แม่สืบทราบว่าตอนนี้เขามีชายาลับๆ ถึงห้าคนไปแล้ว”
“วันพรุ่งนี้พ่อจะไปพบชีคอะเดลา เพื่อปฏิเสธทั้งเรื่องของฟารีสต์และเรื่องของติย่า”
ชีคฟาซิซต์ตรัสบอกด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล พระพักตร์ที่ยังคงหล่อเหลาดูน่าเกรงขาม แม้จะล่วงเข้าสู่วัยค่อนคนแล้ว ได้เผยริ้วรอยแห่งความเป็นกังวลไม่ต่างจากน้ำเสียงที่ได้ตรัสออกมา
“ลูกหวังว่าชีคอะเดลาและโอรส ธิดาของเขา จะรับฟังเหตุผลที่ท่านพ่อได้ตรัสบอกไป”
ผู้เป็นโอรสเอ่ยออกมาลอยๆ ไม่คาดหวังว่าจิ้งจอกเฒ่าที่มีพิษสงรอบตัวอย่างชีคอะเดลา จะเข้าใจและรับฟังเหตุผลที่พระบิดาของพระองค์ได้ชี้แจงให้ทราบ
“พ่อคิดว่าชีคอะเดลาและโอรสคงรับฟังเฉพาะตอนที่อยู่ต่อหน้าพ่อเท่านั้น พอลับหลังพ่อแล้วเขาคงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เมื่อไม่ได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการ”
ชีคฟาซิซต์มั่นใจว่าจะต้องเป็นเช่นนั้น เพราะนิสัยแว้งกัด แทงข้างหลังในยามที่ศัตรูเผลอ ชีคอะเดลาถนัดนักแล! แต่ไม่ว่าชีคอะเดลาจะตอบโต้คำปฏิเสธของพระองค์อย่างไร พระองค์ก็เตรียมพร้อมรับมืออยู่แล้ว
“ท่านพ่อ พรุ่งนี้ให้ลูกเดินทางไปพบชีคอะเดลาดีกว่าไหมพ่ะย่ะค่ะ”
น้ำเสียงที่ตรัสขอความเห็นจากพระบิดานั้น เต็มไปด้วยความห่วงใย ไม่อยากให้พระบิดาต้องนั่งรถเดินทางไกลหลายชั่วโมง เพื่อไปพบกับจิ้งจอกเฒ่า