บทที่ 4
“ขอบคุณมากนะครับ ที่คุณกรมาถึงที่นี่ ต้องลำบากมากๆ เลย”
“ไม่หรอกครับ ผมมีธุระอื่นด้วยพอดี”
กรดลตอบยิ้มๆ เมื่อพูดคุยธุรกิจกับลูกค้าแล้วเรียบร้อย เขาจับมือกับอีกฝ่ายแล้วเขย่าเบาๆ
“จริงสิครับ ผมเห็นแวบๆ นะครับคุณกร ว่าคุณกรพาสาวน้อยมาด้วย”
ฝ่ายนั้นเอ่ยล้อเลียน เพราะค่อนข้างสนิทกับเขาอยู่พอสมควร คำเอ่ยล้อนั่นทำให้กรดลถึงกับกระแอมออกมา
“เอ่อ...”
“ไม่ต้องเขินหรอกครับ มาต่างจังหวัดไกลๆ แบบนี้บางทีก็ต้องหาอะไรกระชุ่มกระชวยให้กับชีวิตกันบ้าง ผมกะว่าตอนแรกจะชวนคุณกรไปเที่ยวชมแสงสีด้วยกันเสียหน่อย แต่มีมาด้วยแบบนี้ เห็นทีจะไม่ขัดความสุขแล้วล่ะครับ”
กรดลยังไม่ทันแก้ความเข้าใจผิดใดๆ ลูกค้าของเขาก็ขอตัวไปเสียก่อนแล้ว ทิ้งให้ชายหนุ่มต้องนั่งถอนใจเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืน แล้วเดินกลับห้องพัก
แม่สาวน้อยนั่นโดนมองเหมารวมไปแล้ว ว่าเป็นเด็กของเขาสินะ กรดลส่ายหน้าน้อยๆ พลางยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ นี่เขากลายเป็นเฒ่าหัวงูไปแล้วในสายตาลูกค้าแน่ๆ ก็เล่นอายุห่างจากบัวบูชาตั้งเกือบยี่สิบปีเต็ม มันก็ธรรมดาที่คนจะมองแบบนั้น ระหว่างเขากับหล่อนดูห่างกันเกินไป แต่กับธีรัช คงจะพอสมน้ำสมเนื้อกันอยู่หรอก ยี่สิบห้า กับสิบแปด เขาตั้งใจจะให้สองคนนี่หมั้นหมายกันก่อน แล้วค่อยแต่งงานกันอีกทีเมื่อค่อยคุ้นเคยกันแล้ว กรดลเชื่อว่าความน่ารักน่าใคร่ของบัวบูชาจะทำให้ธีรัชติดใจ และยอมทำตามเงื่อนไขโดยง่าย หรือถ้าไม่ยอม เขาเองก็มีไม้เด็ดรออยู่
นึกถึงหน้าหวานๆ นั่น ก็อดยิ้มออกมาอีกรอบไม่ได้ ถ้าเป็นเขาคงไม่ปฏิเสธสาวน้อยน่ารักอย่างบัวบูชาแน่นอน สาวสวย บอบบาง น่าถนอมออกปานนั้น เป็นผู้หญิงในฝันของใครหลายๆ คนเลยก็ว่าได้ ถ้าหลานชายเขายังต่อต้าน ธีรัชคงไม่บ้ามากก็โง่มาก อย่างใดอย่างหนึ่งแน่นอน
ชายหนุ่มเปิดประตูเข้ามาในห้องพัก นัยน์ตาคมกริบสะดุดเข้ากับร่างบางเล็กที่นอนอยู่บนโซฟา บัวบูชาดูเหมือนจะกำลังหลับสนิทเลยทีเดียว กรดลก้าวยาวๆ ตรงไปยังเธอ เขาเอื้อมมือทำท่าจะแตะปลุกสาวน้อย แล้วก็ต้องเผลอนิ่ง เมื่อพิศมองหน้างดงามนั้นยามหลับ เขาเปรียบเธอไว้ไม่ผิดหรอกว่าเหมือนเจ้าหญิง ตอนนี้บัวบูชาเหมือนเจ้าหญิงนิทรา ที่รอเจ้าชายมาจุมพิตปลุกให้ตื่นมากเสียจริงๆ
นัยน์ตาคมปลาบมองกวาดไปทั่วเครื่องหน้าละมุนจิ้มลิ้ม เผลอทรุดลงนั่งคุกเข่ามองหน้าหวานๆ นั่นอย่างชื่นชม มือใหญ่เผลอเอื้อมไปจนเกือบแตะแก้มใส แต่แล้วสาวน้อยที่ถูกมองจับจ้องยามหลับก็กะพริบตาถี่ๆ ตื่นขึ้นมาเสียก่อน เธอปรือตามองคนร่างสูงที่กำลังคุกเข่าอยู่เบื้องหน้า นี่กำลังฝันไปหรือเปล่าหนอ เธอกำลังฝันถึงเจ้าชายรูปงามที่จะมาปลุกเธอให้ตื่นใช่ไหม?
“เอ่อ...”
ตาต่อตาสบกันชั่วครู่ ก่อนที่สาวน้อยจะรีบร้อนผุดลุกขึ้นนั่ง กรดลตอนนี้ที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าร่างบางเล็กนั่น ก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน ต่างคนก็มองเมินไปทางอื่นเสียชั่วคราว ความรู้สึกแปลกประหลาดกำลังเต้นระริกในใจของคนทั้งคู่
“ขอโทษค่ะที่บัวเผลอหลับ”
“ไม่เป็นไรหรอก กินอะไรหรือยัง ฉันเรียบร้อยมาจากข้างล่างแล้ว”
“ยังเลยค่ะ”
เสียงหวานตอบอย่างขลาดๆ ดูเธอจะชอบทำตัวลีบตัวเล็กทุกคราว เมื่ออยู่ใกล้เขา ทำให้กรดลอดยิ้มน้อยๆ ไม่ได้
“เกรงใจหรือยังไงกัน บอกแล้วว่าสั่งรูมเซอร์วิสขึ้นมากินได้ ถ้าอย่างนั้นฉันจะสั่งอะไรง่ายๆ มาให้ก็แล้วกัน”
ชายหนุ่มทรุดลงนั่งข้างๆ เธอ แล้วกดโทรศัพท์ยกหู สั่งไปยังแผนกบริการด้านล่าง บัวบูชายิ้มแหยส่งให้เขา เมื่อกรดลหันมามองเธออย่างเอ็นดูอีกหน
เหมือนลูกกวางขี้ตื่นเสียจริงๆ สาวน้อย
ชายหนุ่มคิดในใจ
“เรามาคุยทำความรู้จักกันดีไหม? บัวบูชา ฉันไม่เคยไปเยี่ยมเธอเลยที่โรงเรียนประจำ แต่ก็ได้รับข่าวของเธอเสมอ เธอเรียนดีมากเลยนะ พี่ชายของฉันคงภูมิใจที่ได้สนับสนุนเด็กดี”
“ค่ะ”
“ฉันหมายถึงคุยทำความรู้จัก ไม่ได้ให้เธอตอบว่าค่ะคำเดียว”
กรดลดักคอ เมื่อสาวน้อยทำท่าจะเริ่มพูดน้อยอีกหน เล่นเอาอีกฝ่ายต้องทำหน้าเจื่อน ก่อนจะตอบเสียงสั่นเล็กน้อย
“เอ่อ...แล้วคุณกรดลต้องการทราบอะไร เกี่ยวกับตัวบัวบ้างล่ะคะ จะให้บัวแนะนำตัวแบบไหน”
“เธอมีแผนจะทำอะไรต่อ อยากเรียนต่อไหม ฉันจะได้ส่งเสียต่อเมื่อกลับไปที่โน่นแล้ว”
ข้อเสนอนี้ทำให้สาวน้อยถึงกับใจเต้นแรงอย่างยินดี แต่แล้วเธอก็ส่ายหน้าน้อยๆ
“บัวรบกวนพวกคุณมากมายแล้วน่ะค่ะ บัวอยากทำงานมากกว่า ส่วนเรื่องเรียนต่อ เอ่อ บัวตั้งใจว่าจะเรียนไปด้วยทำงานไปด้วยน่ะค่ะ”
“อย่างนั้นหรือ”
คิดแล้วว่าแม่สาวน้อยคนนี้ ต้องเป็นเด็กดี ซึ่งก็เป็นเด็กดีจริงๆ เสียด้วย พี่ชายของเขามองคนไว้ไม่ผิดเสียจริงๆ กรดลคิดในใจ
“ค่ะ จะให้บัวไปทำงานรับใช้อะไรคุณก่อนก็ได้ เพราะว่าคุณมีบุญคุณกับบัวมากๆ”
เธอว่า แล้วกราบเขาอย่างนอบน้อม ท่าทางนั้นประทับใจกรดลยิ่งนัก รอบกายเขามีแต่ผู้หญิงสมัยใหม่ สาวทำงานที่คล่องแคล่วว่องไว ดูอย่างครองขวัญที่มีศักดิ์เป็นหลานสาว ขานั้นเองก็เป็นสาวนักทำงาน เปรี้ยวจี๊ดจ๊าดเข็ดฟัน ไม่นุ่มนวลเรียบร้อยแบบนี้
“เธอมีเรื่องที่ต้องตอบแทนพวกเราอยู่แล้วนะบัวบูชา”
กรดลเม้มปากเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจเกริ่นนำดูท่าทีอีกฝ่ายหนึ่งดูก่อน ว่าเจ้าตัวจะยินยอมพร้อมใจหรือไม่
“มีเรื่องอะไรที่จะให้บัวได้รับใช้ บัวจะยินดีทำให้ทุกอย่างเลยค่ะ”
สาวน้อยตอบพร้อมกับรอยยิ้มหวาน กระตุกหัวใจคนมอง ชายหนุ่มกระแอมเล็กน้อย และตัดสินใจพูดบอกถึงสิ่งที่ต้องการจากเธอ เพื่อตอบแทนการอุปาการะส่งเสียเลี้ยงดูไปในทันที
“ทางพี่ชายของฉัน อยากจะให้เธอหมั้นหมายกับลูกชายคนเดียวของเขา ฝากฝังกับฉันเอาไว้น่ะบัวบูชา สิ่งนี้ถือว่าจะเป็นสิ่งที่เธอทำให้พวกเราได้ เธอจะยอมไหม? ถ้านี่เรียกว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณ”
“...”
คำบอกกล่าวนั่น เล่นเอาสาวน้อยถึงกับอ้าปากค้าง มองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ ว่านี่คือสิ่งที่เธอจะได้ยินจากปากของผู้ปกครอง ผู้มีพระคุณของเธอมาตลอดสิบปี
โอ...นี่มันฝันไปหรือเปล่านะ การตอบแทนบุญคุณแบบนี้ เธอจะยอมรับได้ไหม เพราะมันเหมือนกับการให้ไปทั้งชีวิตของเธอเลยทีเดียว!
...............................................................................................................................................................................
‘ฉันไม่ได้เร่งรัดหรืออะไรหรอกนะ แต่ต้องการคำตอบ ซึ่งหวังว่ามันจะไม่ใช่คำปฏิเสธ’
คำพูดของกรดลที่ทิ้งท้ายไว้นั่นแหละ มันเหมือนคำบังคับกันแล้วกลายๆ ว่าเธอต้องตอบตกลง บัวบูชาถอนใจน้อยๆ พลางยกแขนเรียวขึ้นก่ายหน้าผาก ใครจะไปคาดคิดกันเล่า ว่าทางบ้านภูมิไพบูลย์จะต้องการสิ่งนี้จากเธอ สาวน้อยกัดริมฝีปากจนเจ็บ คำว่าบุญคุณที่หนักหน่วงยิ่งนัก มันเหมือนกับก้อนหินที่ถ่วงไว้ในอก มันทำให้เธอไม่มีทางเลือกไหนนอกจากตอบรับเท่านั้นเอง
แต่งงาน...
มันเหมือนกับมอบชีวิตให้คนๆ หนึ่งดูแลไปตลอด ยิ่งแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก ไม่เคยเห็นหน้าแล้วด้วย มันจะเป็นยังไงกันนะ แค่คิดก็ให้นึกกลัวไปล่วงหน้าเสียก่อนแล้ว น้ำตาเริ่มไหลออกมาจากนัยน์ตางดงาม ก่อนจะเริ่มสะอื้น ชีวิตเธอต้องอยู่ในกรอบแบบนี้ไปตลอดหรืออย่างไรกันหนอ พ้นจากกรอบของโรงเรียนประจำแล้ว เธอต้องโผเข้าสู่กรงทองของการวิวาห์ กับคนที่ไม่เคยแม้แต่จะเห็นหน้า
แต่จะทำอย่างไรได้เล่า นอกจากจะก้มหน้ารับไป การที่เป็นคนกตัญญู ทำให้บัวบูชายอมตกลงที่จะก้าวเข้าสู่กรงนั้นอย่างไม่ลังเล แม้จะหวาดกลัว แต่ก็เต็มใจที่จะยอมรับมัน ตระกูลภูมิไพบูลย์มีบุญคุณกับเธอมากมายนัก และในเมื่อเขาต้องการสิ่งนี้เป็นสิ่งตอบแทน เธอเองก็ต้องยอมสละให้
หวังว่าว่าที่คู่หมั้นของเธอ จะเอื้ออารี และจิตใจดีเหมือนกับบิดาและผู้เป็นอานะ สาวน้อยคิด ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้มีอะไรที่รอคอยเธออยู่ แต่มันคงไม่หอมหวาน งดงามเหมือนที่เธอคิดไว้เสียแล้ว สิ่งที่เธอคิดว่าจะได้ทำเมื่อออกมาจากโรงเรียนประจำ ตอนนี้มันคงจะไม่ได้ทำอีกต่อไป สิ่งเดียวที่บัวบูชาจะได้ปฏิบัติต่อไปนี้ นั่นก็คือก้าวเข้าไปในบ้านภูมิไพบูลย์ ในฐานะ ว่าที่คู่หมั้น...
พรุ่งนี้...ที่เธอไม่อยากให้มาถึงเลย สาวน้อยอยากหลับไป ย้อนคืนไปยังวัยแปดขวบที่ยังมีบิดาอยู่ด้วยอีกหน เพื่อที่ชีวิตของเธอจะได้ไม่ต้องตกอยู่ในกรงทองของใครแบบนี้ แต่มันคงจะไม่มีวันเป็นไปได้ ได้แต่ก้มหน้ายอมรับไป ถ้าเธอเป็นคนดีน้อยกว่านี้ก็คงจะดีไม่ใช่น้อย เธอจะได้ปฏิเสธ และหนีไปมีชีวิตของตนเอง แต่คำว่ากตัญญูที่ค้ำคออยู่ มันไม่อาจจะทำให้เธอกระทำสิ่งนั้นได้
บัวบูชาเอ๋ย...พรุ่งนี้ที่รออยู่ จะเป็นอย่างไรกันนะ...