บทที่ 3
บัวบูชาเดินตามหลังผู้ปกครองของเธอ แล้วมองไปรอบๆ อย่างหวาดๆ กรดลพาเธอมาแวะที่โรงแรมหรูแห่งหนึ่งใจกลางเมือง เขาบอกกับเธอเพียงสั้นๆ ว่ามีธุระนัดกับลูกค้าไว้ที่นี่ เลยต้องค้างคืนก่อนจะกลับไปยังบ้านภูมิไพบูลย์ บรรยากาศที่นี่ช่างโอ่อ่า งดงามยิ่งนัก นานครั้งหรอกเธอจะได้ออกนอกรั้วโรงเรียนประจำ สาวน้อยจึงมองทุกอย่างด้วยความตื่นตาตื่นใจ แล้วต้องเผลออุทานออกมาเบาๆ เมื่อเห็นหญิงชายคู่หนึ่งจุมพิตแสดงความรักกันอยากเปิดเผย เมื่อขึ้นลิฟท์ไปยังห้องพักพร้อมกับชายหนุ่ม
เสียงอุทานนั้นทำให้กรดลหันไปมองสาวน้อย เขาเห็นเจ้าหล่อนเมินไปทางอื่นแล้วแก้มแดงปลั่งเลยทีเดียว เมื่อเห็นชาวต่างชาติคู่ฮันนีมูน ที่กำลังหวานกันแบบไม่สนใจสายตาใครกำลังจูบกันอยู่ ทำราวกับอยู่กันสองคนบนโลกนี้ กรดลคว้ามือนิ่มนั้นมากุมไว้เมื่อถึงชั้นที่ต้องการ แต่ไม่มีวี่แววว่าสองหนุ่มสาวนั่นจะถอนจูบ และแม่สาวน้อยคอนแวนต์เองก็กำลังทำท่าเหมือนจะเขินจนเป็นลม
ห้องพักที่กรดลเลือกเป็นห้องสวีท มีสองห้องนอนด้านใน ภายในตกแต่งเฟอร์นิเจอร์หรูหรา ราคาแพง บัวบูชามองข้าวของเครื่องใช้ที่ตกแต่งไว้อย่างตื่นตา ตั้งแต่ก้าวออกมาจากรั้วโรงเรียนประจำที่เคยคุ้น ทุกสิ่งช่างแปลกใหม่ กรดลพาเธอมาพบกับความหรูหรา ราวกับว่าเธอเป็นนางซินที่กำลังก้าวเข้าสู่ปราสาทของเจ้าชาย
“รอที่นี่ก่อนก็แล้วกัน ฉันต้องลงไปทำงานก่อน มีอะไรก็เรียกรูมเซอร์วิสนะ”
เขาปล่อยมือ แล้วหันมาบอกเธอเสียงทุ้ม สายตาคมกริบมองหน้าใสแดงเรื่อนั่นอย่างนึกเอ็นดู บัวบูชาพยักหน้าก่อนจะตอบรับเสียงเบา
“ค่ะ”
“อยู่คนเดียวได้นะ”
ชายหนุ่มถาม เสียงทุ้มนิ่มๆ นั่นฟังปราณีมากยิ่งขึ้น ไม่ได้ฟังเหมือนออกคำสั่งอย่างทุกหน ทำให้บัวบูชาเผลอยิ้มให้เขา รอยยิ้มนั้นเล่นเอาคนมองถึงกับตาพร่า ปรกติว่าสวยแล้ว ยิ่งยิ้มแบบนี้ยิ่งน่ารักมากขึ้นไปอีกเท่าตัว นัยน์ตากลมหวานนั่นเป็นประกายระยับเลยทีเดียว
“ได้สิคะ บัวไม่ใช่เด็กแล้ว”
“พูดยาวๆ ก็เป็นเหมือนกันนะเรา”
กรดลว่า เล่นเอาบัวบูชาถึงกับก้มหน้าลงทันที พยายามทำตัวเล็กลงเหมือนกับจะกลัวเขาดุ ยิ่งทำให้ชายหนุ่มนึกเอ็นดูมากยิ่งขึ้น
เด็กหนอเด็ก คงทั้งไม่คุ้น แล้วก็กลัวเขาดุสินะ หน้าตาของเขามันก็เป็นแบบนี้ แล้วก็บุคลิกยิ้มยากนี่อีก มันแก้หายเสียที่ไหนกัน ความที่ต้องรับผิดชอบ เอาจริงเอาจังมาตั้งแต่อายุยังน้อย ทำให้เขาติดที่จะจริงจังไปเสียทุกเรื่อง
“คือว่า...คือ...”
“หึๆ ฉันน่ากลัวนักหรือยังไงกันสาวน้อย เราถึงได้ดูกลัวมากถึงขนาดนี้ ไม่ต้องกลัวหรอก เราสองคนจะต้องอยู่ด้วยกันอีกนานเลยล่ะ เธอก็คิดเสียว่าฉันเป็นญาติผู้ใหญ่ก็แล้วกัน คิดว่าเป็นพี่ชายก็ได้นะ หรือถ้าไม่สะดวกใจว่าฉันแก่กว่าเธอมาก ก็นึกเสียว่าเป็นลุงเป็นอาก็ได้”
“คุณยังไม่แก่หรอกค่ะ”
บัวบูชาเผลอหัวเราะกิ๊ก เมื่อเห็นว่าคนหน้าตาขรึมๆ นัยน์ตาดุวับอย่างกรดล ไม่ได้น่าเกรงขามเหมือนที่เธอคิดสักเท่าไหร่นัก หญิงสาวเงยหน้ามองใบหน้าหล่อเหลานั้น อย่างชื่นชมบูชาจากใจจริง เขาเป็นผู้มีพระคุณต่อเธออย่างมาก ถ้าไม่ได้เขาแล้วป่านนี้เธอจะมีเงินเรียนจนจบการศึกษาไหมนะ
“คุณยังหนุ่มมากๆ เลย เป็นแค่พี่ชายก็แล้วกันนะคะ”
“พูดยาวๆ กับฉันได้แล้วแบบนี้ค่อยยังชั่วหน่อย” กรดลว่า
“เดี๋ยวฉันกลับมา แล้วเราจะมีเรื่องต้องคุยกันอีกยาวเลยล่ะ”
“ค่ะ”
คำตอบรับนั้นเรียกรอยยิ้มได้จากกรดล ก่อนที่เขาจะออกไปจากห้องสวีท บัวบูชามองตามผู้ปกครองของเธอด้วยสีหน้าที่ดีขึ้น ดูเหมือนว่าโลกนอกโรงเรียนประจำนี้ จะไม่น่าหวาดหวั่นอย่างที่เธอคิดไว้ ผู้ปกครองของเธอแม้จะดูดุ แต่ก็ยังอ่อนโยนมากกว่าที่เธอหวาดเกรง หญิงสาวทรุดลงนั่งบนโซฟาตัวหรู ที่นี่ดูหรูหรา โอ่อ่ามาก คงจะสมกับราคาแพงระยับของมันที่ต้องจ่าย ตระกูลภูมิไพบูลย์มีฐานะเป็นปึกแผ่น มั่นคงมาก ไม่อย่างนั้นคงไม่ส่งเสียเด็กกำพร้าอย่างเธอเรียนโรงเรียนดีๆ ค่าเทอมแพงๆ มาตั้งหลายปีได้หรอก
เธอเก็บเงินบางส่วนที่เขาให้ประจำ เป็นเงินเดือนไว้ในบัญชีเงินฝากด้วย ไม่ได้ใช้ฟุ่มเฟือยอะไร ถึงแม้จะรู้ว่าผู้ปกครองของตนมีเงินถุงเงินถัง แต่บัวบูชาก็ไม่ได้คิดที่จะพึ่งพาพวกเขาไปตลอดชีวิต เธออยากยืนด้วยขาของตนเอง และตั้งใจบอกสิ่งนี้ให้กับผู้ปกครองของตนได้รับรู้อีกด้วย รวมถึงบุญคุณที่ต้องตอบแทน นั่นก็เป็นอีกสิ่งของความตั้งใจของสาวน้อย
คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยสักพัก สาวน้อยก็เริ่มปิดปากหาว ตัวเริ่มเอนนอนลงเรื่อยๆ จนในที่สุดเธอก็นอนเอนบนโซฟาตัวกว้าง เมื่อคืนนี้ตอนเก็บข้าวของเธอล่ำลาเพื่อนๆ และบรรดาซิสเตอร์ที่ผูกพันกันมานานค่อนข้างดึก บัวบูชาแทบไม่ได้นอนทั้งคืนด้วยความตื่นเต้น ที่จะได้พบปะกับผู้มีพระคุณ ในที่สุดตาของเธอก็ม่อยหลับลง จนหลับพริ้มไปในที่สุด สาวน้อยนอนกอดหมอนอิง และเผลอหลับไปอย่างแสนสุข