บทที่ 2
“อืม...”
เสียงครางงึมงำดังขึ้นจากชายหนุ่มร่างกำยำ ที่นอนเปลือยอยู่บนเตียง เมื่อสาวสวยในอ้อมแขน เริ่มซุกซนไม่อยู่นิ่ง มือนิ่มนั้นป่ายไปตามหน้าอกแกร่ง หยอกเล่นอย่างคนที่รู้จุดปลุกอารมณ์ร้อนเร่าให้ประทุเดือด นั่นทำให้เขาเริ่มอดรนทนไม่ไหว กลับดึงคนในอ้อมแขนให้อยู่ใต้ร่างแล้วเริ่มรุกเร้าเธอบ้าง เรียกเสียงครางให้ดังขึ้นมาเป็นระยะ มือใหญ่บีบเคล้นทรวงสาวอวบอิ่มรุนแรงเล็กน้อย ตามแรงอารมณ์ที่กำลังโหมคึก ฝ่ายนั้นไม่ได้บ่นว่าเลยแม้แต่น้อย กลับชอบอกชอบใจ และยอมให้เขาทำตามความปรารถนาอย่างเต็มที่
เสียงโทรศัพท์กรีดดังขึ้น ขัดจังหวะสองหนุ่มสาวที่ทำท่าจะไต่ขึ้นไปยังบันไดสวรรค์ เสียงเรียกเข้าที่ตั้งไว้เฉพาะนั่น ทำให้ธีรัชยอมละมือจากความสำราญที่กำลังคลุกเคล้าอยู่ไปรับสายในทันที เสียงของเขายังคงไม่ปรกตินักเมื่อกรอกสายลงไป เพราะแม่สาวคู่ขาที่เขาหิ้วมาจากผับ เริ่มอาละวาดกับเนื้อตัวแน่นแกร่งของเขาอีกแล้ว เธอซบลงกับตักเขา แล้วเริ่มก่อกวน ธีรัชลูบเรือนผมสลวยนั่นเบาๆ พยายามกลั้นเสียงประหลาด ที่จะลอดออกไปให้ปลายสายได้ยิน
“ว่าไงครับ ป้าพิม”
“คุณกรน่ะ ไปรับเด็กนั่นมาแล้วนะคะ คุณธาม”
“หืม?”
สติของธีรัชยังไม่คงที่ดีนัก แถมยังถูกก่อกวนด้วยอารมณ์พิศวาส จากแม่สาวร้อนแรงอีกต่างหาก ปลายสายจึงย้ำอีกรอบเสียงเข้มเน้นหนัก
“ก็เด็กในปกครองของคุณท่าน ที่ตั้งใจจะให้แต่งงานกับคุณธามยังไงล่ะคะ วันนี้คุณกรไปรับที่โรงเรียนประจำ เห็นให้น้อยจัดห้องให้ ป้าจะบอกคุณธามตั้งแต่เมื่อวาน แต่ว่าคุณธามไม่กลับบ้าน”
เสียงของพี่เลี้ยงของเขาหนนี้ เล่นเอาธีรัชตาสว่าง เขาดึงตัวออกมาเสียจากสาวสวย อารมณ์อะไรต่อมิอะไรมันพานจะถดถอย ไม่เร่าร้อนวูบวาบอีกต่อไปแล้ว นัยน์ตาสีดำสนิทเปล่งประกายวูบอย่างไม่พอใจ ใบหน้าหล่อเหลาบึ้งตึงไปในทันที
“นี่อากรเอาจริงหรือนี่ สัญญาอะไรแบบนั้น งดไปเสียก็ได้ ไหนๆ พ่อก็ตายไปแล้ว คงไม่ลุกขึ้นมาจากหลุมด่าผมหรอกน่า ถ้าไม่ทำตามความต้องการ”
“โธ่...คุณธาม”
พิมครวญ นางแอบนำความลับมาบอกกับธีรัช ขืนกรดลรู้เข้าล่ะก็ มีหวังต้องแย่แน่ๆ นางบังเอิญแอบได้ยินกรดลคุยกับวรวุฒิ ทนายความของครอบครัว ว่าขอความร่วมมือกับวรวุฒิเล็กน้อย เพื่อจะจัดการธีรัชให้ได้ทำตามความต้องการของบิดา ที่อยากให้เขาได้หมั้นหมายและแต่งงานกับลูกสาวของบูรณะ
“ผมไม่ยอมหรอกนะ ป้าพิม อากรมีสิทธิ์อะไรมาบังคับผม”
ชายหนุ่มหงุดหงิด เขาผลักหญิงสาวที่จะเข้ามาเคล้าคลอเบาๆ จนเจ้าหล่อนขมวดคิ้ว หากแต่เมื่อเห็นหน้าตาถมึงทึงของธีรัชเข้า ก็ถึงกับยิ้มแหย
“คุณธามก็น่าจะรู้จักคุณกรดีนะคะ ว่าถ้าจะบังคับอะไรแล้ว ก็ต้องทำจนได้นั่นแหละค่ะ ป้าเลยรีบเตือนให้คุณธามเตรียมรับมือไว้ คุณกรน่าจะกลับพรุ่งนี้ ยังไงคุณธามก็มองทางหนีทีไล่ไว้นะคะ”
“ขอบคุณป้าพิมมากนะครับ เฮ้อ...”
ชายหนุ่มถอนใจแล้ววางสายลง เขาเม้มปากแน่น ใจขุ่นเคืองผู้เป็นอายิ่งนัก ที่คิดจะมาบังคับกะเกณฑ์ชีวิตเขาอีกแล้ว กรดลไม่มีสิทธิ์ที่จะทำแบบนี้กับเขา ชีวิตนี้เป็นของธีรัช ซึ่งไม่มีทางตกอยู่ใต้อำนาจใครอย่างง่ายๆ
ทางหนี...ทีไล่ คำพูดของพิมทำให้เขาหรี่ตา นั่นสิ...ตอนนี้เขายังคิดอะไรไม่ออก เพราะเรื่องมันกะทันหันขนาดนี้ คงจะต้องหนีไปตั้งหลักก่อนจริงๆ นั่นแหละ และคงจะต้องหนีไปไกลๆ เสียก่อนเพื่อตั้งหลัก ประท้วงกรดลบ้างว่าไม่มีสิทธิ์จะมาทำอะไรกับเขาตามใจชอบ
“อ้าว...คุณธาม เอ่อ...ไม่ต่อเหรอคะ”
เสียงหวานจากสาวคู่ขาเรียกเขาอย่างเสียดาย เมื่อชายหนุ่มผุดลุกขึ้นจากเตียง ธีรัชส่ายหน้า พร้อมกับเอ่ยตอบเธอด้วยน้ำเสียงเย็นชา ราวกับว่าทั้งคืน ไม่เคยกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับเธออย่างถึงพริกถึงขิงอย่างนั้นแหละ
“ไม่ล่ะ เดี๋ยวผมมีค่าเสียหายให้”
ว่าแล้วก็ล้วงเอาธนบัตรสีเทาปึกใหญ่ออกมาจากกระเป๋า ฝ่ายหญิงแม้จะตาโต เมื่อเห็นความหนาของมันเข้า แต่ก็ทำกระเง้ากระงอดอย่างมีมารยา
“แหม...คุณธาม ทำยังกับว่ามินเป็นสาวอย่างว่าไปได้”
“จะเอาไหม?”
เขาถามเสียงห้วน ฝ่ายนั้นตะครุบเงินที่เขายื่นให้หมับ แต่ก็ยังไม่วายบ่นออดแอด ว่าที่รับไว้เพราะเกรงเขาเสียน้ำใจมากกว่า ธีรัชถึงกับแอบเบ้ปาก ก็นี่ล่ะนะผู้หญิง แต่ก็คุ้มค่าดีกับสิ่งที่เจ้าหล่อนปรนเปรอให้เขาเมื่อคืนนี้ ตอนนี้เขามีเรื่องจะต้องคิดเร่งด่วนมากกว่า ว่าจะหนีไปอยู่ที่ไหนเพื่อตั้งหลักดี
คงต้องไกลกันแบบข้ามโลกนั่นแหละ ธีรัชยิ้มบางๆ อย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะต่อสายหาเพื่อนสนิท ที่เพิ่งไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศส เขาจะทำให้กรดลหัวปั่นบ้าง ก็ช่วยไม่ได้ อยากมาบังคับเขาทำไม ถ้ายังไงรับเด็กนั่นมาแล้ว อยากให้แต่งงานนัก ก็แต่งกันเอาเองเถอะน่า เขาไม่ยุ่งด้วยเด็ดขาด!
............................................................................................................................................................................
“อะไรนะนายธาม เดี๋ยวก่อนสิ อย่าเพิ่งวางสายนะ เฮ้!”
เสียงสัญญาณขาดหายไปเสียดื้อๆ ทำให้ครองขวัญถึงกับหน้ามุ่ย เมื่อลูกพี่ลูกน้องหนุ่มอย่างธีรัชมาฝากบอกข่าวสำคัญ เหมือนกับโยนเผือกร้อนมาให้ แล้วก็ตัดจบการสนทนาไปเสียอย่างนั้น เมื่อพยายามต่อสายไป แล้วทางนั้นไม่ยอมรับเสียที เธอจึงยอมแพ้ ทรุดร่างแปะลงบนโซฟาก่อนจะกุมขมับ ไอ้พูดน่ะมันพูดบอกได้อยู่หรอก แต่เธอไม่อยากเห็นสีหน้าดุๆ ของผู้เป็นอา ที่มองทีไรก็พานชวนใจหวาด แข้งขาสั่นไปเสียทุกหน
“ตาธามนะตาธาม ทิ้งเรื่องปวดหัวให้พี่แท้ๆ แล้วนี่นึกยังไงถึงจู่ๆ แจ้นไปฝรั่งเศส หรือประท้วงที่อากร ทำโทษเรื่องไปแข่งรถหนก่อนนะ โตจนมีเมียได้แล้ว ยังทำตัวเป็นเด็กๆ ไปได้”
เสียงหวานบ่นอุบ แล้วถอนใจออกมาเฮือกใหญ่ เธอต้องรับหน้าเสื่อให้กับธีรัชหลายครั้งหลายหนแล้ว ยามน้องชายก่อวีรกรรมแสบ แล้วชิ่งหนีหายไป ปล่อยให้เธอรับหน้าอาหนุ่ม ที่เปรียบเสมือนผู้ปกครองของบ้านภูมิไพบูลย์
“ดีนะที่อากรยังไม่กลับมา”
ครองขวัญย่นจมูกน้อยๆ ก่อนจะทำท่าขนลุกเมื่อนึกถึงอาหนุ่ม กรดลเป็นคนเฉียบขาด ค่อนข้างดุ เวลาทำอะไรก็ทำจริงนัก นี่แหละพ่อตัวแสบธีรัช ถึงต้องแอบประท้วงบ่อยๆ แอบทำซ่าบ่อยๆ เพราะอึดอัดกับกรอบที่กรดลกำลังฝึกให้เขาเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้
นึกถึงสองหนุ่มของบ้านแล้ว ครองขวัญก็ได้แต่แอบกลุ้ม สองคนนี้กำลังห้ำหั่นกันเงียบๆ สินะ คนหนึ่งพยายามต้อนคนหนึ่งเข้ากรง อีกคนก็พยายามจะแหกหนี เรียกได้ว่าไม่มีใครยอมใคร อย่างว่านิสัยบางอย่างของธีรัช การถูกบิดาตามใจมาแต่เด็กๆ จะมาปรับเปลี่ยนอะไรได้ว่องไวย่อมไม่ใช่แน่ๆ
แล้วธีรัชเองก็ดื้อมาก เหมือนๆ กับที่กรดลเองก็ดื้อ อยากให้หลานชายคนเดียว เป็นไปในแบบที่เขาอยากให้เป็น สองคนเลยมีเรื่องกระทบกระทั่งกันอยู่เรื่อยๆ หาวิธีล้อมกรอบ วิธีหนีกันอยู่บ่อยๆ ล่าสุดนี่กรดลดูเหมือนจะมีอีกวิธี ที่จะทำให้ธีรัชรับผิดชอบและเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น นั่นก็คือ...
“ตายล่ะ หรือว่านายธามจะรู้แล้ว ว่าอากรจะทำอะไร”
ครองขวัญอมยิ้ม แล้วหัวเราะเบาๆ เธอมองโทรศัพท์มือถือของตนเองอย่างลังเล ว่าจะแจ้งข่าวอาหนุ่มเลยดีไหม ว่าป่านนี้คนที่กรดลกำลังคิดจะล้อมกรอบ แจ้นหนีไปอีกทวีปหนึ่งแล้ว ลังเลอยู่เป็นครู่ หญิงสาวแสนซนก็ทำหน้าเจ้าเล่ห์ แล้วอมยิ้ม
“ไม่ดีกว่า ไม่บอกดีกว่า อยากเห็นอากรทำหน้าลำบากใจ เอ...ว่าแต่ว่าที่เจ้าสาวของตาธามจะหน้าตาเป็นยังไงกันนะ เห็นว่าเป็นเด็กคอนแวนต์ ความประพฤติดีเยี่ยมเสียด้วยสิ จับเด็กคอนแวนต์มาคู่กับเด็กดื้อ เฮ้อ...อากรงานนี้เหนื่อยมากแน่ๆ”