เปลวสวาทสีน้ำผึ้ง

100.0K · จบแล้ว
โยธกา ดรินทร์ น้ำอ้อม
51
บท
2.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ให้ตายเถอะ! ไม่ได้อยากคิดที่จะเป็นวัวแก่ แล้วต้องมาเคี้ยวหญ้าอ่อนเลยจริงๆ ก็เจ้าหล่อนอายุแค่ 19 แถมยังเป็นสมบัติของหลานชาย แต่เปลวหวานสีน้ำผึ้งที่กำลังมอดไหม้อยู่ในอก ทำให้กรดลไม่อาจจะห้ามใจตนได้! “เรื่องเมื่อคืน...” “อากรไม่ต้องรับผิดชอบ ไม่ต้องอะไรทั้งนั้น อากรบอกเองว่าจำไม่ได้ ไม่รู้ว่าทำไปเพราะอะไร” ถ้อยคำที่เขาพรั่งพรูออกมาเมื่อตอนลืมตาแล้วพบตนเองอยู่บนเตียงกับสาวน้อย ถูกบัวบูชากรอกหูเขาแบบไม่ตกหล่นเลยสักคำ ชายหนุ่มหรี่ตาลง มองกวาดหน้าหวานๆ ที่ตอนนี้ดูเซ็กซี่แล้วก็น่ารักมากกว่าเดิมอีกหลายเท่า บัวบูชาหน้าแดงเรื่อ ตาวาวอย่างจะเอาเรื่อง แถมปากอิ่มที่ต่อว่าเขาฉอดๆ ต่างจากเวลาปรกตินั่นอีก “ไม่รับผิดชอบได้ยังไงกัน ฉันทำระยำไปขนาดนั้น ต้องรับสิ” “อากรรับผิดชอบบัวไม่ได้หรอกค่ะ” สาวน้อยเม้มปาก “อากรมีแฟนแล้ว อากรไปแต่งงานกับแฟนของอากรเถอะ ส่วนเรื่องของบัว บัวจะถือว่า...มัน...มันแค่ฝันร้าย” “หืม? ใครเป็นแฟนฉันกัน” “อากรรู้อยู่แก่ใจ ออกไปได้แล้วล่ะค่ะ มันจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่อากรต้องรับผิดชอบบัว หรือว่าเรื่องที่บัวจะแต่งงานกับคุณธีรัชด้วย” ใครบอกว่าเขาเป็นฝันร้ายกัน! เขาเป็นฝันดีที่สุดในชีวิตเจ้าหล่อนต่างหากเล่า แม่สาวน้อยบัวบูชา

นิยายรักโรแมนติกนิยายปัจจุบันเศรษฐีโรแมนติก18+หนีแต่งงานแต่งงานแทนพลิกชีวิตผู้ชายอบอุ่น

บทที่ 1

“รอสักครู่นะคะ คุณกรดล”

ซิสเตอร์ราณีเอ่ยปากบอกกับแขก ผู้มีอุปการะคุณของสถาบันการศึกษาของเธอ วันนี้เขามาที่นี่ เพื่อรอรับคนสำคัญกลับไปยังบ้าน ภูมิไพบูลย์ ชายหนุ่มพยักหน้าแล้วตอบรับเสียงทุ้ม

“ขอบคุณมากครับซิสเตอร์”

“เสียดายที่คุณไม่ได้มาในงานวันจบการศึกษาของบัวบูชา การแสดงเดี่ยวไวโอลินของแกยอดเยี่ยมมาก”

“พอดีผมติดธุระสำคัญ ใจจริงก็อยากจะมานั่นแหละครับ”

กรดลเอ่ยยิ้มๆ แล้วเอื้อมมือหนาไปหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาดื่ม ซิสเตอร์ราณีชวนเขาสนทนาอีกสี่ห้าประโยค ก่อนจะขอตัวไปเรียก ‘คนสำคัญ’

นัยน์ตาสีเข้มจัดหลุบลงมองเอกสาร ที่ซิสเตอร์มอบให้กับเขาไว้ ทั้งหมดเป็นหลักฐานการศึกษาของเด็กสาวคนหนึ่ง คนที่เรียกได้ว่าเป็นคนสำคัญของบ้านภูมิไพบูลย์ คนสำคัญของพี่ชายของเขา บัวบูชา ชิษณุพงษ์

ภาพของสาวน้อยหน้าหวานซึ้งขนาดต่างๆ ยามทำกิจกรรมของโรงเรียน ตรึงความสนใจของเจ้าของนัยน์ตาไว้ได้เป็นอย่างมาก เขามองจ้องเธออย่างพินิจ เธอเป็นสาววัยรุ่น ใบหน้างดงามยามยิ้มแย้ม ช่างดูสวยหวานบาดใจยิ่งนัก ปากคอคิ้วคางรับกันอย่างเหมาะเจาะงดงาม จุดเด่นบนใบหน้านั้น คือนัยน์ตาหวานกลมโตราวกับตากวาง รูปสุดท้ายของเจ้าหล่อนที่ซิสเตอร์สอดไว้ให้นั้น คือรูปบัวบูชาในชุดราตรีสีขาวสั้นฟูฟ่อง บนเรือนผมมีมงกุฎมุกเล็กๆ ประดับอยู่ ทำให้เธอสวยงดงามราวกับเจ้าหญิง

เจ้าหญิง...

คำๆ นี้ผุดขึ้นในใจของกรดล ชายหนุ่มแย้มริมฝีปากเล็กน้อย เมื่อมองภาพสาวน้อยตาหวานในรูป สวย หวาน ดูผู้ดีทุกกระเบียดนิ้วเสียจริงๆ นี่สินะ ที่พี่ชายของเขาหมายมั่นปั้นมือ เตรียมไว้ให้กับธีรัช ลูกชายคนเดียวของตนเอง

กรวิทย์รักและเป็นห่วงบุตรชายของตนเองมาก คอยฝากฝังไว้ให้กับกรดลเสมอๆ เหมือนกับจะรู้ตัว ว่าเขานั้นจะอายุสั้น อยู่ดูแลลูกชายได้ไม่นาน กรวิทย์เสียชีวิตไปเมื่อไม่กี่ปีมานี้ ทิ้งให้กรดลรับภาระไว้ทั้งธีรัชและกิจการร้านจิวเวลรี่ ที่ต้องคอยช่วยดูแล

หลานชายตัวแสบของเขาช่างแสนเอาแต่ใจตัว และใช้ชีวิตในแบบของตน แบบที่กรดลต้องคอยปราบและปรามอยู่เนืองๆ ชายหนุ่มหน้าตาดี มีฐานะทางการเงินร่ำรวย ไม่แปลกหรอกที่จะหลงเตลิดไปได้ง่ายดายนัก ขนาดเขาเป็นคนดุและคุมอย่างเฉียบขาด ธีรัชก็ยังไม่วายดื้อดึงและออกนอกลู่นอกทางบ่อยๆ ให้ต้องปวดหัว แล้วนี่ถ้ารู้ว่าบิดามีเงื่อนไขอะไรรออยู่ มีหวังได้อาละวาดบ้านแตกแน่ๆ

แม้แต่เขาเองก็ยังไม่อยากจะเชื่อ ว่าพี่ชายจะมีความคิดหัวเก่าแบบคลุมถุงชนแบบนี้ ทั้งที่นี่มันยุคไหนสมัยไหนเข้าไปแล้ว กรวิทย์ต้องการตอบแทนบุญคุณของบูรณะเพื่อนรัก ที่ช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาด้านธุรกิจ จนเติบโตมาได้พร้อมๆ กัน เมื่อทางครอบครัวของบูรณะต้องประสบกับชะตากรรมที่แสนเศร้า เมื่อถูกโกงจนหมดตัว ภรรยาเองก็หนีหายไปกับผู้ชายอื่น สุดทนที่ปัญหาถาโถมเกินกว่าเขาจะรับไหว บูรณะจึงฆ่าตัวตาย โดยทิ้งลูกสาวคนเดียวไว้ให้เผชิญโลกตามลำพัง กรวิทย์ ยื่นมือเข้าช่วยเหลือเด็กหญิงตัวจ้อย ที่ชะตาพัดพาให้ต้องเจอกับเรื่องที่เลวร้ายมากมาย ทั้งที่อายุเพิ่งจะแปดขวบ เขารับอุปการะบัวบูชา และหมายมั่นปั้นมือจะให้เด็กหญิงมีอนาคตที่ดี เพื่อเป็นการตอบแทนเพื่อนสนิทที่ทำให้เขามีความมั่งคั่งได้จนถึงทุกวันนี้ จะมีการใดที่ดีและการันตีว่าบัวบูชา จะมีอนาคตที่มั่นคงเป็นปึกแผ่น ได้เท่ากับการจับคู่ให้กับธีรัชบุตรชายคนเดียวของตนเองไปได้อีก

นี่แหละปัญหาหนักอกของกรดล คิดแล้วเขาก็ถอนใจน้อยๆ ธีรัชคงจะยอมง่ายๆ อยู่หรอก ตั้งแต่บิดาเสียชีวิตไป ชายหนุ่มก็เหมือนกับคนเคว้งคว้าง เพราะธีรัชนั้นกำพร้ามารดามาตั้งแต่เด็กๆ มีเพียงกรวิทย์ ที่เป็นจุดยึดเหนี่ยวและทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต หากแต่เขากลับหาทางเติมเต็มสิ่งอ้างว้างนั้นด้วย เพื่อน และผู้หญิง ธีรัชต้องการความรัก หากแต่ตนเองกลับไม่เคยรักใครจริงจัง นั่นเองทำให้ชายหนุ่มกลายเป็นแคสโนว่าเต็มขั้น แบดบอยในสังคม ที่มีแต่สาวๆ มากหน้าแวะเวียนมาไม่ขาด

แล้วนี่จะให้หมั้นกับเด็กสิบแปด กรดลก้มลงมองภาพถ่ายในมืออีกหน จริงอยู่แม้เจ้าหล่อนจะสวยงาม ดูน่ารักน่าถนอม แม้กระทั่งในรูปถ่ายก็ตามทีเถอะ แต่ดูแล้วไม่ต้องรสนิยมหลานชายอย่างมาก ขานั้นชอบสาวสวยเซ็กซี่ ร้อนฉ่าแบบเป็นงาน สาวที่หลุดไปจากคอนแวนต์แบบนี้ ธีรัชมีแต่จะวิ่งเปิดหนีเสียมากกว่า และเขาก็หวังว่าพ่อหลานชายตัวดี คงจะไม่ทำเรื่องปวดหัวแบบนั้นให้กับเขานะ

เสียงเคาะประตูดังขึ้น พร้อมกับซิสเตอร์ราณีและเด็กสาวที่เดินตามเข้ามา เรียกให้กรดลตื่นขึ้นจากภวังค์ เขาหันไปมองทางนั้น และนั่นเองเขาก็ได้เจอกับบัวบูชา เด็กสาวที่เขารับไว้ดูแลต่อจากพี่ชาย

“สวัสดีค่ะ คุณกรดล”

น้ำเสียงหวานราวกับระฆังเงิน ดังขึ้นจากปากอิ่มจิ้มลิ้ม เธอไหว้เขาอย่างนอบน้อม นัยน์ตากลมโตนั้นมีแววหวาดๆ เมื่อจ้องมองเขา กรดลเผลอมองกวาดไปทั่วเครื่องหน้างดงามนั่น อารมณ์บางอย่างวาบเข้าจับหัวใจ มันเต้นแรงราวกับเขาเป็นเด็กหนุ่ม เมื่อมองเห็นหญิงสาวที่ถูกใจเป็นหนแรก ใบหน้ารูปไข่ แต้มด้วยคิ้วเรียว นัยน์ตาหวานระยับ จมูกโด่งรั้น ปากอิ่มจิ้มลิ้ม เจ้าหล่อนมีผิวขาวละเมียดอมชมพู เรือนผมดำยาวเป็นมันมัดไว้เป็นหางม้า ตัวเล็กบอบบางราวกับตุ๊กตาแก้ว

นี่น่ะหรือ ว่าที่คู่หมั้นของหลานชายของเขา

“สวัสดี”

ชายหนุ่มเอ่ยตอบ ถอนตัวขึ้นมาเสียจากภวังค์ประหลาด ด้วยการหลุบตาลง แล้วหันไปให้ความสนใจกับซิสเตอร์ราณีแทน ขืนเขามองเธอนานอีกหน่อย คงไม่วายรู้สึกประหลาดขึ้นมาอีก

เออน่ะ...นี่เขากำลังเป็นอะไรไปนะ ชายหนุ่มปรามตนเอง เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน เขาไม่ใช่เด็กหนุ่มที่ไม่มีอารมณ์ยับยั้งชั่งใจ อายุสามสิบเจ็ดแล้วนะกรดล ห่างกับเจ้าหล่อนเกือบสิบปี สงสัยจะทำงานมากไปกระมัง ถึงได้หัวใจเต้นวูบวาบ เพียงแค่เห็นหญิงสาวสวยถูกตาต้องใจ

“ผมรับบัวบูชากลับไปได้เลยใช่ไหมครับ ซิสเตอร์”

“เอ่อ...รบกวนคุณกรดลรอสักพักนะคะ ท่านอธิการยังไม่เข้ามาน่ะค่ะ มีเอกสารที่ต้องเซ็นเล็กน้อย และท่านต้องการจะพบกับคุณกรดล เพื่อขอบคุณที่ให้การสนับสนุนเรามาตลอด”

บัวบูชายืนนิ่งราวกับเป็นรูปปั้นอยู่ตรงนั้น เมื่อฟังซิสเตอร์และ ‘ผู้ปกครอง’ ของเธอสนทนากัน นี่เป็นครั้งแรกก็ว่าได้ ที่หญิงสาวมีโอกาสได้เห็นหน้าคนที่อุปการะเธอมาเกือบสิบปี เธอทราบเพียงเขาชื่อ กรดล ภูมิไพบูลย์ น้องชายของคุณอากรวิทย์ เพื่อนสนิทของบิดาของเธอก็เท่านั้นเอง

นัยน์ตากลมหวานลอบมองเสี้ยวหน้าคมสันของเขาอย่างสำรวจ เขายังหนุ่มกว่าที่เธอคิดไว้มากนัก รูปร่างสูงสง่า นัยน์ตาคมดุจนเธอนึกเกรง เธอนึกถึงคำล้อเลียนของเพื่อนๆ เมื่อรู้ว่าเธอมีผู้ปกครองอายุยังไม่ถึงสี่สิบปี ว่าเขาอาจจะเลี้ยงต้อยเธอไว้ก็ได้ ทำให้บัวบูชาอดแก้มร้อนนิดๆ ไม่ได้ แถมใจก็นึกหวั่นๆ ว่าเขาจะเป็นจริงอย่างที่เพื่อนสาวช่างแหย่ของเธอว่าไว้ไหม

คงไม่หรอกน่า...ดูแล้วเขาไม่สนใจเราสักนิด จะมองก็ยังไม่เลย

สาวน้อยบอกกับตนเอง เมื่อแอบมองเขาอีกหน เขาไม่สนใจเธอจริงๆ นั่นแหละ ยังพูดคุยอยู่กับซิสเตอร์ราณี เกี่ยวกับโครงการศึกษาต่างๆ ที่เขาอยากจะช่วยเหลือบริจาค ไม่เหลือบแลมองเธอเลยแม้แต่น้อย บัวบูชาลอบถอนใจน้อยๆ เมื่อนึกถึงอนาคตของตนเองที่ยังมองไม่เห็น เธอจบการศึกษาเพียงแค่มัธยมปลาย ใจอยากจะศึกษาต่อให้สูงถึงปริญญาตรี แต่เธอไม่อยากรบกวนอะไรใครอีกแล้ว ตั้งแต่สิ้นบิดา และถูกส่งมาอยู่โรงเรียนประจำ บัวบูชาก็เริ่มปรับตัวให้เข้ากับสถานะที่เปลี่ยนไป แม้จะมีคนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือดูแล แต่เธอคงไม่อยากจะเป็นภาระให้ใครไปตลอดชีวิตแน่ๆ บัวบูชาตั้งใจว่าจะลองพูดคุยกับทางกรดลดู ว่าเธอจะขอทำงาน และถ้าเป็นไปได้ เธอก็อยากจะตอบแทนสิ่งที่เขาช่วยเหลือเธอมาจนจบการศึกษา

“หนูบัวรอตรงนี้ก่อนนะ ซิสเตอร์จะพาคุณกรดลเข้าไปหาท่านอธิการก่อน”

ซิสเตอร์ราณีบอกกับสาวน้อยที่กำลังยืนนิ่งคิดอะไรเพลินๆ

“ค่ะ”

เธอตอบรับคำ ตามองตามหลังบุรุษร่างสูงที่เดินตามซิสเตอร์ราณีไป ก่อนจะเม้มริมฝีปาก ชีวิตต่อจากนี้ของเธอจะเป็นอย่างไรกันหนอ หวังว่ากรดลคงจะใจดีเหมือนกับกรวิทย์ที่เธอเคยรู้จัก โลกใหม่ของเธอรออยู่นอกรั้วโรงเรียนประจำที่อาศัยอยู่มาตลอดสิบปีเต็ม ช่างเป็นโลกใหม่ที่ไม่คุ้นเคยและน่าหวาดหวั่น สำหรับสาวน้อยกำพร้าอย่างบัวบูชายิ่งนัก