บทที่ 3 ในวันที่ต้องตัดสินใจ
ในที่สุดสิ่งที่พลอยพยอมกลัวมันก็เกิดขึ้นจนได้ ตั้งแต่เด็กจนกระทั่งมีอายุยี่สิบสองปี เธอพยายามไม่ผูกใจเจ็บผู้หญิงคนนี้ เธอไม่ต้องการโกรธและเกลียดใคร เพราะไม่อยากให้ใจของตัวเองเป็นทุกข์ หากสุดท้ายเธอก็ได้รู้ว่าเมื่อเธอผ่านด่านทดสอบมาได้ด่านหนึ่ง ด่านต่อไปก็มักตามเข้ามา เหมือนกับว่าชีวิตนี้จะไม่ยอมให้เธอได้พัก
“เธอเพิ่งท้องได้สามเดือน เด็กยังขนาดเท่าเมล็ดถั่วเขียว เอาออกตอนนี้มันก็ไม่รู้สึกอะไร แค่เธอบอกทางโรงพยาบาลว่าถูกผู้ชายข่มขืนมา เขาก็ทำแท้งให้เธอได้ ให้พี่ชมขับรถพาไปที่โรงพยาบาลในตัวจังหวัดก็แล้วกัน จะได้ไม่มีใครรู้เห็นมาก”
คนพูดทอดเสียงนุ่มคล้ายกำลังเห็นใจ ทว่าถ้อยคำนั้นเสียดแทงเข้าไปหัวใจของคนท้อง ส่วนคนที่ถูกดึงเข้าไปมีส่วนร่วมอย่างไม่ทันตั้งตัวก็ถึงกับตวาดเสียงเขียวใส่
“อย่าเอาฉันไปยุ่งกับเรื่องผิดบาปของเธอ ถึงฉันจะไม่เห็นด้วยกับการตั้งท้องของยายพลอย แต่ฉันก็ไม่คิดจะให้ยายพลอยทำแท้งเด็ก”
สำหรับนางชวนชม เด็กตัวเท่าเมล็ดถั่วเขียวที่อยู่ในท้องของพลอยพยอมก็คือชีวิตคนหนึ่งชีวิต แล้วมันเรื่องอะไรกันที่น้องสะใภ้จะดึงให้นางเข้าไปมีส่วนร่วมในการกำจัดเด็กคนนี้...หากคุณชัชชัยก็พยายามพูดจาสนับสนุนคำพูดของภรรยาตัวเอง
“ทำไมพี่ชมไม่มองว่าเรากำลังร่วมกันแก้ปัญหา ยังไงพี่ชมก็ไม่ต้องการดูแลเด็กในท้องของยายพลอยอยู่แล้ว เรามาช่วยกันตั้งแต่ตอนนี้ไม่ดีกว่าเหรอ”
พลอยพยอมเหลือบตามองพ่อและแม่เลี้ยง เธอกำลังรู้สึกพะอืดพะอมกับคำพูดของคนทั้งคู่จนอยากอาเจียนออกมากลางวง เธอไม่ต้องการฟังคำสนทนาที่มันบิดเบี้ยวมากไปกว่านี้แล้ว
“หนูไม่ทำแท้งค่ะ ลูกเป็นลูกของหนู หนูมีสิทธิ์ตัดสินใจเกี่ยวกับชีวิตของหนูและลูก และหนูก็ไม่คิดว่าลูกของหนูจะเป็นปัญหาสำหรับใครด้วย เพราะหนูเลี้ยงลูกของหนูเองได้”
“ยายพลอย! แกพูดอะไรออกมา ใช้หัวคิดบ้างไหม ขืนแกเก็บเด็กเอาไว้ แกนั่นแหละที่อาจจะไม่มีชีวิตรอด”
คุณชัชชัยตวาดลูกนอกสมรสอย่างเกรี้ยวกราด ร้อยวันพันปีพลอยพยอมไม่เคยโต้เถียงเขา ลูกสาวคนนี้แทบไม่มองหน้าเขาเสียด้วยซ้ำ แต่ดูตอนนี้สิ เจ้าตัวกลับจ้องเขาเขม็ง แถมยังพูดเสียงแข็งกับเขาอีก
“ทำไมหนูต้องไม่มีชีวิตรอดด้วยคะ ใครจะฆ่าหนูให้ตายหรือคะ หนูไปมีศัตรูที่ไหน หนูยังนึกไม่ออกเลย แค่หนูท้องไม่มีพ่อ มันถึงกับต้องไม่มีชีวิตรอดกันเลยเหรอ นี่มันยุคไหนแล้ว แม่เลี้ยงเดี่ยวที่เลี้ยงลูกคนเดียวมีกันเกลื่อนเมือง หนูไม่เห็นว่าจะมีใครตามฆ่าผู้หญิงพวกนั้นสักคน”…คงมีแต่คุณชัชที่อยากให้พลอยถูกฝังดินเหมือนใครบางคน
คำพูดประโยคสุดท้าย พลอยพยอมไม่พูดออกมา คงมีเพียงสีหน้าและแววตาที่บ่งบอกถึงความรู้สึกเจ็บแค้นใจ จนคนเป็นพ่อต้องเมินหน้าหนี
“เอาละๆ ฉันจะพูดในฐานะที่ฉันเป็นแม่คนหนึ่งก็แล้วกัน การเลี้ยงเด็กให้โตขึ้นมามันไม่ใช่เรื่องง่าย ฉันเข้าใจที่เธอไม่อยากทำแท้ง แต่ฉันอยากให้เธอมองโลกตามความเป็นจริง ผู้หญิงที่เลี้ยงลูกตัวคนเดียวไม่มีใครสบายสักคน แถมเด็กที่เกิดมายังต้องเจอกับปัญหาร้อยแปดอย่าง พอเด็กมันโต ชาวบ้านก็ต้องสงสัยว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของใคร ใครเป็นพ่อของเด็ก เธอคิดว่าลูกของเธอจะแบกรับความกดดันนี้ได้ไหม”
พลอยพยอมรับฟังนิ่งๆ เพราะไม่เห็นประโยชน์ของการโต้เถียงกับนางกัญญา แม้เธอจะรู้สึกว่ามันช่างเป็นคำพูดที่โง่เง่าและไร้สาระก็ตาม
แม่เลี้ยงของเธอลืมไปแล้วหรือว่าเธอเติบโตขึ้นมาได้อย่างไร เธอไม่มีทั้งพ่อทั้งแม่มาคอยดูแล แต่ป้าชวนชมก็เลี้ยงเธอให้เติบโตขึ้นมาได้ นับประสาอะไรกับลูกของเธอ ลูกของเธอจะมีแม่คอยดูแล และที่สำคัญ ลูกของเธอก็มีพ่อที่อยู่ห่างกันแค่คนละอำเภอ...เธอไม่เคยคิดที่จะปล่อยให้ลูกของเธอเกิดมาโดยไม่รู้จักพ่อสักหน่อย
พลอยพยอมยังคงปิดปากเงียบ ซึ่งคนที่เข้าใจการนิ่งเงียบของเธอก็คือคุณชวนชม หญิงวัยกลางคนชำเลืองมองหลานสาวแล้วยกยาดมขึ้นมาสูดดมเต็มปอด ก่อนนางจะพูดออกมาด้วยไม่อยากทนกับเรื่องบ้าๆ นี้แล้ว
“พ่อของแกกลัวคุณไกรจะตามมาฆ่าแก เขาถึงให้แกไปทำแท้ง แล้วไปอยู่กับคุณไกร”
“ถ้าหนูบอกว่าหนูไม่กลัวตายล่ะคะ”
พลอยพยอมพูดเสียงเรียบ เธอรู้สึกตามนั้นจริงๆ เธอไม่กลัวและเธอไม่เชื่อด้วยว่าตัวเองจะต้องตายด้วยน้ำมือของคุณไกร
“แกไม่กลัวก็เรื่องของแก แต่ฉันไม่ต้องการเอาชีวิตมาทิ้งกับเรื่องนี้”
คุณชัชชัยโต้อย่างเหลืออด หน้าตาของเขาแดงก่ำ มือกำลังสั่นเทา มันมองออกไม่อยากว่าเขากำลังโกรธและกลัวจนสูญเสียการควบคุมตัวเอง หากพลอยพยอมก็ไม่ได้รู้สึกเห็นใจกับภาพนั้น...เพราะพ่อของเธอใจร้ายเกินไป เขาใจร้ายกับเธอเหลือเกิน
“อ้าว! ไหนป้าชมบอกว่าคุณชัชกลัวหนูถูกฆ่าไงคะ มันไม่ใช่หรอกหรือ สรุปว่าเป็นคุณชัชเองเหรอที่กลัวตาย”
“นังคนนี้นี่!”
นางกัญญาเงื้อมือปรี่มาหาพลอยพยอม ซึ่งแน่นอนว่าเธอไม่ยอมหยุดเป็นเป้านิ่งให้ใครทำร้าย และกำแพงชั้นดีก็ทำหน้าที่ปกป้องเธอเหมือนอย่างเคย
“หยุดนะกัญญา อย่ามาตบตีเด็กในบ้านของฉัน”
คุณชวนชมลุกพรวดขึ้นมาประจันหน้ากับน้องสะใภ้ ที่นี่เป็นบ้านของนาง น้องชายกับน้องสะใภ้จะมาถือตนเป็นใหญ่กว่านางไม่ได้ ก่อนนางจะพูดเสียงเครียด
“แทนที่จะมาเค้นเอากับยายพลอย ทำไมพวกเธอไม่ไปคุยกับคุณไกรให้รู้เรื่อง ในเมื่อเรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว ถึงยายพลอยจะยอมไปทำแท้ง แต่คิดหรือว่าถ้าคุณไกรมารู้ความจริงทีหลังแล้วพวกเธอจะรอด ดีไม่ดีเขาอาจโกรธหนักกว่าเดิมที่คิดว่าพวกเธอเอาแมวย้อมสีส่งไปให้เขา”
พ่อกับแม่เลี้ยงกลับไปแล้ว ซึ่งเพียงคล้อยหลังคนทั้งคู่ พลอยพยอมก็ลุกขึ้นด้วยหวังจะกลับไปบ้านพักของตัวเอง หากคุณชวนชมเรียกไว้เสียก่อน
“คุยกันก่อนสิ”
สีหน้าของคนเป็นป้าเครียดจัด เรียกได้ว่าเครียดเกินหน้าเกินตาคนต้นเรื่อง ยอมรับว่านาทีนี้นางไม่เข้าใจพลอยพยอมนัก พาลคิดว่าเจ้าตัวอาจวางแผนทำให้เกิดเรื่องทั้งหมดนี้ขึ้นมา แต่พอนึกว่าจะมีผู้หญิงสาวๆ ที่ไหนมีความกล้าถึงขนาดไปหลับนอนกับใครก็ไม่รู้เพื่อให้ตัวเองตั้งท้อง ด้วยหวังจะให้ลูกในท้องเป็นกันชนให้ตัวเองอยู่รอดได้ คุณชวนชมคิดว่ามันเป็นเรื่องไร้เหตุผลเกินไป
โดยนิสัยดื้อเงียบของพลอยพยอม เจ้าตัวมีทางเลือกอื่นที่สมเหตุสมผลกว่า คุณชวนชมคิดเอนเอียงมาตลอดว่าเมื่อเรียนจบพลอยพยอมคงโบยบินหนีหายไป ดังนั้นนางจึงตั้งใจปล่อยให้เจ้าตัวเป็นอิสระเพื่อเรียนรู้โลกกว้างตั้งแต่ออกจากบ้าน เมื่อพลอยพยอมต้องการพักที่หอพักของมหาวิทยาลัย นางก็อนุญาตอย่างไม่ลังเล...คิดเพียงว่าสิ่งใดที่ทำให้พลอยพยอมปีกกล้าขาแข็งจนบินออกไปจากรังที่ร้อนระอุแห่งนี้ได้ นางก็จะไม่ขัดขวางเจ้าตัวเลย
ทว่าสุดท้ายกลับพบว่าพลอยพยอมตั้งท้อง แถมเจ้าตัวยังกลับมาปักหลักอยู่ที่บ้านพักซึ่งอยู่ภายในเขตรั้วของนางเสียอีก...ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้มันอยู่เหนือการคาดเดาของนาง
คุณชวนชมยกมือขึ้นมากุมขมับเมื่อรู้สึกปวดหัวจี๊ด
“หนูจะเลี้ยงลูกเองค่ะ”
“เธอต้องเลี้ยงลูกของเธอเองอยู่แล้ว อย่าคิดจะหาเหามาใส่หัวฉัน”
คุณชวนชมย้อนเสียงเข้ม ภายใต้ดวงหน้าอ่อนใสของพลอยพยอมที่อาจหลอกตาใครต่อใครว่าเจ้าตัวเป็นคนหัวอ่อน แต่นางรู้ว่ามันมีความเข้มแข็งและเด็ดขาดซ่อนอยู่ข้างใน...จนนางรู้สึกกลัวใจหลานสาวคนนี้อยู่เหมือนกัน
“ทีนี้จะทำยังไง การที่เรายังพักอยู่ที่นี่ ถึงเราไม่ทำแท้ง แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะรอดจากคุณไกร”
“ถึงหนูท้อง เขาก็ยังจะเอาหนูไปเลี้ยงเป็นอีหนูอีกหรือคะ”
“เราตั้งใจปล่อยให้ตัวเองท้องเพราะเรื่องนี้หรือเปล่า”
พอหลานสาวหัวรั้นไม่ตอบ นางก็เกิดเหนื่อยใจกับนิสัยนี้ของเจ้าตัวเหมือนกัน