บทที่ 4 ในวันที่ต้องตัดสินใจ
“ที่ฉันแนะนำให้พ่อของเธอไปพูดกับคุณไกรว่าเธอกำลังตั้งท้อง ฉันก็ไม่ได้คาดหวังให้คุณไกรรามือจากเธอ เพราะฉันไม่คิดว่าคนอย่างคุณไกรจะยึดติดกับความบริสุทธิ์ของสาวๆ ผู้หญิงที่เขาเลี้ยงไว้ตั้งหลายคนก็มาจากผับบาร์ บางคนเป็นแม่ม่ายแม่ร้างมา เธอเข้าใจใช่ไหมว่าถึงเธอตั้งท้อง มันก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะรอดจากคุณไกรไปได้ตลอดรอดฝั่ง”
“หนูต้องทำยังไงคะ”
“ตอนแรกฉันคิดว่าเธอจะหนีไปอยู่ที่อื่น ซึ่งฉันเตรียมใจไว้แล้วว่าถ้าเธอหนีไป ฉันก็จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น”
ใช่...พลอยพยอมเคยวาดแผนนี้เอาไว้ เธอคิดจะหนีไปทำงานที่กรุงเทพฯ แต่แผนของเธอกลับเปลี่ยนไปหลังจากได้เจอเขา...
“พอเธอตั้งท้อง ฉันก็ไม่อยากให้เธอออกไปตะลอนๆ ข้างนอกอีก ไม่ว่าจะออกไปตอนนี้หรือออกไปหลังจากคลอดลูกแล้ว เพราะมันคงลำบากเกินไป”
“หนูอยู่ที่นี่ก็ไม่ได้ หนีออกไปอยู่ที่อื่นก็ไม่ดี”
“นั่นแหละที่ฉันกำลังจะบอกเธอ แต่เธอไม่ต้องถามฉันว่าควรทำยังไง เพราะฉันไม่ได้รู้เรื่องของเธอทั้งหมด เวลาฉันถามอะไรไป เธอก็ปิดปากเงียบ ถ้าเธอคิดจะเก็บทุกอย่างไว้คนเดียว เธอก็หาทางออกเอาเอง”
เมื่อคนเป็นป้าปล่อยไม้เด็ด พลอยพยอมจึงต้องคิดหนัก...ยอมรับว่าเธอกลัวการถูกพาตัวไปให้คุณไกรมากที่สุด แค่นึกถึงชายวัยกลางคนคนนั้นว่าเขาจะทำกับเธอเหมือนอย่างที่ผู้ชายในโรงแรมริมทางเคยทำ เธอก็รู้สึกขยะแขยงจนทนไม่ไหว
เสี้ยววินาทีนั้นดวงหน้าคมเข้มก็ผุดขึ้นมา หัวใจของพลอยพยอมรู้สึกแปลกเปลี่ยนไป...
“เขาเป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยของหนู”
เธอตัดสินใจบอกความจริงเมื่อคิดว่าป้าอาจช่วยเธอได้ แม้มีโอกาสแค่หนึ่งเปอร์เซ็นต์ เธอก็จะลองเสี่ยง
“ไหนเธอบอกว่าไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร” คุณชวนชมอดที่จะประชดไม่ได้ ก่อนจะถามอย่างต้องการรู้คำตอบ “แล้วคบกันนานแค่ไหน ทำไมพ่อของเธอไปสืบแล้วเขาไม่รู้เรื่องนี้”
“หนูไม่ได้คบกับเขาค่ะ หนูเจอเขาโดยบังเอิญ หนูจำเขาได้ แต่เขาไม่รู้ว่าหนูเป็นใคร หนูตามเขาไปที่โรงแรมที่พัก แล้ว...หนูก็เข้าไปหาเขา”
“อย่าบอกนะว่าเธอวางแผนให้เกิดเรื่องทั้งหมดนี้ขึ้นมาจริงๆ”
“หนูไม่ได้วางแผน หนูไม่คิดว่าตัวเองจะท้องด้วย หนูไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำเรื่องในคืนนั้นลงไปทำไม หนูไม่ได้คิดด้วยว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป”
“เธอชอบผู้ชายคนนั้นใช่ไหม”
“หนูชอบเขา แต่มันก็เหมือนผู้หญิงหลายคนในมหาวิทยาลัยที่ชอบเขาเหมือนกัน”
เรียวปากสวยเม้มแน่น...พลอยพยอมไม่เข้าใจตัวเอง ไม่รู้ว่านาทีนั้นเธอทำลงไปได้อย่างไร เมื่อคิดว่าเธอชอบเขามากจนถึงขนาดมอบกายให้เขาเลยได้ไหม ถ้าเป็นเวลาปกติ พลอยพยอมตอบได้เลยว่าไม่มีทาง ซึ่งเมื่อได้ยินคำถามต่อมาของป้า มันก็ทำให้หญิงสาวนิ่งงันไป
“ตั้งใจประชดชีวิตตัวเองใช่ไหม เธอถึงไปนอนกับเขาง่ายๆ”
บรรยากาศภายในเรือนเงียบไปอีกครั้ง คุณชวนชมทอดถอนใจอย่างปลงๆ
“ไปหาผู้ชายคนนั้น แล้วบอกเขาว่าเธอท้อง ทำยังไงก็ได้ให้เธอได้อยู่กับเขา เขาจะเป็นเกราะป้องกันเธอจากคุณไกร เพราะคุณไกรไม่ยุ่งกับเมียคนอื่น”
ข้อแนะนำนี้ทำให้คนที่นั่งหลุบตาต่ำต้องเงยหน้าขึ้นมามองคุณชวนชม ดวงตาหวานส่อแววตระหนก
“ป้าชมจะให้หนูไปอยู่กับเขาหรือคะ”
“เขามีเมียหรือยัง”
“ไม่...หนูไม่รู้ค่ะ หนูไม่รู้ว่าเขาแต่งงานหรือยัง”
“ถ้าเขาเป็นรุ่นพี่ของเธอ เธอเข้าไปเรียนทันเขา อายุของเขาก็คงห่างจากเธอไม่กี่ปี โอกาสที่เขายังไม่ลงหลักปักฐานกับใครก็มีสูง ซึ่งถ้าเธอชอบเขา มันก็แสดงว่าเขาไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร เธอเองก็ตั้งท้องกับเขาแล้ว มันไม่ใช่เรื่องเสียหายถ้าเธอจะยกพายไปอยู่กับเขา”
มันไม่ใช่เรื่องเสียหายที่เราจะหอบผ้าหนีไปอยู่กับพี่เคนอย่างนั้นหรือ...
พลอยพยอมนึกตามแล้วหน้าแดงก่ำ ในช่วงเวลาที่สติอยู่กับตัวเกินร้อย เธอก็ได้แต่ละอายใจกับสิ่งที่ทำลงไป
“แต่พี่เคนไม่ได้ชอบหนู”
“มองข้ามเรื่องนี้ไปก่อน ตอนนี้ให้คิดว่าเขาต้องรับผิดชอบเธอกับลูกในท้อง หลังจากนั้นถ้าเธออยากให้เขาชอบพอและยอมรับเธอเป็นเมียอย่างจริงจัง มันก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเธอเอง”
“อย่างนี้ก็หมายถึงเราบังคับพี่เคนให้รับผิดชอบหนู”
“แล้วมันมีทางอื่นที่ดีกว่านี้ไหมล่ะ ถ้าเธอต้องการให้ตัวเองรอดจากเงื้อมมือของคุณไกร มันก็เหลืออยู่ทางเดียวก็คือไปเป็นเมียของนายเคน ถ้าเขาไม่ยอมรับ เราก็ต้องบังคับเขา”
ไม่คิดเลยว่าในวันหนึ่งจะต้องมาแนะนำหลานสาวที่เลี้ยงมากับมือเช่นนี้...คุณชวนชมเองก็รู้สึกกระดากใจ แต่มันไม่เหลือทางอื่นแล้ว อย่างไรเสียนางก็ต้องช่วยให้หลานสาวผ่านพ้นสถานการณ์นี้ไปให้ได้
“บ้านของนายเคนอยู่ที่ไหน เขาเป็นลูกเต้าเหล่าใคร เธอพาฉันไปหาพ่อแม่ของเขาได้ไหม”
“หนูรู้แค่ว่าเขาเป็นคนควนหลุมพอ แม่กับยายของเขาเคยอยู่ที่นั่น แต่ตอนนี้ยายของเขาเสียแล้ว ส่วนแม่ก็แต่งงานใหม่และย้ายไปอยู่ที่มะละกา”
ควนหลุมพอเป็นชื่ออำเภอที่อยู่ติดเขตอำเภอนี้ เมื่อพิจารณาดู คุณชวนชมก็เชื่อว่าตนสามารถตามหาตัวผู้ชายคนนั้นให้มารับผิดชอบหลานสาวได้
“เธอรู้จักชื่อและนามสกุลของเขาไหม”
“ชื่อจริงของพี่เคนก็คือธฤต ส่วนนามสกุล...หนูก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ”
ข้อมูลเท่านี้ถือว่าเพียงพอ การตามหาคนหนุ่มที่ชื่อ ‘เคน ธฤต’ ซึ่งมีพื้นเพอยู่ในอำเภอควนหลุมพอ โดยที่เขาเรียนจบจากมหาวิทยาลัยเดียวกับพลอยพยอม มันไม่ใช่เรื่องยาก นางเชื่อว่าตัวเองสามารถตามหาตัวนายเคนได้ ทว่าจู่ๆ พลอยพยอมก็พูดขึ้นมาเหมือนนึกบางอย่างได้
“เจ้าของร้านขายยารู้จักเขา”
“เจ้าของร้านขายยาที่ไหน?”
“ในตัวอำเภอควนหลุมพอค่ะ มีร้านขายยาติดกับคิวรถทัวร์ เจ้าของร้านเป็นเภสัชกรผู้ชายอายุประมาณห้าสิบปี”
“พาฉันไปที่ร้านขายยา เราจะถามหานายเคนจากที่นั่น”
“ตอนนี้เลยหรือคะ”
“แล้วจะรออะไรอีก”
ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายโมง การขับรถไปที่ตัวอำเภอควนหลุมพอใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง นางเผื่อธุระที่ต้องทำยืดเยื้อ กะว่ากว่าจะกลับมาถึงบ้านได้ก็คงเป็นตอนพลบค่ำพอดี
“แต่...”
“แต่อะไร? เธอมีอะไรติดขัด”
พลอยพยอมส่ายหน้า หากสีหน้าไม่ดีขึ้นเลย เธอกำลังกลัวที่จะพบเขาอีกครั้ง
หัวใจของธฤตเต้นระรัวเมื่อได้รับสายจากเจ้าของร้านขายยาที่พอคุ้นเคยกันและเขาก็ได้ฝากเบอร์โทร.ของตัวเองเอาไว้
“เธอมาที่ร้านของน้าแล้ว”
คนปลายสายย้ำบอกอีกครั้ง คล้ายกับไม่มั่นใจว่าเขาได้ยินคำพูดชัดเจนหรือเปล่า เพราะในเวลานี้เขายืนอยู่ใกล้รถแบ็กโฮที่กำลังขุดดินอยู่ในแปลงที่ดินของเขา
“ครับน้า ขอบคุณมากครับ”
ธฤตรีบบอก ให้ตายเถอะ น้ำเสียงของเขาละล่ำละลักสิ้นดี มันคล้ายกับว่าเขากำลังตื่นเต้นอย่างหนัก จนต้องยกมือขึ้นมาทาบแผงอกด้านซ้ายเพื่อปลอบประโลมก้อนเนื้อด้านในที่กำลังเต้นแรง
“ผมจะรีบไป รบกวนน้าพูดยังไงก็ได้ รั้งให้เธออยู่สักสิบนาที ผมจะไปถึงไม่เกินเวลานี้”
ระยะทางจากบ้านไปถึงตัวเมืองห่างกันแค่สามกิโลเมตร ธฤตคิดว่าเขาสามารถทำเวลาได้ทัน หัวใจของเขากำลังร้อนรน หากคนปลายสายกลับบอกอย่างใจเย็น
“เคนขับรถมาตอนนี้เลยก็แล้วกัน แต่ไม่ต้องรีบร้อนมาก เพราะยังไงวันนี้เคนก็ต้องได้เจอเธอ”
ไม่เข้าใจคำพูดของเจ้าของร้านขายยา แต่ธฤตก็ไม่ได้เก็บมาเป็นข้อสงสัย เขากระโจนขึ้นไปนั่งในรถกระบะคู่ใจ แล้วขับเข้าไปในตัวอำเภออย่างไม่รีรอ