บทที่ 3
ตอนที่เจียงซูซูตื่นขึ้นมาเป็นรุ่งเช้าของอีกวันแล้ว นางพบว่านางนั้นสวมอาภรณ์เรียบร้อยแล้ว หญิงสาวจึงรีบสอบถามอาเจียว่า คุณชายท่านนั้นไปแล้วรึ
“คุณหนู คุณชายท่านนั้นไปแล้วเจ้าค่ะ หลังจากที่คุณหนูเป็นลมไป เขาก็อุ้มคุณหนูไว้ที่เตียง แล้วก็รีบออกไปจากห้องเจ้าค่ะ” อาเจียนั่งที่ขอบเตียงรายงานเจ้านาย
“คุณหนูฟื้นแล้ว” จ้าวมามาพลันเดินถือชามน้ำแกงเข้ามา หลังจากทราบเรื่องเมื่อคืน จ้าวมามาพลันเข้าไปด่าองครักษ์เสียยกใหญ่ว่าเลี้ยงเสียข้าวสุก ไม่ยอมมาช่วยคุณหนูมัวทำอะไรอยู่ โชคดีที่คุณชายแปลกหน้าช่วยคุณหนูของพวกนางไว้ได้ทัน
“มามา” เจียงซูซูพลันทอดสายตามองจ้าวมามา ที่เดินเข้ามาอย่างร้อนรน
“ข้าไม่เป็นไรแล้ว”
“บ่าวผิดไปแล้วเจ้าค่ะ” จ้าวมามายังคงโทษตัวเองที่ดูแลเจียงซูซูไม่ดี
อาเจียรับชามน้ำแกงจากมามาแล้วส่งให้เจียงซูซู
“อย่าได้โทษตัวเองเลย ไปเตรียมตัวออกเดินทางได้แล้ว”
“เจ้าค่ะ” จ้าวมามาล่าถอยออกไป
เจียงซูซูพลันดื่มน้ำแกงหมด นางลุกจากเตียง ดูเหมือนว่า เท้าของนางได้เหยียบกับอะไรบางอย่าง หญิงสาวจึงหยิบมันขึ้นมาดู
หยกพกลายมักกรสลักคำว่าจ้าวหลี่
“อาเจีย ของผู้ใดกัน”
อาเจียพลันมองหยกเขียวสลักลายมังกร ในสมองครุ่นคิด “หรือว่าจะเป็นของบุรุษผู้นั้นเจ้าคะ” สองนายบ่าวพลันสบตากัน…
เรือนอวี้หลาน เจ้าของเรือนพลันนั่งดื่มชาอย่างสบายใจ กลิ่นกำยานในกระถางทำให้เจ้าของเรือนพลันสดชื่นยิ่งนัก นางรอฟังข่าวดี
สาวใช้นางหนึ่งพลันเดินเข้ามา “ฮูหยินรอง พิราบสื่อสารมาแล้วเจ้าค่ะ” เสี่ยวเพยสาวใช้ข้างกายฮูหยินรองยื่นกระดาษแผ่นเล็กให้เจ้านาย
“พวกเจ้าออกไปก่อน” สาวใช้ห้าคนในเรือนอวี้หลานรีบสาวเท้าออกไปทันที เมื่อเจ้านายสั่ง ฮูหยินรองอวี้หลานพลันเปิดกระดาษอ่าน
“ไม่สำเร็จอย่างนั้นรึ นังสารเลวอัปลักษณ์ทำไมมันดวงดี เยี่ยงนี้ ข้าอุตส่าห์ ให้น้องชายข้าสั่งให้มันรีบออกเรือน แต่ทว่า นายท่านต้องการให้มันมาแต่งงานกับรุ่ยอ๋อง เหตุใดวาสนานี้ไม่ตกเป็นของ เจียงเหมยลูกรองของข้า ข้าส่งคนไปสังหารมันก็ยังไม่ตายอีก มันน่าเจ็บใจยิ่งนัก” ฮูหยินรองกำมือแน่นแล้วส่งกระดาษแผ่นนั้นให้เสี่ยวเพยไปทำลายในเตาเผาจนมอดม้วย ดวงตาฮูหยินรองทอประกายแห่งความเกลียดชังขึ้นมา…
รถม้าออกมาจากเมืองไห่ชิงแต่เช้ามาถึงเมืองหลวงตงหนานก็ยามบ่ายคล้อยพอดี รถม้างามวิจิตรจอดที่หน้าจวนเจียง จ้าวมามาลงรถม้าเป็นคนแรก จากนั้นสาวใช้ทั้งสามก็ลงตามกันมา ฝูงชนที่เดินผ่านต่างหยุดมองพวกเขาได้ยินมาว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลเจียงเป็นสตรีที่อัปลักษณ์และเป็นดาวร้ายที่ทำให้มารดาเป็นบ้า สตรีที่ย่างกรายลงมาจากรถม้า เรือนร่างอรชรในชุดสีขาวลายบงกช ม้วยผมปักด้วยปิ่นไม้ธรรมดา ดวงหน้างามนั้นมีผ้าขาวบางปกปิดอยู่ทำให้เห็นแค่ดวงตากลมโตราวกับดวงจันทร์เปล่งประกายแวววาวระยิบระยับ
นี่นะหรือคุณหนูใหญ่สกุลเจียงกิริยาท่าทางของนางช่างอ่อนช้อยยิ่งนัก
จ้าวมามาพลันประคองเจียงซูซูย่างกรายขึ้นประตูใหญ่อย่างเนิบช้า
ห้องโถงใหญ่ ฮูหยินผู้เฒ่านั่งเป็นประธานมีสาวใช้นางหนึ่งคอยพัดให้ไม่ห่าง ฝั่งซ้ายเป็นของฮูหยินรองอวี้หลานที่นั่งจิบน้ำชาดวงหน้าแม้จะยิ้มแย้มแต่ทว่าในใจกับหาทางคิดสังหารเจียงซูซู
ฝั่งขวาเป็นที่นั่งของสะใภ้รองนามว่า อวิ๋นเผ่ย ที่แต่งงานกับนายท่านรองอย่างเจียงรุ่ย ตอนนี้เจียงรุ่ยดำรงตำแหน่งขุนนางกรมทะเบียนเล็กๆ พูดง่ายๆคือบ้านสายรองนั่นเอง อวิ๋นเผ่ยมีหรือจะไม่รู้ว่าฮูหยินรองริษยาฮูหยินใหญ่ จึงสร้างเรื่องขึ้นมาว่าคุณหนูใหญ่เป็นดาวร้ายเพราะมีปานขนาดใหญ่บนใบหน้าด้านซ้าย ลงทุนวางแผนให้ฮูหยินใหญ่เป็นบ้าแล้วใส่ร้ายคุณหนูใหญ่ละครฉากนี้ สะใภ้รองอวิ๋นเผ่ยรู้มาตลอดแต่ทว่าก็พูดอะไรไม่ได้ นางไม่อยากจะเดือดร้อน
“เรียนฮูหยินเฒ่า คุณหนูใหญ่มาถึงแล้วเจ้าค่ะ” สาวใช้เดินเข้ามารายงาน
ฮูหยินเฒ่าเจียงสีหน้าดูมีความสุขมาเมื่อหลานรักกลับมาเสียที
เจียงซูซูพลันย่างกรายเข้ามาในห้องโถงใหญ่ จากนั้นโค้งคำนับฮูหยินเฒ่าเจียง “หลานคำนับท่านย่าเจ้าค่ะ” นางดีใจที่ได้กลับมาที่จวนอีกครั้ง
ฮูหยินเฒ่าเจียงทอดสายตามองหลานสาวที่แต่งกายด้วยผ้าต่วนสีขาวลายดอกบัว ดวงหน้านั้นมีผ้าขาวบางปิดอยู่
“หลานรักเดินมาหาย่าสิ” ฮูหยินเฒ่าสั่งให้หลานสาวมาใกล้ กระนั้นทำให้ฮูหยินรองพลันเบะปากขึ้น แต่ทว่าทุกการกระทำหาได้รอดพ้นสายตาของสะใภ้รองอวิ๋นเผ่ยไปได้ คราวนี้ล่ะจวนเจียงได้สนุกเป็นแน่แท้
เจียงซูซูพลันคลานไปหาฮูหยินเฒ่า
“หลายปีมานี้เจ้าคงลำบากมาก”
เจียงซูซูยังคงอบอุ่นหัวใจเหมือนเดิมเมื่อได้อยู่ตรงหน้าท่านย่า
“นังสารเลว กลับมายังต้องมาแต่งกับรุ่ยอ๋อง” ดูเหมือนว่าคุณหนูรองเจียงเหมยพลันสาวเท้าเข้ามาในห้องโถง ทุกคนต่างตกใจมา
เจียงเหมยหมายจะตบเจียงซูซู
“หยุดนะ” ฮูหยินเฒ่าตะคอกออกมา ทอดมองหลานสาวคนรองช่างสถุนสิ้นดี
เจียงเหมยโดนสาวใช้จับตัวเอาให้คุกเข่าลง ด้านฮูหยินรองรีบออกมาขอโทษแทนบุตรสาวตัวเอง
“ท่านแม่ ข้าขอโทษแทนเจียงเหมยด้วยเจ้าค่ะ”
“คนที่เจ้าจะขอโทษไม่ใช่ข้า แต่เป็นเจียงซูซูต่างหาก” ทางด้านเจียงซูซูทอดสายตามองสองแม่ลูกอสรพิษ
“ซูเอ่อร์ เจ้าอย่าได้ถือสาน้องสาวของเจ้าเลยหนา แม่รองขอร้อง” ฮูหยินรองพลันส่งสายตาอ้อนวอนเจียงซูซู ถ้านางไม่ให้อภัยน้องสาวนางคงเป็นพี่สาวที่โหดร้ายอย่างนั้นสิ
“เจ้าค่ะ” เจียงซูซูพลันเอ่ยขึ้น
“นังสารเลว แสร้งเล่นละคร” เจียงเหมยหมายจะตีเจียงซูซู
“หยุดนะ พาเจียงเหมยออกไป ให้นางคุกเข่าอยู่ห้องบรรพชนไม่มีคำสั่งจากข้า อย่าให้นางได้ออกมาเป็นอันขาด” สิ้นเสียงฮูหยินเฒ่า สาวใช้ต่างลากตัวเจียงเหมยออกไป
“คุณหนู” อาเจียรีบมาดูคุณหนูของนางทันที
“ข้าไม่เป็นไร”
“ซูเอ๋อร์ เจ้ากลับเรือนไปก่อนแล้วกันวันพรุ่งนี้ค่อยมาคารวะน้ำชาย่าแต่เช้า”
“เจ้าค่ะ”
ฮูหยินเฒ่าทอดสายตามองแผ่นหลังของเจียงซูซูอย่างอดสงสารมิได้ เจียงเหมยทำเกินไปจริง อวี้หลานเลี้ยงบุตรสาวมาเยี่ยงไรถึงได้มีกิริยาต่ำตมเยี่ยงนี้ มุมปากหนาของอวิ๋นเผ่ยยกยิ้มอย่างสาแก่ใจ
จ้าวมามาพาเจียงซูซูมาที่เรือนหนิงฮวาเป็นเรือนของฮูหยินใหญ่ จ้าวมามาพลันมาส่งนางที่หน้าเรือนจากนั้นก็ขอตัวกลับไป เจียงซูซูพลันย่างกรายเข้าไปในเรือน
“ท่านแม่” เจียงซูซูพลันวิ่งไปหามารดาทันที ดูเหมือนว่าฮูหยินใหญ่จะกอดตุ๊กตาแล้วพูดอย่างไม่รู้เรื่อง
“คารวะคุณหนูใหญ่” เสี่ยวจางเอ่ยขึ้นพร้อมยอบกายคำนับ
“เสี่ยวจางหลายปีมานี้ มารดาข้าเป็นอย่างไรบ้าง” เจียงซูซูเอ่ยถามสาวใช้ สายตามองมารดาอย่างรักสุดหัวใจ
“ฮูหยินใหญ่เป็นบ้าหนักกว่าเดิมเจ้าค่ะ”
มารดาของนางประสบเคราะห์กรรมลื่นล้มหัวแตกต่อมาก็พลันเป็นบ้ามาตลอด เจียงซูซูได้แต่กอดมารดาไว้ไม่ห่างไปไหน อาเจียกับเสี่ยงจางพลันกอดกันไม่ได้เจอกันนานนับหลายปีทั้งคู่ต่างถามสารทุกข์สุขดิบกัน
เรือนอวี้หลานฮูหยินรองพลันร้อนใจยิ่งนักเหตุใดบุตรสาวไร้สมองของนางถึงได้ไปอาละวาดต่อหน้าฮูหยินผู้เฒ่าเยี่ยงนั้น ตอนนี้บุตรสาวของนางต้องคุกเข่าอยู่ห้องบรรพชน นางจะช่วยได้อย่างไร สายตาของนางเห็นอัครเสนาบดีเจียงสาวเท้าเข้ามา
เจียงชิงพลันโบกมือให้สาวใช้ออกไปให้หมด จากนั้นนั่งที่เก้าอี้ ด้านฮูหยินรองรินน้ำชาให้ผู้เป็นสามี
“ท่านพี่”
“เจ้าทำอันใดรู้ตัวหรือไม่ เจ้าสั่งให้คนไปลอบทำร้ายนางในโรงเตี้ยม อีกทั้งให้นางออกเรือนโดยญาติผู้น้องเจ้าเป็นคนจัดการ เหตุใดเจ้าจึงใจร้ายกับนางถึงเพียงนี้” เจียงชิงระเบิดใส่ฮูหยินรองอย่างเต็มที่
“นายท่านข้าเปล่า” อวี้หลันยังคงปฏิเสธ
“ข้าให้นางมาแต่งกับรุ่ยอ๋องเพราะติ่งอ๋องต้องการเห็นความอัปยศของรุ่ยอ๋อง อีกอย่างเรื่องนี้เป็นราชโองการของฝ่าบาทด้วยไม่สามารถเปลี่ยนตัวเจ้าสาวได้ เจ้าเข้าใจหรือไม่ ข้ารู้ความเลวของเจ้าเมื่อสามปีก่อน เจ้าผลักฮูหยินใหญ่จนล้ม จนนางเป็นบ้า อีกทั้งกุเรื่องเจียงซูซูเป็นดาวร้าย ที่จริงข้ารู้เป็นแผนของเจ้าแต่ข้ารักเจ้า จึงปล่อยให้เจ้ารังแกซูเอ๋อร์กับฮูหยินใหญ่” ถ้าไม่เพราะรุ่ยอ๋องไปแจกข้าวทางชายแดนเหนือมีความดีความชอบฝ่าบาทมีหรือจะพระราชทานสมรสให้ ขุนนางที่เข้าข้างติ่งอ๋องเสนอชื่อบุตรสาวสกุลเจียงคือคุณหนูใหญ่เจียง ให้เป็นชายารุ่ยอ๋อง
บอกตามตรงเจียงชิงเองก็รังเกียจที่เจียงซูซูมีใบหน้าอัปลักษณ์ เขาจึงไม่คัดค้านในตอนที่เจียงซูซูไปอยู่ในหมู่บ้านหุบเขา ตามจริงเขาจะให้เจียงซูซูอยู่ในหมู่บ้านแห่งนั้นไปตลอดชีวิต เพราะนางอยู่ในตระกูลเจียงก็ไม่มีประโยชน์อันใด ใบหน้านางอัปลักษณ์จนผู้เป็นบิดาอย่างเขานั้นรับไม่ได้
“นายท่าน” ฮูหยินรองไม่คิดว่าเจียงชิงจะมองนางออกอย่างทะลุปรุโปร่งเยี่ยงนี้
“เอาล่ะ เจ้าไปปลอบเจียงเหมย อย่าให้นางได้น้อยใจ ข้าจะหาทางให้นางแต่งกับติ่งอ๋องเอง ยังไงบัลลังก์นี้ก็เป็นของติ่งอ๋องไม่มีทางเป็นของรุ่ยอ๋องหรือรัชทายาทไปได้”
ฮูหยินรองพลันได้ยินเยี่ยงนี้ก็สบายใจเป็นอย่างมาก