บทที่ 2
ยามเช้าที่เรือนหัวหน้าหมู่บ้านสามคนพ่อแม่ลูกนั่งรับประทานอาหารกันอย่างมีความสุข เพราะวันนี้คือวันที่ครอบครัวเจ้าบ่าวจะส่งของหมั้นของคุณหนูใหญ่สกุลเจียงมาให้พวกเขา เจ้าบ่าวของสกุลเจียงคือเถ้าแก่ร้านหมั่นโถวในเมืองหลวงที่อายุห้าสิบปีแล้ว อวี้ฮูหยินไปซื้อหมั่วโถวเป็นประจำได้รู้จักเถ้าแก่ อีกทั้งได้ข่าวว่าเถ้าแก่หาฮูหยินที่ต้องการมาช่วยดูแลกิจการ ประกอบกับฮูหยินรองสกุลเจียงต้องการให้คุณหนูใหญ่รีบออกเรือนเร็ววัน เรื่องนี้จึงเข้าทางอวี้ฮูหยินเป็นอย่างมาก
“ท่ายแม่ใบหน้าท่านดูอารมณ์ดีเชียวนะเจ้าคะ” อวี้จื่อปรายตามองมารดาที่ยิ้มไม่หุบ
“จื่อเอ๋อร์ แม่ดีใจวันนี้เถ้าแก่เนี้ยจะส่งของหมั้นมาให้คุณหนูใหญ่” อวี้ฮูหยินเอ่ยอย่างอารมณ์ดี
“เจ้าไปส่งข้าวให้พวกนั้นแล้วกัน ไม่ใช่กว่าจะถึงวันงานนางตายก่อนจะแย่เอา” หัวหน้าหมู่บ้านที่นั่งกินข้าวอยู่นั้นเอ่ยบอกผู้เป็นภรรยา
“เจ้าค่ะ”
บ่าวชายวิ่งเข้ามาในเรือน “เรียนท่านหัวหน้า รถม้าของคนสกุลเจียงมาบอกว่า มารับคุณหนูใหญ่กลับจวนเจียงขอรับ”
“อะไรนะ” ทั้งสามคนตกใจไม่แพ้กัน
ที่หน้าหมู่บ้านยามนี้ รถม้างามวิจิตรจอดหน้าหมู่บ้านพร้อมทั้งเหล่าองครักษ์นับสิบคน ครั้นจ้าวมามาเห็นหัวหน้าหมู่บ้านออกมาตอนรับก็เอ่ยทักทาย
“หัวหน้าหมู่บ้าน” จ้าวมามาเอ่ยขึ้น แต่ทว่าสายตาเหลือบมองข้างหลัง
“จ้าวมามา” หัวหน้าหมู่บ้านทักทายจ้าวมามา
“คุณหนูใหญ่เล่า” จ้าวมามาเอ่ยขึ้น เดินทางมาสามวันค่อนข้างเหนื่อยอีกทั้งยังเป็นคำสั่งของนายท่านเจียงต้องการให้รับตัวบุตรสาวคนโตกลับไป
“เชิญท่านไปนั่งที่ศาลาก่อนขอรับ” หัวหน้าหมู่บ้านเชื้อเชิญจ้าวมามากับสาวใช้ทั้งสองนาง เสี่ยวหยาง เสี่ยวผิงให้ไปที่ศาลาริมน้ำทันที
เสียงประตูถูกเปิดออกสองนายบ่าวพลันมองผู้มาเยือน
“เร็วเข้ารีบเอาคุณหนูใหญ่ออกมา” อวี้ฮูหยินเอ่ยบอกสาวใช้
“อวี้ฮูหยิน” เจียงซูซูพลันเอ่ยอย่างเสียงแข็ง นางอยากรู้ว่าสตรีนางนี้จะมาไม้ไหนกันแน่
“คุณหนูใหญ่รีบไปแต่งตัวเจ้าค่ะ ตอนนี้มีคนมารับท่านกลับจวนเจียงแล้ว” อวี้ฮูหยินเอ่ยอย่างนอบน้อม อาเจียอยากจะหัวเราะให้ฟันร่วง
“ไม่ ข้าจะให้พวกเขาเห็นว่าเจ้า ให้ข้าใช้ชีวิตอยู่ที่แห่งนี้ยังไงบ้าง” นางจะเอาคืนอวี้ฮูหยิน กระนั้นทำให้อวี้ฮูหยินถึงกับคุกเข่าลง
“คุณหนูใหญ่ อย่าทำเยี่ยงนี้เลยเจ้าค่ะ บ่าวได้รับคำสั่งจากฮูหยินรอง ถ้าท่านจะแก้แค้นก็ไปแก้แค้นฮูหยินรองเจ้าค่ะ” อวี้ฮูหยินสารภาพหมดเปลือก
เจียงซูซูพลันรู้ทุกอย่างแล้ว ฮูหยินรองต้องการให้ชีวิตของนางนั้นพังพินาศ แค้นนี้นางจะต้องชำระ แต่ไม่รู้เหตุใด คนสกุลเจียงถึงต้องการให้นางกลับไปที่จวนเวลานี้ กระนั้นสองนายบ่าวรีบตามสาวใช้ไปแต่งตัวใหม่ให้ดูสะอาดกว่าเดิม
ทางด้านศาลาริมน้ำจ้าวมามาเล่าทุกอย่างให้หัวหน้าหมู่บ้านฟัง เพราะว่าอัครเสนาบดีเจียงต้องการให้คุณหนูใหญ่ไปแต่งงานกับรุ่ยอ๋องจึงต้องมารับตัวนางกลับไป เกือบไปแล้ว พวกเขาเกือบจะต้องให้นางแต่งงานกลับเถ้าแก่ร้านหมั่นโถว เพราะจดหมายของฮูหยินรองโดยแท้
เรือนร่างอรชรในชุดผ้าต่วนสีชมพูลายผีเสื้อถักทอด้วยดิ้นทอง ย่างกรายเข้ามาในศาลาอย่างช้าๆ จ้าวมามาพลันเห็นคุณหนูใหญ่ก็ดีใจเป็นอย่างมาก
“คุณหนูใหญ่”
เจียงซูซูจำได้จ้าวมามาเป็นคนของฮูหยินผู้เฒ่าเจียง
“มามา”
จ้าวมามาพลันสำรวจเรือนกายของคุณหนูใหญ่มือที่เคยเรียวงามบัดนี้ดูด้านชาไปหมดแล้ว ไม่รู้ว่าชะตากรรมที่อยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง
“ท่านสบายดีนะเจ้าคะ” จ้าวมามาเอ่ยขึ้น
“ไม่หรอก” เจียงซูซูเอ่ยขึ้นแล้วทอดสายตามอง สามคนพ่อแม่ลูก
“พวกเจ้ากล้าใช้งานคุณหนูรึ นางมาอยู่ที่นี่ สามปี มือที่เคยงามกลับด้านไปหมด” จ้าวมามาตะคอกจนคนพวกนั้นจนคอหด
“คือเรื่องนี้ ฮูหยินรองเป็นคนสั่งให้พวกข้าทำ” อวี้ฮูหยินเอ่ยขึ้น
ผู้เป็นสามีอยากจะตบผู้เป็นภรรยาเสียจริง
จ้าวมามาครั้นได้ยินเยี่ยงนี้ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา เห็นทีเรื่องนี้ต้องรายงานฮูหยินผู้เฒ่าทราบเสียแล้ว
“คุณหนูกลับจวนเจ้าค่ะ” จ้าวมามาประคองเรือนร่างงามมุ่งไปที่หน้าหมู่บ้าน โดยมีทั้งสามสาวใช้เดินรั้งท้าย
หัวหน้าหมู่บ้านพร้อมครอบครัวมองตามอย่างเคียดแค้น
“ท่านแม่เราจะทำยังไงกันดี เรื่องงานแต่งเถ้าแก่ร้านหมั่นโถว” อวี้จื่อเอ่ยถามมารดา
“จะทำอย่างไรได้ เจ้าก็แต่งแทนนางแล้วกัน” หัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยขึ้น
“ไม่ได้นะ ลูกสาวเราต้องตกนรกทั้งเป็นแน่” อวี้ฮูหยินเอ่ยขึ้น นางไม่อยากให้บุตรสาวประสบชะตากรรมเยี่ยงนี้
“แล้วเจ้าจะทำอย่างไร”
“ข้าไม่แต่ง เดิมทีวาสนานี้เป็นของนังเจียงซูซู” อวี้จื่อพลันกอดมารดาร่ำไห้ อย่างไรนางก็ไม่มีวันแต่งกับเจ้าอ้วนลงพุงนั้นเป็นอันขาด
รถม้ามุ่งมาสู่เมืองไห่ชิงรถม้าขนาดใหญ่บรรจุคนได้ห้าคน เจียงซูซูพลันนั่งเบาะด้านบนอย่างสบายส่วนสาวใช้ทั้งสามกับจ้าวมามานั่งด้านล่าง
“มามารู้หรือไม่ ทำไมท่านพ่อต้องรับข้ากลับจวน” เจียงซูซูใคร่อยากจะรู้
จ้าวมามาพลันเอ่ยขึ้นว่า “คุณหนูใหญ่ นายท่านต้องการให้ท่านแต่งงานกับรุ่ยอ๋องเจ้าค่ะ จึงสั่งให้บ่าวรีบมารับท่านกลับไปก่อนงานวิวาห์อีกหนึ่งเดือนข้างหน้า”
แววตาของเจียงซูซูครุ่นคิดถ้าไม่เพราะต้องการให้นางแต่งงาน พวกเขาก็คงไม่คิดถึงนางสินะ
“อย่างนี้นี่เอง” สาวใช้ทั้งสามต่างสงสารคุณหนูอย่างจับใจ
“เหตุใดไม่เป็นน้องรองกับน้องสามเล่า เหตุใดต้องเป็นข้าด้วย” นางอัปลักษณ์ถึงเพียงนี้ ยังมีคนต้องการแต่งงานกับนางอีกรึ
“ท่านไปถามนายท่านเองเถอะเจ้าค่ะ” จ้าวมามาก็หนักใจเช่นกัน เมื่อมาถึงเมืองไห่ชิง พวกนางก็ได้เลือกโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งเป็นที่พำนักของคืนนี้
เจียงซูซูเมื่อมาถึงห้องพักชั้นสองนางนั้นถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้า ไม่รู้ว่านับจากนี้จะเจออันใดบ้าง
“คุณหนูอาบน้ำแล้วค่อยกินข้าวเถอะเจ้าค่ะ” อาเจียบอกเจ้านนาย เดินทางมาทั้งวันนางอยากให้คุณหนูอาบน้ำอย่างสบายกาย
“ดีเหมือนกัน” เจียงซูซูพลันก้าวเท้าเข้าไปในฉากกั้นห้องอาบน้ำ สาวใช้อย่างอาเจียรีบถอดอาภรณ์ตัวนอกห้อยไว้ที่ราวผ้า เจียงซูซูพลันก้าวเข้ามาในอ่างไม้แล้วนั่งลง สามปีแล้วที่นางไม่ได้สัมผัสอ่างไม้เยี่ยงนี้ ตอนที่นางอยู่หมู่บ้านหุบเขา นางต้องอาบน้ำที่ลำธารแทน
อาเจียรีบขัดผิวด้านหลังให้เจ้านายอย่างละเอียด หมดเคราะห์เสียทีคุณหนูของนาง ต่อไปนี้คุณหนูจะได้เป็นชายารุ่ยอ๋องแล้ว
“คุณหนูจะได้เป็นชายารุ่ยอ๋องแล้ว บ่าวดีใจด้วยเจ้าค่ะ” อาเจียเอ่ยอย่างปลื้มปีติ
เจียงซูซูพลันหลับตาอย่างสบาย สมองครุ่นคิดคำพูดที่อาเจียเอ่ยขึ้น ชายารุ่ยอ๋องมันก็ดีอยู่หรอกเหตุใด ชายงามแห่งใต้หล้าต้องมาแต่งกับสตรีที่อัปลักษณ์เยี่ยงนางด้วยเล่า
“ข้าไม่รู้ว่า เหตุใดท่านพ่อต้องยอมให้คนอย่างข้า แต่งงานกับบุรุษที่เพียบพร้อมเยี่ยงนี้ เจ้าว่าคนอย่างฮูหยินรองมีหรือจะอยากให้ข้าได้ดีไปกว่าบุตรสาวของนาง”
อาเจียพลันเข้าใจทันที
“เอาล่ะ ไม่ว่าจะออกเรือนด้วยเหตุผลใด ข้าก็จะยอม แต่ข้าขออย่างเดียว รักษาท่านแม่ของข้าให้หายบ้าเสียก่อน เรื่องนี้ข้าจะตกลงกับท่านพ่อ ในรถม้าข้าถามจ้าวมามาว่ามารดา ข้าเป็นอย่างไรบ้าง จ้าวมามาบอกว่า มารดาข้านับวันอาการคลุ้มคลั่งรักษาอย่างไรก็ไม่หาย เรื่องนี้ทำให้ข้าคิดหนัก” เจียงซูซูพลันนึกถึงมารดาของนางที่เป็นบ้าเมื่อสามปีก่อน ไม่รู้เพราะเหตุใด เมื่อมารดาเป็นบ้าไม่มีผู้ใดในจวนคุ้มครองนางได้ แม้แต่ฮูหยินผู้เฒ่าทำให้นางต้องมาอยู่ที่หมู่บ้านบนหุบเขาเป็นเวลานับสามปี
ถ้าไม่เพราะต้องแต่งงานกับรุ่ยอ๋องมีหรือนางจะได้ออกจากหมู่บ้านบนหุบเขา
อีกด้านหนึ่งภายในห้องพักสองบุรุษ คนหนึ่งแต่งกายด้วยผ้าต่วนชุดสีแดงลายตารางหมากปักด้วยดิ้นทองอย่างงามวิจิตร
สายตาทอดมองกระดานหมากล้อมที่รายล้อมไปด้วยหมากลุกเม็ดสีขาวและเม็ดสีดำ ดวงตาดอกท้อทอดมองหมากเม็ดดำที่อยู่ในมือ เขาจะเอาชนะองครักษ์คู่ใจอย่างอาเหิงได้อย่างไร
“รัชทายาทชนะข้าแล้ว” อาเหิงมองกระดานหมากล้อม ตำแหน่งที่รัชทายาทวางนั้นชนะอาเหิงอย่างขาดลอย
คนที่ถูกเรียกว่ารัชทายาทยกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย
“กระหม่อมรู้ว่า ไม่เคยเล่นหมากล้อมชนะท่านได้เลย” อาเหิงเอ่ยขึ้น ไม่ว่าจะเล่นหมากล้อมกี่ครั้งเขาก็แพ้ให้แก่เจ้านายเสมอ
“เอาล่ะ ข้าเหนื่อยแล้วเจ้าออกไปพักผ่อนได้” ในระหว่างที่อาเหิงกำลังจะล่าถอยออกไป มีดบินได้โผล่มาจากหน้าต่าง เฉียดดวงหน้ารัชทายาทไปเล็กน้อย มีดบินนั้นได้ปักอยู่ประตู
“รัชทายาทระวัง” อาเหิงรีบชักกระบี่ตั้งท่ารับมือกับบุรุษชุดดำที่มาทางหน้าต่างประมาณสามคน จ้าวหลี่ทอดสายตามองผู้มาเยือนยามวิกาล พวกมันเป็นผู้ใดกัน
“พวกเจ้าต้องการอะไร” จ้าวหลี่เอ่ยถามบุรุษชุดดำทั้งสามคน
พวกมันทั้งสามคนหัวเราะออกมา “ข้าต้องการชีวิตเจ้า” กล่าวจบพวกมันก็ชักกระบี่ไปทางจ้าวหลี่ ด้านจ้าวหลี่ไม่คิดเลยว่า เขาได้รับมอบหมายจากเสด็จพ่อให้มาตรวจตราความเรียบร้อยของเมืองไห่ชิงทางตอนใต้ของแคว้นตงจะต้องประสบพบเจอเหตุการณ์ที่เลวร้ายเยี่ยงนี้
จ้าวหลี่กับอาเหิงต่อสู้กับบุรุษทั้งสามหลายกระบวนท่า
อีกด้านหนึ่งสองนายบ่าวที่อยู่ในห้องอาบน้ำ อาเจียยื่นผ้ามาให้เจียงซูซูพันเรือนกาย กระนั้นหญิงสาวพันเรือนกายเสร็จแล้วหมายจะก้าวออกจากอ่างไม้ นักฆ่าสองคนกระโดดมาทางหน้าต่าง จังหวะนั้นผนังห้องอีกห้องทะลุเข้ามาในห้องอาบน้ำ สองบุรุษต่อสู้กับชายสามคน
นักฆ่ามุ่งหน้ามาทางเจียงซูซู กระนั้นนางกรีดร้องขึ้น กระบี่ที่จะปาดคอนางโดนปัดออก เพราะจ้าวหลี่ได้ช่วยนางไว้
อาเหิงต่อสู้กับนักฆ่าทั้งห้าคน จนพวกมันหนีไปได้ทั้งสองคน ที่เหลือทั้งสามคนโดนอาเหิงแทงตายไปจนหมด
เจียงซูซูพลันมองหน้าบุรุษผู้หล่อเหลา ดวงหน้าเขานั้นช่างขาวเนียนราวกับเทพเซียน ดวงตาดอกท้อยิ่งมองยิ่งหลงใหล
สตรีนางนี้ดวงหน้าข้างหนึ่งงดงามราวกับเทพธิดา อีกด้านหนึ่งอัปลักษณ์เหลือเกิน
“คุณหนูเจ้าคะ” อาเจียใจคอไม่ดีเหตุใดคุณหนูถึงยืนนิ่งต่อหน้าบุรุษทั้งสองคน
เจียงซูซูนางลืมไปว่า นางแต่งตัวไม่เรียบร้อย กระนั้นเรือนร่างอรชรถึงกับล้มลงแต่ทว่าอ้อมแขนอันแข็งแกร่งของจ้าวหลี่พลันรับนางไว้ได้ทัน…