บท
ตั้งค่า

ขยับวงโคจร (3)

ผู้จัดการร่ำเมรัยติดต่อมาบอกให้มลุลีเข้าไปที่ร้านช่วงหกโมงเย็น และจะมีหัวหน้างานรอสอนงานอยู่ หลังจัดของเสร็จเรียบร้อยหญิงสาวก็เข้าไปอาบน้ำอาบท่าชำระร่างกาย แต่งตัวสบายๆ เพื่อไปยังที่ทำงาน เพราะอย่างไรเสียก็ต้องไปเปลี่ยนชุดที่นั่นอยู่แล้ว

ประมาณห้าโมงครึ่ง มลุลีก็เดินทางออกจากที่พัก ใช้การเดินเท้าลัดเลาะไปตามตรอกซอกซอย กินเวลาประมาณสิบนาทีเศษๆ ก็มาถึงที่หมาย ประตูหลังร้านยังไม่ถูกเปิด เธอจึงเตร็ดเตร่อยู่แถวนั้น กระทั่งหางตาเหลือบไปเห็นซีดานหรูเคลื่อนตัวมาจอดยังส่วนของที่จอดรถพนักงาน

ให้หลังเพียงครู่สั้นๆ ชายร่างสูงก็เดินตรงมาทางที่เธอยืนอยู่

สองมือถูกยกขึ้นตามมารยาท “สวัสดีค่ะผู้จัดการ”

เขาค้อมศีรษะให้เล็กน้อย “มาไวนะครับ”

สาวเจ้ายิ้มรับ ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ขาเรียวค่อยๆ ก้าวตามชายหนุ่มเข้าไปด้านใน

กลิ่นกายหอมอ่อนๆ ลอยปะทะจมูกเหมือนอย่างเคย มันติดอยู่ที่ปลายจมูกไม่ยอมหายไปไหน เห็นเขาเปิดไฟในร้าน เธอก็ไม่นิ่งดูดาย อาสาช่วยอย่างขยันขันแข็ง

รอยยิ้มบางๆ ผุดขึ้นบนกรอบหน้าคร้ามคม เขาเอ่ยอย่างเป็นมิตร “ที่พักใหม่เป็นยังไงบ้างครับ”

“ดีค่ะ ใกล้ที่ทำงานด้วย มิ้มเดินมาประมาณสิบนาทีก็ถึงที่ร้านแล้ว”

ดิฐากรไม่ได้ตอบโต้ในประเด็นนั้น เขามีเรื่องต้องทำ จึงตัดบทอย่างกระชับ “โอเค ถ้าอย่างนั้นคุณรออยู่ตรงนี้นี่แหละ อีกเดี๋ยวหัวหน้าฝ่ายบริการจะเข้ามาจัดการเรื่องยูนิฟอร์มให้ รวมถึงบอกสโคปงาน ระหว่างนี้ถ้ามีข้อสงสัยอะไรก็ถามผมได้ ผมอยู่ในห้องทำงาน”

“ค่ะ”

คล้อยหลังผู้จัดการ มลุลีก็ทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้แถวๆ นั้น ด้วยไม่รู้จะไปอยู่ตรงไหน ระหว่างรอหัวหน้างานมาถึงก็ฆ่าเวลาด้วยการไถหน้าจอไปพลางๆ ไม่ว่าจะแพลตฟอร์มไหน เธอก็เป็นสายส่องเสียมากกว่าจะเปิดเผยเรื่องราวของตัวเอง ไม่ลงรูป ไม่โพสต์สเตตัส เพราะรู้อยู่เต็มอกว่าหากทำอะไรไปก็จะถูกหยิบยกไปพูดลับหลังด้วยกันทั้งนั้น

เห็นเพื่อนสนิททั้งสองไปทานอาหารด้วยกันตั้งแต่เมื่อคืน นิ้วเรียวแตะไปที่ปุ่มถูกใจ ทั้งยังแสดงความคิดเห็นอีกด้วย โดยการกระทำนี้สงวนให้แก่คนสนิททั้งสองเท่านั้น

Malulee Worasuwan น่ากิยมาก ไปกรุงเทพฯ รอบหน้าพาไปกินบ้างสิ

ครู่สั้นๆ เจ้าของโพสต์ก็ตอบกลับมา หนำซ้ำสาวอีกคนที่ร่วมอยู่ในเฟรมเดียวกันก็ตามมาติดๆ

มลุลีเพิ่งเห็นว่าตัวเองพิมพ์ผิดก็ตอนกดส่งไปแล้ว จึงคร้านจะแก้ เพราะเชื่อว่าเพื่อนๆ เข้าใจได้ว่าตนต้องการจะสื่ออะไร

Aim Atinuch @ Malulee Worasuwan มาสักทีเหอะ คิดถึงจะแย่

Tan Tichila @ Malulee Worasuwan มาเลยจ้า จะพาไปตะลุยกินให้พุงกางเลย

คุยกันต่ออีกนิดหน่อย เสียงฝีเท้าของใครบางคนก็ดังเข้าโสตประสาท เธอจึงเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าสะพาย ยันกายลุกขึ้นจากเก้าอี้ เบี่ยงตัวไปมองทางด้านหลังด้วยมั่นใจว่าบุคคลที่เดินมานั้นต้องเป็นหัวหน้างานของเธอแน่ แต่แล้วร่างทั้งร่างพลันนิ่งงันไป

ไม่ต่างจากคนมาใหม่

“อีมิ้ม?”

บุคลคลที่อยู่ตรงหน้านั้นเป็นคนที่เธอรู้จักดีอยู่แล้ว “อีพราว ทำไมมึง...?”

ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที ทั้งสองก็สามารถย่อยเหตุการณ์ตรงหน้าจนจับใจความได้โดยไม่ต้องมีใครอธิบายอะไรเพิ่มเติม รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนกรอบหน้าของพลานิช สายตาหลุบต่ำอย่างถือดี “ที่นี่กูถือเป็นหัวหน้าของมึง จะมาเรียกกูแบบนั้นมันออกจะปีนเกลียวเกินไปหน่อย หวังว่ามึงจะเจียมกะลาหัวแล้วทำตัวดีๆ กับกูนะ ถ้าไม่อยากถูกไล่ออก”

“แค่หัวหน้า ไม่ใช่แม่กูสักหน่อย”

“ปากดีนักนะมึง”

สงครามน้ำลายหยุดลงทันทีเมื่อมีเสียงประตูถูกเปิดดังขึ้น พร้อมร่างสมส่วนของผู้จัดการที่ก้าวเดินออกมาจากห้องทำงาน “อ้าว มาแล้วเหรอ”

พลานิชปั้นหน้ายิ้ม เอ่ยเสียงหวาน “ค่ะ คนนี้ใช่ไหมคะ พนักงานคนใหม่ของร้าน”

“ครับ ชื่อมิ้ม รุ่นเดียวกับคุณหรือเปล่านะ ยี่สิบห้า”

“ค่ะ รุ่นเดียวกัน”

“ก็น่าจะเข้ากันได้ดี ยังไงก็ฝากคุณพราวด้วยครับ”

ริมฝีปากบางเบนออกเป็นรอยยิ้ม “ด้วยความยินดีค่ะ”

คล้อยหลังบานประตูปิดลง ริมฝีปากที่โค้งขึ้นก็ถูกคว่ำลงโดยเจ้าของ

“ตามมา!”

พลานิชเดินนำมายังห้องพักพนักงาน จัดเตรียมยูนิฟอร์มให้มลุลีตามหน้าที่ของตน ที่แม้ไม่มีแก่ใจจะทำให้ แต่พอสถานะที่เป็นอยู่ถูกย้ำเตือน เธอก็อดจะพึงพอใจไม่ได้

เมื่อก่อนกลุ่มของเธอมักพ่ายแพ้ให้แก่มลุลีเสมอ แต่ก็เป็นแค่เรื่องกิจกรรม เหตุเพราะมันสวย รำดี กิจกรรมเด่น ในขณะที่เรื่องเรียนไม่นับเป็นหัวกะทิ ออกจะปริ่มน้ำ สภาพตายมิตายแหล่อยู่เกือบทุกวิชา แต่ได้เป็นดาวเด่นเพราะรูปร่างหน้าตา จากความหมั่นไส้เล็กๆ น้อยๆ พอถูกสั่งสมมากเข้าก็กลายเป็นความเกลียดชัง ยิ่งมลุลีมีท่าทีหยิ่งผยอง พวกเธอก็ยิ่งไม่สบอารมณ์ พยายามหาทุกปมด้อยของมันมากดหัวเพื่อลดระดับของอีกฝ่ายลง ซึ่งการกระทำเช่นนั้นช่างเป็นสุขนัก

ยามเห็นนางคนอวดเก่งไร้เพื่อนไร้ฝูง ผู้คนพากันหยามเกียรติเพราะดันเกิดเป็นลูกของโสเภณี นั่นนับเป็นความบันเทิงใจของคนทั้งสี่ ที่ก็ไม่คิดว่าแม้จะผ่านมาเป็นสิบปี แต่ความรังเกียจเดียดฉันท์ที่มีต่อมลุลีกลับไม่เคยลดน้อยลงเลย ทันทีที่ได้พบกันอีกครั้ง มันก็หลั่งไหลเข้ามาราวถูกตั้งโปรแกรม

ทว่าบัดนี้ มลุลีกลับเป็นเพียงชั้นผู้น้อยที่ต้องอยู่ใต้บัญชาเธอ

“นี่ชุดของมึง นั่นล็อกเกอร์ เก็บของไว้ในนั้นได้”

มือบางยื่นไปรับยูนิฟอร์มของทางร้านมาถือไว้แต่โดยดี แต่ก็มิวาย “พนักงานที่นี่เขาพูดมึงกูกันเหรอ สถุลแท้”

“ไม่มีใครสถุลเท่ามึงอีกแล้วอีลูกกะหรี่เอ๊ย!”

“อ่า...นั่นเพราะยังไม่รวมแม่มึงไปด้วยหรือเปล่า กูถึงได้เป็นที่หนึ่ง”

เจ้าหล่อนยกนิ้วมาชี้หน้ามลุลีอย่างฉุนจัด “มึงอย่ามาลามปามถึงแม่กูนะ แล้วถ้ามึงไม่รู้จักเคารพกูบ้างก็อย่าหวังว่ามึงจะได้ทำงานอยู่ที่นี่เลย”

“มึงจะทำไมกู”

“กูเอามึงออกได้ ไม่เชื่อก็ลองดู”

แทนที่เธอจะมีสีหน้าสลด เพราะนอกจากโดนด่าแม่แล้ว คุณหัวหน้ายังพูดจาข่มขู่ ใช้อำนาจในทางมิชอบ แต่คนอย่างมลุลีกลับแค่นยิ้มให้คู่สนทนา “ถ้ากูไม่อยู่ที่นี่ มึงนั่นแหละจะเสียใจ”

พลานิชกล่าวกลั้วหัวเราะ “อีมั่น”

“เปล่า ไม่ใช่เรื่องนั้น”

คนที่มีตำแหน่งสูงกว่าเริ่มระแวง หล่อนคาดเดาไม่ได้เลยว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหน

“ก่อนจะมาเป็นเด็กเสิร์ฟ มึงต้องไม่เชื่อแน่ๆ ว่ากูเป็นอะไรมา”

ทั้งๆ ที่มลุลียังไม่ได้พูดอะไรให้ต้องโกรธ แต่มือของคนฟังกลับกำไว้แน่น หล่อนเกลียดเหลือเกินที่เจ้าตัวชอบทำท่าทีเย่อหยิ่ง ลำพองตนทั้งๆ ที่สถานการณ์กำลังตกเป็นรอง แต่มลุลีก็ยังคงอวดดี

และความอวดดีของมลุลีสามารถสั่นคลอนความมั่นใจของพลานิชได้

“อยากรู้ไหม”

“...”

คิ้วสวยได้รูปถูกเลิกขึ้น “ไม่อยากรู้? น่า รู้สักหน่อยเถอะ มันเกี่ยวกับมึงนะ”

ผู้พูดค่อยๆ สาวเท้าเข้าไปใกล้ๆ คู่สนทนา

เอ่ยกระซิบกระซาบชิดใบหู “กูเป็นเมียน้อยพ่อมึง”

“อีมิ้ม!” ไม่ว่าเปล่า เจ้าหล่อนยังออกแรงผลักจนคนตัวเล็กเซถลา ทว่าก็ไม่ถึงกับล้มลงไป

มลุลียังคงมีรอยยิ้มเปื้อนใบหน้า “พราว พ่อมึงมันโคตรเด็ดเลยว่ะ แต่กูสงสารแม่มึงหรอกนะก็เลยเลิกยุ่ง แล้วถ้ามึงหาเรื่องบีบกูให้ออกจากงาน กูก็ไม่รู้จะไปทำอะไร คงต้องกลับไปเป็นเมียน้อยพ่อมึงต่อ”

เธอมองดูคนโกรธจัดอย่างพึงพอใจในผลงาน

คนพวกนี้ด่าพ่อแม่คนอื่นสนุกปาก แต่พอโดนด่าพ่อล่อแม่บ้าง ไม่เห็นจะรับได้สักตัว แล้วเหตุใดที่ผ่านมาถึงได้เอาแต่ด่าแม่เธอไม่รู้จักหยุดหย่อน หากว่าทุกคนรักครอบครัวตัวเอง เธอก็รัก เรื่องแค่นี้เข้าใจยากตรงไหน

แค่อยู่อย่างไม่ทำร้ายกัน มันไม่ได้ยาก แต่ในเมื่ออยู่กันดีๆ ไม่ได้ ก็ร้ายให้ตายไปข้าง

ใครจะอยู่ใครจะตายเธอไม่สน แต่เธอต้องได้อยู่ และอยู่อย่างมีเกียรติมีศักดิ์ศรี ใครที่มันคิดย่ำยี มลุลีดอกนี้ก็พร้อมใช้หนามแหลมทิ่มแทงเพื่อสร้างบาดแผลให้มันด้วยความยินดี

“จำเอาไว้ว่ากูไม่ใช่เพื่อนเล่นของพวกมึง ถ้ายังกัดไม่เลิก สักวันพวกมึงทุกตัวจะมีแม่เลี้ยงชื่อมิ้ม”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel