บท
ตั้งค่า

ขยับวงโคจร (2)

มลุลีกวาดสายตามองสองสาวอย่างดูหมิ่นดูแคลนอยู่ในที สาวเท้าก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างไม่กลัวตาย เธอจะไม่ถือสากับคำทักทายที่ระคายหูจากปากของชลิตา แต่ก็ใช่ว่าจะพอใจ

เป็นเจ้าตัวที่เอ่ยขึ้นอีกครั้ง แต่เป็นการเอ่ยปากพูดกับเพื่อนของตน “พราว คนแถวนี้มันเข้าใจอะไรผิดไหม”

“ยังไง”

“ที่นี่เป็นหอพักนะ ไม่ใช่ซ่อง”

ชลิตาพูดกับพลานิช แต่สายตาและบทสนทนานั้นกระทบกระเทียบเธอเต็มๆ

มลุลีอดจะยิ้มให้อีกฝ่ายไม่ได้ “ดีจริงๆ คิดว่ามาอยู่นอกบ้านคนเดียวจะเหงาเสียแล้ว ที่ไหนได้ ฟ้าส่งหมามาเห่าตั้งสองตัว”

สองเสียงประสานกันว่า “อีมิ้ม!”

“เออ อีชา อีพราว พวกมึงนั่นแหละหมา แล้วมึงก็ทำความเข้าใจใหม่ด้วยว่ากูไม่ได้เข้าใจผิดหรอกว่าที่นี่ไม่ใช่ซ่อง เพราะถ้าเป็นซ่องจริงๆ พวกมึงคงอยู่ไม่ได้”

เจ้าหล่อนแค่นเสียงขึ้นจมูก “ใช่สิ กูไม่ใช่กะหรี่นิ”

“ทราบจ้ะ เพราะกะหรี่เขาก็คัดเบ้า ไม่ใช่หยิบสุ่มสี่สุ่มห้าจากข้างทางก็มาเป็นได้ มันต้องสวย ไม่สวยก็ขายไม่ออก อย่างพวกมึงสองตัวต่อให้ยืนเรียกแขกทั้งคืนก็เมื่อยขาเปล่าๆ”

ชลิตาที่โดนหยามซึ่งๆ หน้าก็จ้องมลุลีตาเขม็ง สองมือกำแน่น “มึงอย่ามาปากดีนะอีมิ้ม”

“กูบอกว่ามึงเป็นกะหรี่ไม่ได้มึงก็ไม่พอใจ หรือมึงจะพอใจก็ต่อเมื่อกูพูดว่าอย่างมึงน่ะ มันระดับเบอร์ตอง แบบนั้นรึ เกิดอยากเป็นกะหรี่ขึ้นมาดื้อๆ หรือยังไง แล้วที่ผ่านมามึงจะดูถูกอาชีพนี้ทำไม”

“กูไม่เป็นหรอกคนชั้นต่ำแบบนั้น”

“เออ สูงนักสิมึงอะ ถุยเถอะ นอกจากอีโก้ของมึงแล้วกูไม่ยักจะเห็นอะไรที่สูงในตัวมึงเลย มองไปทางไหนก็เห็นแต่ความต่ำตม”

พลานิชที่เห็นท่าไม่ดีเพราะมีคนเดินลงมาจากชั้นบน ผนวกกับกลัวจะเกิดการวางมวยกันขึ้นจนสร้างความเดือดร้อนให้ผู้ร่วมอาศัยท่านอื่น จึงพยายามลากตัวเพื่อนสนิทให้ออกไปจากบริเวณนี้ ที่ก็มีท่าทีฮึดฮัดพอสมควร เพราะชลิตาคันปากอยากด่ามลุลีให้หนำใจ ไหนยังคันไม้คันมืออยากตะบันหน้ามันให้แหก

คล้อยหลังการไปของคนทั้งสอง หญิงสาวก็ผ่อนลมหายใจออกมาแล้วจึงเดินเข้าไปในห้องของตนเอง ง่วนอยู่กับการจัดห้องจนลืมเวลา กระทั่งได้รับสายจากมารดา เธอถึงผละมือออกจากสิ่งที่ทำแล้วเดินไปคว้ามือถือมากดรับสาย

เป็นการวิดีโอคอล จึงเห็นหน้าแม่ที่ส่งยิ้มให้กันอย่างอบอุ่น

(แม่ถึงบ้านละ)

คนฟังพยักหน้ารับรู้ “มิ้มจัดห้องอยู่”

(ขยันไปไหม ค่อยจัดวันอื่นก็ได้ อีกเดี๋ยวก็ต้องไปทำงานแล้ว)

“สบายมาก อยู่เฉยๆ แล้วไม่มีอะไรทำ ข้าวของก็วางระเกะระกะ เห็นแล้วไม่สบายตา”

วาดดาวไม่ได้พูดในประเด็นนั้นต่อ (แล้วอยู่ที่นั่นโอเคไหม อยู่ได้นะ)

มลุลีระบายยิ้ม ไม่คิดจะเล่าเรื่องที่เจอชลิตากับพลานิชที่นี่ให้ทางบ้านฟัง ประเดี๋ยวจะเป็นห่วงจนอยู่ไม่สุข เพราะเธอค่อนข้างมั่นใจว่าสามารถรับมือกับแม่สองคนนี้ได้ด้วยตัวเอง ก็แค่คนที่อยู่ห้องใกล้กัน มันจะสักเท่าไรเชียว ฝีปากเธอก็ใช่จะเป็นสองรองใคร เรี่ยวแรงก็ดีประมาณหนึ่ง ไม่มีอะไรให้น่าห่วง

“ได้อยู่แล้ว แม่ไม่ต้องห่วงนะ”

(ยังไงแม่ก็ห่วงอยู่ดีนั่นแหละ อ่าใช่ ช่วงนี้ฝนยังไม่ตก ถ้าร้อนก็เปิดแอร์ไปเลย ไม่ต้องประหยัดหรือรัดเข็มขัดมาก ใช้ชีวิตให้สบายเข้าไว้ เวลาหิวก็ต้องกิน เลือกกินของดีๆ เงินไม่พอบอกแม่)

หญิงสาวได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆ

(แม่พูดจริง อย่าลำบาก แล้วอีกไม่กี่วันฝนก็คงจะตกแล้ว ไปไหนมาไหนพกร่มตลอดนะ อย่าตากฝน)

“รับทราบฮะ”

(ทราบให้จริง)

แก๊งนางฟ้า (4)

ชา: เกลียดอีมิ้มว่ะ

ระหว่างนั่งรอข้าวเที่ยง ชลิตาก็หาเรื่องระบายอารมณ์ลงไปในกลุ่มแก๊งเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยมัธยมต้น ที่แม้ว่าตอนนี้จะแยกย้ายกันไปทำงาน แต่ก็ยังรักษาความสัมพันธ์ไว้ได้

นิรมลนั้นหลังเรียนจบก็หางานทำที่กรุงเทพฯ สุสิริไปทำงานโรงแรมอยู่เกาะสมุย มีเพียงเธอกับพลานิชที่ทำงานอยู่จังหวัดบ้านเกิด

นท: ใครๆ ก็เกลียดมันปะ หรือมึงเคยเห็นมันมีเพื่อนคบ

ชา: ก็ไม่มีไง แต่กูเกลียด โคตรเกลียด

นท: แล้วทำไมจู่ๆ ถึงพูดถึงมัน ไปเจออะไรเข้า แต่มันไม่ค่อยอัปเดตอะไรในเน็ตปะ เฟซมันร้างมาก

ชา: ไม่ได้เจอในเน็ต เจอตัวจริง

นท: อ้อ ก็มันกลับไปอยู่ที่นั่นนิ เจอกันได้อยู่แล้ว

พราว: เจอที่หอ

นท: ว้อท?!

พราว: มันอยู่หอเดียวกันกับพวกกู

ชา: ฉะกันไปดอกหนึ่ง ถึงได้หงุดหงิดไง เพราะแม่งยังปากดีไม่เปลี่ยน

นท: มันเข้ามาทำงานในนครนายกเหรอ

ชา: อาจจะ

นท: เวรกรรมพวกมึงแท้ๆ

สร้อย: เพิ่งได้ตามอ่าน ไม่จบไม่สิ้นจริงๆ กับคนคนนี้

นท: จริง แค้นมันเนอะ ยังจำวันที่มันต่อยไอ้ชาจนตาเขียวได้อยู่เลย

ชา: เอ้าอีนี่! แล้วจะพูดเพื่อ กูยิ่งเจ็บใจอยู่

พลานิชกดออกจากแชตกลุ่มของเพื่อนเมื่อเห็นแจ้งเตือนของหัวหน้า หัวคิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ถึงกระนั้นก็ยอมแตะเข้าไปอ่านข้อความอยู่ดี ได้ความว่าอีกฝ่ายไหว้วานให้เธอเข้างานก่อนเวลางานเพื่อมาจัดการธุระเรื่องเสื้อผ้าและสอนงานให้เด็กใหม่

พราว: ให้น้องเขาเริ่มงานวันนี้เลยใช่ไหมคะ

คุณดิน: ครับ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel