CHAPTER 6 การเจอกัน
“ถึงแล้ว ขอบคุณมากนะอิง ขับรถกลับดี ๆ นะ ถ้าฟ้าถึงโรงแรมแล้วจะโทรหา”
วันนี้ถนนค่อนข้างโล่ง ทำให้มาถึงสนามบินได้เร็วกว่าที่คาดไว้ ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่พราวฟ้าเดินทางจากบ้านไปหลายวัน และที่สำคัญไปท่องเที่ยวคนเดียว หวังว่าคู่มือแนะนำท่องเที่ยวที่เธอได้ศึกษามาประมาณหนึ่ง คงไม่ทำให้เธอต้องเดินทางลำบากจนเกินไปนัก
“เที่ยวให้สนุกนะฟ้า อะไรที่ไม่สบายใจก็ทิ้งที่นั่นไปเลยนะ ไม่ต้องเอากลับมาด้วย” อิงดาวพูดให้กำลังใจขณะลงมาช่วยยกกระเป๋าให้พี่สาว หวังว่าแผนการเดินทางครั้งนี้น่าจะช่วยให้พราวรุ้งรู้สึกดีขึ้น
“จ้ะ” พราวฟ้ายิ้มตอบอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก แต่อย่างน้อยคิดว่าการไปเที่ยวครั้งนี้ น่าจะช่วยให้เธอได้พบกับสิ่งที่ดี ๆ หรืออย่างน้อยมีเวลาได้จัดการกับความรู้สึกของตัวเองสักที
หลังจากพราวฟ้าโหลดกระเป๋า และเช็กอินตั๋วเครื่องบินเรียบร้อยแล้ว วันนี้สนามบินค่อนข้างแน่น แต่การตรวจเอกสารพาสปอร์ตเพื่อเข้าไปด้านในสนามบินทำได้อย่างรวดเร็ว
พราวฟ้าสังเกตเห็นเครื่องสำหรับตรวจพาสปอร์ตแบบอัตโนมัติรุ่นใหม่มาติดตั้งให้ใช้ ไม่น่าเชื่อว่าเธอไม่ได้มาท่องเที่ยวนานมากแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างดูแปลกใหม่ และน่าตื่นเต้นไปหมด พราวฟ้าเลือกที่จะเดินทางไปเที่ยวเกาะฮ่องกง เนื่องจากใช้เวลาเดินทางไม่กี่ชั่วโมง การคมนาคมที่สะดวก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีครบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นวัด แหล่งชอปปิง สวนสนุก รวมถึงอาหารขึ้นชื่อตามที่รายการทีวีที่เคยนำเสนอให้นักท่องเที่ยวมาตามรอยกัน
แต่สาเหตุหลักที่ทำให้เลือกมาเที่ยวฮ่องกงในครั้งนี้เพราะเป็นสถานที่ที่เคยมากับครอบครัวเมื่อครั้งยังเยาว์วัย ถึงแม้ความทรงจำต่าง ๆ ยังรางเลือนมาก แต่อย่างน้อยเป็นที่ที่เคยมากับบิดา มารดา และอิงดาวทำให้มีความรู้สึกอบอุ่นใจที่ได้มาเยือนอีกครั้ง หลังจากเข้ามาด้านในเรียบร้อยแล้ว เธอหาที่นั่งในร้านกาแฟเพื่อฆ่าเวลา และอ่านหนังสือคู่มือท่องเที่ยวที่หยิบออกมาจากกระเป๋า พอเธอเดินมาขึ้นเครื่องคนส่วนใหญ่ขึ้นไปกันเกือบหมดแล้ว เหลืออยู่นิดหน่อยที่นั่งรอเพื่อนที่ทำธุระอยู่ในห้องน้ำ
“เอ่อ... ขอโทษนะคะ”
พราวฟ้าเอ่ยขึ้นหลังจากดูตัวเลขที่ตั๋วและตัวเลขที่นั่งบนเครื่องบินอีกครั้ง ตามทางที่แอร์โฮสเตสชี้ให้เดินมา
“ไม่ทราบว่าคุณนั่งผิดที่หรือเปล่าคะ”
พราวฟ้าถามคนที่นั่งติดหน้าต่างบนเครื่องบิน ขณะยืนเช็กจนแน่ใจแล้วว่าที่นั่งตรงนั้นน่าจะเป็นที่นั่งของตนเองมากกว่า แต่มีผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้ว เขากำลังนั่งอยู่เงยหน้าขึ้นมามองเธออย่างมึนงง
“แต่ไม่เป็นไรค่ะ คุณนั่งด้านในก็ได้ค่ะ เผื่อถ้าฉันจะลุกไปเข้าห้องน้ำ จะได้ไม่รบกวนคุณ”
พราวฟ้าสรุปในที่สุด เธอยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตร และนั่งลงที่ติดกัน หยิบหนังสือคู่มือท่องเที่ยวฮ่องกงขึ้นมาอ่านเพื่อเป็นการฆ่าเวลา
คิมหันต์ตกใจในครั้งแรกที่ผู้หญิงคนนี้มาทัก เขาเข้าใจว่าเป็นแฟนคลับทั่วไปที่จำตนเองได้ แต่หลังจากรู้ตัวว่าได้นั่งผิดที่เพราะความเผลอเรอของเขาเองที่ไม่ได้เช็กเลขที่นั่งให้ดีก่อน เพราะปกติเขามักจะเดินทางไปไหนกับกระเต็น และเธอจะให้เขานั่งด้านในติดหน้าต่างอยู่เสมอ ครั้งนี้พอได้เดินมาคนเดียว พอถึงที่นั่งเขาเลยไม่ได้ดูอย่างละเอียด และนั่งลงตามความ เคยชิน เขาพยายามที่จะพูดขอโทษออกไป และเปลี่ยนที่นั่งคืนเธอ แต่เขาพูดไม่ออก เพราะเธอไม่มีทีท่าจะสนใจเขาอีกหลังจากลงนั่งเรียบร้อยแล้ว และไม่รู้ว่าเพราะเขามัวแต่ตะลึงในความสวยกับดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนที่มีเสน่ห์นั้น แต่มีแววให้เห็นถึงความรู้สึกโศกเศร้าปนอยู่อย่างประหลาด พอมารู้สึกตัวอีกที ผู้หญิงคนนี้ได้นั่งลงตรงที่นั่งถัดไปเรียบร้อยแล้ว เขาจึงปล่อยให้ผ่านไปโดยที่ไม่ทำอะไร ส่วนหนึ่งเพราะไม่อยากแสดงตัวให้โดดเด่นในขณะที่คนอื่นนั่งกันหมดเรียบร้อยแล้ว ไม่อยากเป็นที่จดจำของใครมากนัก แต่ก็แปลกใจและสับสนอยู่นิดหน่อยว่า ผู้หญิงสวยที่นั่งด้านข้างอยู่ตอนนี้ไม่มีทีท่าจะรู้จักซูเปอร์สตาร์แถวหน้าอย่างเขาที่นั่งอยู่ติดกันกับเธอตอนนี้เลย หรืออาจจะเพราะเธอเป็นคนมีมารยาท และเคารพความเป็นส่วนตัวกันแน่ ถ้าเป็นแบบนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง เพราะปกติเขาจะเจอแต่สถานการณ์ที่แฟนคลับวิ่งเข้าใส่ พอเจอแบบนี้ทำให้เขารู้สึกดีไปอีกแบบ หรือคิดอีกทีพอใส่หมวกกับแว่นตามที่พี่กระเต็นแนะนำ ทำให้คนจำไม่ได้จริงหรือ?
ความคิดสับสนวนเวียนไปมาจนไม่เป็นอันทำอะไร และอาจจะเพราะไม่ได้พูดคำขอโทษออกไปจึงทำให้รู้สึกเหมือนมีอะไรติดค้างอยู่ทำให้เขาเผลอแอบมองคนที่นั่งข้าง ๆ อยู่ตลอดเวลา
นอกจากเธอเป็นผู้หญิงผิวขาว และสวยที่เรียกได้ว่าสวยมากแล้ว มีดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนรับกับขนตาที่ยาวและโค้งงอน เรียกได้ว่า เจ้าหญิงหลุดมาจากเทพนิยายเลยก็ว่าได้ หรืออาจจะเป็นนางแบบสังกัดไหนหรือเปล่าไม่แน่ใจ ซึ่งเธอนั่งนิ่งเหมือนรูปปั้น ไม่ได้นั่งอ่านหนังสือเหมือนตอนแรกแล้ว เธอนั่งเหม่อและทำหน้าเศร้าเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง ทำให้คิมหันต์รู้สึกอยากจะร้องไห้ตามไปด้วยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาอยากจะรู้ว่าอะไรทำให้ผู้หญิงคนนี้มีดวงตาสวยปนเศร้าแบบนั้น
เมื่อถึงสนามบินฮ่องกง เขาก็ไม่เห็นเธอแล้ว เพราะคิมหันต์เลือกที่จะลงเป็นคนท้าย ๆ ด้วยเพราะเขาไม่อยากให้ใครเห็นมากนัก การจะไปไหนมาไหนสำหรับคนแบบเขามีความเป็นส่วนตัวน้อยมาก ทุกคนพยายามจะเข้าหาเขาตลอดเวลา ไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ก็ตาม ยิ่งทำให้เขาไม่อยากออกไปไหนมากนัก จะไปเดินห้างหรือกินข้าวเหมือนคนปกติทั่วไปเรียกได้ว่าลำบากมาก ตอนแรกเขารู้สึกอึดอัดกับเรื่องพวกนี้ แต่เพราะเขาได้ทำงานที่ชอบจึงพยายามที่จะปรับตัวรับให้ได้กับการเป็นคนของประชาชน ซึ่งกระเต็นจะย้ำอยู่เสมอให้ทำใจ ความสำเร็จต้องแลกกับอะไรบางอย่าง ปกติเขาแทบจะไม่มีเพื่อนอยู่ที่ประเทศไทยเลย คนที่รู้จักส่วนใหญ่เป็นคนในวงการบันเทิงทั้งนั้น จะคุยกันเฉพาะตอนที่ทำงานร่วมกัน น้อยมากที่จะนัดไปเจอกันข้างนอก เพราะเขารู้สึกว่าแค่ตัวเขาไปไหนมาไหนคนเดียวยังลำบากขนาดนี้ ถ้ามีดาราดังคนอื่นไปด้วยยิ่งจะเป็นเป้าสายตามากยิ่งขึ้น เพราะสมัยนี้ไปกับผู้หญิงหรือผู้ชายก็เป็นข่าวได้ทั้งนั้น เขาจึงตัดปัญหาที่จะไม่ไปไหนเลยดีกว่า ถ้าจะไปเที่ยวจึงเลือกที่จะไปต่างประเทศคนเดียว หรือไม่ก็บินไปหาบิดามารดาบุญธรรมที่อเมริกาเลย ได้เจอทั้งพ่อแม่และเพื่อนที่นั่น แต่โอกาสที่จะหยุดงานไปอเมริกานาน ๆ แบบนั้นหาได้ยากสำหรับเขา หลัง ๆ ท่านเลยเดินทางมาหาเขาที่เมืองไทยเองมากกว่า