CHAPTER 7 พรหมลิขิต...จริงๆ
ระหว่างเดินทางมาโรงแรม คิมหันต์ไม่สามารถสลัดความคิดถึงผู้หญิงที่มีดวงตาสวยปนเศร้าคู่นั้นออกไปได้เลย ไม่รู้ว่าประทับใจในความสวยของผู้หญิงแปลกหน้าคนนี้หรืออย่างไร แต่ในเรื่องความสวย เขาเจอผู้หญิงสวยหลากหลายสไตล์มามากตั้งแต่เข้าวงการ แต่ยังไม่มีใครที่ทำให้เขารู้สึกประทับใจได้ขนาดนี้ หรือว่าส่วนหนึ่งมาจากดวงตาสวยปนเศร้าที่ทำให้คิมหันต์ไม่สามารถหาคำตอบได้ จึงทำให้เขายังมีเรื่องค้างคาใจอยู่ แต่ทำไมเขาถึงต้องรู้สึกแบบนั้น นั่นเป็นคำถามที่เขายังไม่เข้าใจตัวเองว่าเขาจะไปยุ่งเรื่องอะไรของเธอ เธอเป็นใครเขายังไม่รู้จักแม้แต่ชื่อ โอกาสที่จะเจอกันอีกยิ่งน้อยมาก แต่ที่มั่นใจได้อย่างหนึ่งที่เขาสามารถยืนยันกับตัวเองได้คือ การที่สวมแว่นตา กับใส่หมวกตามคำแนะนำของพี่กระเต็นไม่ได้ช่วยอะไรเขาได้เลย เพราะตั้งแต่เดินลงเครื่องที่สนามบินฮ่องกง มีคนมาทักเขาไม่ขาดสาย ไม่เว้นแม้กระทั่งแอร์โฮสเตสบนเครื่องบินเขาได้แต่ปฏิเสธไปว่าไม่ใช่ จำคนผิด และรีบเดินหนีไปให้ไว สรุปได้ว่าวิธีของพี่กระเต็นใช้งานไม่ได้อย่างยิ่ง!
อากาศที่ฮ่องกงในช่วงปลายเดือนเมษายน ค่อนข้างเย็นสบาย ประกอบกับมีลมพัดอย่างต่อเนื่อง ถ้าเทียบกับเมืองไทยถือว่าเป็นอากาศหนาวก็ว่าได้
พราวรุ้งดินทางมาถึงที่พักเช็กอินเข้าโรงแรมเรียบร้อยแล้ว เธอขึ้นลิฟต์และนำกระเป๋ามาเก็บในห้องพัก โรงแรมนี้คาดว่าน่าจะเป็นโรงแรม 4-5 ดาวเพราะขนาดห้องที่ค่อนข้างใหญ่ และการตกแต่งอย่างสวยหรู รวมถึงวิวที่สวยงามติดทะเลตรงอ่าววิกตอเรีย ทำให้รู้สึกได้ถึงน้ำใจของ อิงดาวที่จองให้ น้องสาวของเธอคงอยากให้เธอพักในห้องที่ดี บรรยากาศสวยๆ จะได้มาพักผ่อนอย่างสบายใจ
พราวฟ้าเปิดกระเป๋าเพื่อนำเสื้อผ้าเข้าตู้ให้เรียบร้อย จึงเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตาเพื่อสร้างความสดชื่นให้กับตัวเองเตรียมพร้อมสำหรับการท่องเที่ยวในวันแรก หลังจากทำธุระเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอได้โทรศัพท์แจ้งป้าณี และอิงดาวเพื่อไม่ให้ทั้งสองคนต้องเป็นห่วง หลังจากนั้นหยิบหนังสือคู่มือท่องเที่ยวออกมานั่งอ่านหน้าที่ได้คั่นไว้ ซึ่งเป็นสถานที่ที่อยากไป วันนี้เธอยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะไปที่ไหน ฮ่องกงถึงแม้ว่าจะเป็นเกาะขนาดเล็ก แต่สถานที่น่าสนใจให้ไปเที่ยวชมมีเยอะมาก
ยังไม่ทันได้ตัดสินใจเลือกอะไร เธอเริ่มรู้สึกหิวขึ้นมา เพราะตั้งแต่เช้ายังไม่ได้กินอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน จึงตัดสินใจหยิบเสื้อคลุมที่แขวนไว้ออกมา เพราะคาดว่าอากาศน่าจะเย็นลงอีก เธอหยิบกระเป๋าสะพายและไม่ลืมหนังสือคู่มือท่องเที่ยว เพื่อที่จะได้ลงไปเดินเล่นสำรวจบริเวณรอบ ๆ โรงแรมก่อน ดูวิวทิวทัศน์แถวนี้แล้วหาของอร่อยรองท้อง จะได้นึกไปด้วยว่าจะเริ่มไปเที่ยวที่ไหนเป็นอันดับแรก
คิมหันต์เดินออกจากลิฟต์ในโรงแรม สายตาไปปะทะกับบุคคลที่ คุ้นตาเดินผ่านหน้าไป ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงบนเครื่องบินจะพักโรงแรมนี้ด้วย ช่างเป็นเรื่องที่บังเอิญอย่างเหลือเชื่อ แต่เรื่องที่น่าแปลกกว่านั้นสำหรับเขาก็คือ ขณะนี้ตัวเขากำลังเดินตามผู้หญิงคนนั้นโดยไม่รู้ตัว ขาทั้งสองข้างเดินตามไปอย่างอัตโนมัติ เหมือนโดนมนตร์สะกด แต่พอมานึกดูแล้ว วันนี้เขายังไม่ได้มีแผนจะไปไหน
ไหน ๆ ก็เดินมาแล้วลองตามไปดูคงไม่เป็นไร อยากรู้เหมือนกันว่าเธอกำลังจะไปที่ไหน หรืออาจจะนัดใครไว้ที่นี่ก็ได้ เรื่องงาน? เพื่อน? หรือนัดคนรักไว้...
พอคิดมาถึงตรงนี้เขารู้สึกโหวง ๆ อย่างประหลาด น่าแปลกใจสำหรับความรู้สึกแบบนี้ จะไม่ให้แปลกได้อย่างไร คนรู้จักก็ไม่ใช่ แม้แต่ชื่ออะไรยังไม่รู้ แต่ยังไงก็ช่างเถอะ! ตอนนี้เดินตามมาแล้ว ถึงเวลาก็จะรู้เอง
คิมหันต์ เดินตามหญิงสาวมาเรื่อย ๆ ผ่านท่าเรือบริเวณริมอ่าววิกตอเรีย มาถึงถนนแห่งดวงดาว หรือที่รู้จักกันในนาม Avenue of Star ซึ่งเลียนแบบมาจากถนนคนดังของฮอลลีวูด โดยตลอดเส้นทางเดินเลียบอ่าวนั้น คิมหันต์เห็นหญิงสาวแวะถ่ายรูปตรงรอยประทับฝ่ามือดาราดังของฮ่องกงเป็นระยะ ความรู้สึกที่เห็นเธอถ่ายรูป และมีแววตาที่ตื่นเต้นตลอดเวลาเมื่อพบชื่อดาราดัง เขามองตามอย่างเพลิดเพลินทุกครั้งที่เห็นรอยยิ้มของเธอ ทำให้เขารู้สึกอิ่มเอมและมีความสุขไปด้วย
เพราะว่าเขามองตามผู้หญิงคนนี้ตลอดเวลา ทำให้รู้สึกได้ถึงความผิดปกติบางอย่างจากสายตาผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ และกำลังยื่นมือออกมาเพื่อทำอะไรบางอย่างกับเธอ
“เฮ้ย! ขโมย หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
คิมหันต์เผลอร้องออกมาอย่างตกใจ จนตกเป็นเป้าสายตาจากคนที่เดินผ่านไปผ่านมาแถวนั้น แต่ ณ ขณะนั้นเขาวิ่งตามชายคนนั้นไปอย่าง ไม่คิดชีวิต เผลอนึกไปว่าตนเองกำลังแสดงหนังหรือละครที่กำลังวิ่งไล่ตามคนร้ายอยู่ พลางตะโกนให้คนผ่านไปผ่านมาแถวนั้นช่วยกันจับคนร้ายให้ โดยลืมไปว่าไม่น่าจะมีใครฟังภาษาไทยออก
คนแถวนั้นได้แต่ยืนอึ้งไม่ต่างกัน ในขณะที่คิมหันต์กำลังถึงตัวคนร้าย และคว้าเสื้อคนร้ายได้ กระชากให้หยุดอย่างแรง ทำให้กระเป๋าที่ขโมยมาหล่นกระเด็นไป คนร้ายตกใจชะงักและรีบวิ่งหนีไปอีกทาง ทิ้งกระเป๋าที่ขโมยมาหล่นไว้ คิมหันต์ไม่มีทางเลือกจึงเดินไปหยิบกระเป๋าที่ตกไว้ และ จำใจต้องปล่อยคนร้ายไปโดยไม่สามารถทำอะไรได้
“คุณคะ เป็นอะไรไหมคะ?”
ผู้หญิงเจ้าของกระเป๋าตรงหน้ายืนหอบ เนื่องจากวิ่งตามเขามา เธอเอ่ยถามพร้อมกับมองหน้าเขาด้วยสายตาที่ตกใจและเป็นกังวลอย่างมาก
“คุณคะ บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าคะ?”
เสียงคำถามของเธอย้ำมาอีกครั้ง เพราะยังไม่ได้รับคำตอบใด ๆ จากปากคิมหันต์
เขามัวแต่อึ้งและรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ผู้หญิงคนนี้แสดงความเป็นห่วงเขาอย่างจริงใจ เมื่อได้เห็นเธอในระยะใกล้ชิดแบบนี้ ไม่น่าเชื่อว่าเขายังไม่เคยพบใครที่มีใบหน้าสวยหวาน และมีเสน่ห์น่าดึงดูดได้ขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่การทำงานแบบเขาได้ใกล้ชิดผู้หญิงสวยมาก็มาก แต่ไม่มีใครที่ทำให้เขาประทับใจได้เท่าเธอ โดยเฉพาะดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนที่กำลังจ้องมองมาที่เขา ยิ่งทำให้เขาไม่สามารถละสายตาไปที่อื่นได้เลย
“คุณเป็นคนไทย ใช่ไหมคะ?”
พราวฟ้าถามย้ำอีกครั้งเพราะเริ่มไม่แน่ใจ เนื่องจากเธอยังไม่ได้รับคำตอบใด ๆ จากคนตรงหน้าที่ช่วยวิ่งตามกระเป๋าให้ เธอรู้สึกคุ้นหน้าผู้ชายคนนี้ แต่นึกไม่ออกเพราะปกติเธอไม่ได้เจอผู้คนมากเท่าไรนัก เขาเป็นผู้ชายที่ตัวสูง หน้าตาและผิวพรรณดีจนผู้หญิงอย่างเธอรู้สึกอิจฉา รวมทั้งการแต่งตัวตามแฟชั่นที่เข้ากับบุคลิกได้เป็นอย่างดี ทำให้เขาเป็นผู้ชายที่ดูดีเป็นอย่างมาก
เธอไม่ได้รับคำตอบจากเขาถึงแม้ว่าได้ยินประโยคภาษาไทยเมื่อสักครู่ แต่เขาไม่ได้ตอบคำถามของเธอเลย จนเธอเริ่มลังเลว่าเขาอาจจะไม่ใช่คนไทยตามที่เธอเข้าใจ
“...ใช่ครับ ผมเป็นคนไทย”
พอเริ่มได้สติคิมหันต์รีบตอบคำถามของผู้หญิงตรงหน้า เธอยิ้มให้เขาอย่างโล่งอก หรือไม่ก็เป็นคำตอบที่ยืนยันความมั่นใจของเธอ แต่เขามั่นใจได้อย่างหนึ่งว่าเธอไม่รู้จักเขาเลยสักนิดเดียว ทำให้เขารู้สึกสูญเสียความมั่นใจไปบ้าง
“เราเดินทางมาพร้อมกัน ที่ผมนั่งผิดที่ไงครับ คุณจำได้ไหม?”
คิมหันต์พยายามรื้อฟื้นความทรงจำ เพราะผู้หญิงตรงหน้านอกจากจะไม่รู้จัก คิมหันต์ ดาราซูเปอร์สตาร์เมืองไทย แถมยังจำคนที่นั่งติดกันบนเครื่องไม่ได้อีก ท่าทางเขาจะไม่เป็นที่น่าจดจำสำหรับเธอเลยสักนิด คิดแล้วมันน่าโมโหจริง ๆ