CHAPTER 5 เริ่มต้นพรหมลิขิต
“อะไรกัน ผมไม่ยุ่งนี่ ตารางว่างตั้งหลายวัน ขอไปเที่ยวพักสมองหน่อยเถอะ ทำงานติดกันจนจะลืมหายใจอยู่แล้ว แล้วก็ไม่ต้องรับงานนะช่วงนี้ พวกงานแทรกงานด่วนแบบไม่บอกล่วงหน้า”
คิมหันต์รับรู้ได้ถึงน้ำเสียงไม่พอใจของผู้จัดการสาวที่พ่วงตำแหน่งลูกพี่ลูกน้องของเขาที่มักจะชอบเป็นจอมบงการ ถึงแม้เขาจะเข้าใจในความหวังดีที่มากเกินไป และชอบทำให้เขาเป็นน้องชายที่ไม่รู้จักโตตลอดเวลา ปกติเขาเดินทางไปต่างประเทศคนเดียวบ่อย ๆ มาตั้งแต่เด็ก จะไปเที่ยวพักผ่อนใกล้ ๆ แค่นี้ ต้องโวยวายทำไมไม่รู้
“กลับมาเลยนะ”
กระเต็นยังคงวางอำนาจไม่เปลี่ยนแปลง ถึงแม้เธอจะรู้ว่าคงจะเป็นเรื่องยากที่ให้เขายกเลิกแผนการหนีเที่ยวในครั้งนี้ นึกแล้วก็โมโหคุณนาย กรแก้วจริง ๆ ทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้ สงสัยนายคิมคงจะมาออดอ้อนเรียกคะแนนความสงสารตามเคย เพราะแม่เธอทั้งรักและหลงหลานชายคนนี้แทบจะเป็นแม่บุญธรรมอีกคนก็ว่าได้ แม่เธอเลยให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ และไม่ยอมบอกเธอจนป่านนี้
“ฝันไปเลย เข้ามาในสนามบินแล้ว”
นี่เป็นการแหกกฎอีกครั้งที่สำเร็จของคิมหันต์ โทษฐานที่กระเต็นใช้งานเขาหนักเป็นประจำ ไม่ยอมให้พักผ่อน ใช้งานเขายิ่งกว่าทาสดี ๆ นี่เอง
จะมีใครเข้าใจหัวอกซูเปอร์สตาร์อย่างเขาบ้าง ที่มีผู้จัดการบ้าอำนาจขนาดนี้ ตอนแรกที่แม่บุญธรรมของเขาขอให้มาเป็นผู้จัดการและช่วยดูแลเขา กระเต็นไม่ได้เต็มใจนัก เพราะเธออยากทำงานที่เธอเรียนมา ถ้าไม่ได้คุณน้ากรแก้วบังคับเธอคงจะไม่ยอม เพราะแม่ของเธอทั้งรักและเอ็นดูเขาไม่ต่างกับลูกชายคนโปรดที่เธอชอบค่อนแคะเป็นประจำ ช่วงแรกเธอทั้งโกรธและโมโหที่เขาทำให้เธอถูกบังคับ ทำให้เขารู้สึกสะใจเป็นอย่างมากตามประสาเด็กที่ชอบเอาแต่ใจตัวเอง แต่เขารู้สึกแบบนี้ได้ไม่นาน เพราะเมื่อเธอเริ่มปรับตัวได้ เธอใช้อำนาจที่เธอมีทั้งบังคับและขู่เข็ญให้เขาทำงาน มีทั้งงานตามแผน และงานเร่งด่วนที่เข้ามาแบบไม่เคยได้สอบถามความสมัครใจของเขาเลยสักนิดเรียกได้ว่าเป็นวิธีการเอาคืนของเธอที่ทำให้เขาต้อง ตกระกำลำบากจนถึงทุกวันนี้
“นายก็พรางตัวเอาหน่อยละกัน ใส่แว่น ใส่หมวก หาวิธีเอาเอง อย่าทำให้ต้องตกเป็นข่าวนะ ฉันไม่อยากวิ่งตามแก้ข่าวให้นาย”
ในเมื่อบังคับไม่ให้ไปไม่ได้ เธอเลยหาวิธีป้องกันเขาจากปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น ถึงแม้ปกติคิมหันต์จะไม่เคยมีข่าวเสียหายเข้ามาก็ตาม แต่กันไว้ก่อนแก้เป็นเรื่องที่ดีที่สุด
“อาทิตย์หน้ามีคิวถ่ายละคร อย่าลืมล่ะ รีบกลับมาด้วยแค่นี้นะ”
คิมหันต์ได้แต่อ้าปากค้างโดยที่ยังไม่ทันได้พูดอะไร เพราะผู้จัดการกิตติมศักดิ์ของเขาตัดสายสนทนาไปอย่างดื้อ ๆ พร้อมกับคำสั่งที่ตามมา ทำเหมือนเขาเป็นคนไม่มีความรับผิดชอบอย่างนั้น
“อะไรกันเนี่ย! แนะนำมาได้ ใส่ทั้งหมวกทั้งแว่น จะช่วยพรางตัวอะไรได้ ทำให้เป็นจุดเด่นกว่าเดิมล่ะไม่ว่า ผู้จัดการอะไรคิดได้แค่นี้ ในหัวมีแต่งานกับงานน่าเบื่อจริง ๆ “
คิมหันต์ได้แต่บ่นกับตัวเองอย่างหัวเสีย โดยไม่รู้จะหาที่ระบายออกเรื่องกระเต็นกับใคร
“คุณฟ้า ไม่ลืมอะไรนะคะ แล้วจะไปสนามบินยังไงคะ”
ป้าณีถามนายสาวด้วยความเป็นห่วง ขณะที่พราวฟ้าถือกระเป๋าเดินทางลงมาจากชั้นบน วันนี้พราวฟ้าแต่งตัวชุดที่ทันสมัย ใส่กระโปรงสั้นสีหวาน และกางเกงเลกกิ้งไว้ด้านใน เพิ่มความทะมัดทะแมงเหมาะสำหรับการเดินทาง แต่ยังคงดูสวยและอ่อนหวานตามสไตล์ของเธอ ไม่ว่าชุดอะไรที่พราวฟ้าหยิบมาใส่ต่อให้ธรรมดาแค่ไหน ทำให้เธอดูดีราวกับนางแบบที่ออกมาจากนิตยสาร ป้าณีรู้สึกชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง ป้าณีเห็นด้วยที่พราวฟ้าจะไปท่องเที่ยวพักผ่อนเพื่อความสบายใจ
แต่ถ้าสถานการณ์ที่ปกติกว่านี้ เธอคงจะไม่รู้สึกเป็นห่วงอะไรมากขนาดนี้ เพราะรู้ว่าพราวฟ้ากำลังมีเรื่องที่ไม่สบายใจอยู่ และสถานที่ที่เธอเลือกไป ยิ่งทำให้ป้าณีอดที่จะเป็นกังวลไม่ได้เพราะยังจำได้ว่าสมัยที่คุณท่านทั้งสองยังมีชีวิตอยู่ เคยพาฝาแฝดไปเที่ยวที่นี่มาก่อน ถ้าพราวฟ้าไปที่นี่ในสภาวะอารมณ์แบบนี้ เธอรู้สึกเป็นห่วงอย่างบอกไม่ถูก
“ฟ้าเช็กเรียบร้อยแล้วค่ะป้าณี ไม่น่าจะลืมอะไรนะคะ”
พราวฟ้ายิ้มตอบอย่างสดใส เธอรับรู้ถึงความห่วงใยจากใจจริงของ ผู้อาวุโสที่เปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่คนเดียวที่เหลืออยู่ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองทำแต่เรื่องให้ทุกคนพลอยไม่สบายใจไปด้วย ถ้าเธอเป็นผู้นำครอบครัว เธอคงเป็นผู้นำครอบครัวที่ล้มเหลว เพราะแทนที่เธอจะเป็นที่พึ่งพิงให้กับคนอื่นแต่เธอกลับทำให้ทุกคนต้องเป็นห่วง แม้กระทั่งใบบัว ปกติจะช่างเจรจาแต่พอเกิดเรื่องเมื่อวันก่อน เธอรู้สึกได้ว่าใบบัวพูดกับเธอน้อยลง อาจจะเป็นเพราะเป็นห่วงเธอ แต่แสดงออกไม่เป็นตามประสาเด็ก จึงต้องคอยระมัดระวังคำพูดมากกว่าปกติ
“อิงจะไปส่งฟ้าที่สนามบินค่ะ ป้าณีคะ ฟ้าฝากร้านด้วยนะคะ”
“คุณฟ้าไม่ต้องห่วงร้านนะคะ เที่ยวให้สนุกเถอะค่ะ ถึงแล้วโทรกลับมาบอกป้าด้วยนะคะ ป้าจะได้สบายใจ”
“ได้ค่ะ ใบบัวพี่ฝากร้านด้วยนะจ๊ะ แล้วพี่จะซื้อของมาฝาก” เธอรับคำป้าณี แล้วหันไปบอกใบบัวที่นั่งมองตาแป้วอยู่ตอนนี้
“ขอบคุณค่ะพี่ฟ้า ไม่ต้องเป็นห่วงร้านเลยค่ะ ใบบัวจะช่วยป้าณีเอง มีพี่อิงอยู่ด้วย ใบบัวไม่กล้าเกเรหรอกค่ะ”
พอพูดจบ ใบบัวหันไปทำหน้าตกใจเมื่อเห็นแฝดผู้น้องกำลังเดินลงบันไดมาจากชั้นบนพอดี
“อะไรกัน ใบบัว พี่รู้นะว่าพูดประชด งานง่าย ๆ แบบนี้ทำไมอิงจะทำไม่ได้เนอะป้าณี”
อิงดาวหันไปทางป้าณีเพื่อหาพวก แต่ทุกคนไม่มีใครกล้าตอบคำถาม หรือยืนยันคำพูดของเธอเลยสักคน
“เออ...ฟ้า อาทิตย์หน้าจะมีกองถ่ายมาขอใช้สถานที่ของที่ร้านถ่ายละครนะ มีให้ช่วยสอนทำเมนูขนมง่าย ๆ ด้วย ฟ้าติดอะไรไหม ทีมงานจะเข้ามาคุยรายละเอียดก่อนประมาณวันจันทร์ พอดีช่วงนั้นอิงจะต้องไปต่างจังหวัดด้วย ไม่ได้อยู่ช่วย”
อิงดาวพูดขณะกำลังถอยรถออกจากบ้านเพื่อไปส่งพราวฟ้าที่สนามบิน โชคดีที่อิงดาวรู้จักกับผู้จัดการดาราอยู่คนหนึ่ง และได้เจอกันโดยบังเอิญเมื่อวันก่อนทำให้นึกขึ้นได้ว่าพี่สาวของตนเปิดร้านแนวที่กำลังต้องการอยู่พอดี การทำงานในสายงานของเธอทำให้ได้พบปะผู้คนมากมาย เรียกได้ว่าใช้ประโยชน์ส่วนหนึ่งในการโพรโมตร้านไปด้วย ซึ่งโดยปกติมีรายการมาขอใช้สถานที่ถ่ายรายการอาหารเป็นส่วนใหญ่ แต่ถ่ายละครอย่างจริงจังเพิ่งจะมีครั้งนี้เป็นครั้งแรก
อย่างน้อยน่าจะช่วยให้พราวฟ้าเพลิดเพลินกับการเตรียมงานจะได้ไม่ต้องคิดฟุ้งซ่านกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง
“ได้สิ ไม่มีปัญหา เดี๋ยวฟ้าจัดการให้”
การที่มีกองถ่ายมาใช้สถานที่สำหรับถ่ายละคร พราวฟ้าถือว่าเป็นการช่วยโฆษณาร้านไปในตัว มีโอกาสทำให้ลูกค้าเพิ่มมากขึ้น ต้องขอบคุณอิงดาวในเรื่องนี้ สายงานที่อิงดาวทำอยู่ทำให้รู้จักคนกว้างขวาง เป็นอีกแรงสำหรับช่วยโฆษณาร้านไปได้ตามแต่โอกาสที่เหมาะสม
“ถึงแล้ว ขอบคุณมากนะอิง ขับรถกลับดี ๆ นะ ถ้าฟ้าถึงโรงแรมแล้วจะโทรหา”
วันนี้ถนนค่อนข้างโล่ง ทำให้มาถึงสนามบินได้เร็วกว่าที่คาดไว้ ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่พราวฟ้าเดินทางจากบ้านไปหลายวัน และที่สำคัญไปท่องเที่ยวคนเดียว หวังว่าคู่มือแนะนำท่องเที่ยวที่เธอได้ศึกษามาประมาณหนึ่ง คงไม่ทำให้เธอต้องเดินทางลำบากจนเกินไป