บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 เจ้าสาวของปัณณวิชญ์ 1.2

“นิสาไม่อยากแต่งงานค่ะ นิสาไม่แต่งไม่ได้เหรอคะคุณแม่ใหญ่”

เสียงร่ำไห้สะอึกสะอื้นถูกขับจากปากสาวของนิสามณี หลังจากรู้ว่าเธอต้องแต่งงานกับชายที่ไม่รู้จัก รู้เพียงว่าเป็นลูกคนรวย เป็นลูกหลานผู้ดีเก่า

“ไม่ได้!!” อภิรดีตวาดตอบเสียงดัง “แกต้องแต่งนังนิสา แกต้องแต่ง ถ้าแกไม่แต่งฉันจะไม่ให้คุณพี่ไปหาแม่แกที่บ้านหลังเล็ก ให้แม่แกครวญคร่ำร้องหาผัวคนอื่นให้ขาดใจตายไปเลย แล้วจะไล่แม่ของแกออกไปจากบ้านหลังนี้ ไปให้พ้นหน้าฉัน ไม่ให้แม่ของแกเจอหน้าคุณพี่อีกตลอดชีวิต ให้แม่ของแกหัวใจสลายเหมือนกับที่ฉันเป็นอยู่ทุกวันนี้ รับรองได้เลยว่าแม่แกจะต้องปวดใจแน่นอน เลือกเอาว่าแกจะให้แม่ของแกมีความสุข หรือจะให้ตัวแกเองมีความสุข”

ได้ฟังคำพูดประโยคนี้แล้ว คนที่รักและสงสารมารดาเป็นที่สุดถึงกับน้ำตาตกใน ยอมตกลงแต่งงานแต่โดยดี นิสามณีรักมารดามาก รักมากกว่าปริญญาผู้เป็นพ่อเสียอีก เนื่องจากดวงใจเสียสละเพื่อทุกคนมามากพอแล้ว เธอเป็นลูกก็ย่อมต้องตอบแทนการเสียสละในครั้งนี้ของนาง

“ค่ะ คุณแม่ใหญ่ นิสาจะแต่งงานกับคุณปัณณ์ค่ะ”

“ดี!!” อภิรดีกระแทกเสียงพูดอย่างสาสมใจ “แกเตรียมตัวย้ายก้นไปอยู่ในนรกขุมใหม่ได้เลย”

พูดจบก็สะบัดหน้าเดินออกไปจากบ้านพักคนรับใช้ทันที ปล่อยให้ลูกสาวคนที่สองของหม่อมหลวงปริญญาทรุดตัวนอนร้องไห้อยู่บนฟูกเก่าๆ ที่ใช้หลับนอนมาเกือบสิบปีตามลำพัง

แล้วรอคอยวันที่จะไปย่ำเยือนนรกแห่งใหม่...อย่างหวาดกลัว

รอยยิ้มของปัณณพัฒน์กระจายอยู่ทั่วใบหน้า ยามที่ได้เห็นลูกชายคนโตเป็นฝั่งเป็นฝา แล้วพอเหลือบตาไปมองดูสีหน้าของภรรยาที่เขารักสุดดวงใจเวลานี้ รอยยิ้มนั้นยิ่งเต็มไปด้วยความสุขมากยิ่งขึ้น เพราะนานมากแล้วที่เขาไม่เคยเห็นรอยยิ้มเฉิดฉายของภรรยาเช่นนี้

ปณีย์อรมองภาพนั้นทั้งน้ำตา ความดีใจ ปลื้มใจและยินดีแนบแน่นในช่องอก พองขยายใหญ่ดังลูกโป่งที่ถูกอัดลม การรอคอยของนางที่มีมามากกว่าสามสิบเก้าปีได้บรรลุถึงเป้าหมายนั้นแล้ว ต่อไปนี้นางจะไม่ต้องทนถูกแม่สามีดูหมิ่น เหยียดหยาม และพูดถึงครอบครัวอีกต่อไป อีกทั้งยังจะได้แหวนประจำตระกูล รวมทั้งได้จดทะเบียนสมรสกับ ปัณณพัฒน์สามีสุดที่รักอีกด้วย ไม่แปลกที่วันนี้ความสุขจะเอิบอิ่มอยู่ในหัวใจของปณีย์อร

ท่านผู้หญิงเอี่ยมลออมองภาพหลานชายกับหลานสะใภ้อย่างวิเคราะห์ ภาพของทั้งคู่ในอีกมุมหนึ่งของนางกลับพบว่า ทั้งสองไม่มีจิตใจเสน่หาต่อกัน แล้วแวบหนึ่งนางก็เห็นแววตาของอภิรดีที่มองมายังใบหน้าของนิสามณี มันเป็นแววตาที่ไม่ได้สื่อถึงความรักที่แม่มีต่อลูก แต่กลับคุกรุ่นไปด้วยความร้อนบางอย่างที่จ้องจะเผาผลาญร่างของคนที่ถูกมอง การที่นางผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก เอี่ยมลออจึงคิดว่าน่าจะมีอะไรมากกว่าที่เห็น

“เอาล่ะค่ะ พิธีหมั้นหมายก็เสร็จแล้ว ต่อไปก็เป็นการจดทะเบียนสมรสนะคะ คุณปัณณ์ ลูกนิสาไปจดทะเบียนสมรสที่โต๊ะสิลูก”

อภิรดีเจ้ากี้เจ้าการเอ่ยบอกคู่บ่าวสาว ทั้งสองจึงลุกเดินไปยังโต๊ะทำงานที่จัดเตรียมไว้ใกล้ๆ ห้องรับแขก โดยมีเจ้าหน้าที่เขตวัยกลางคนนั่งรออยู่ก่อนหน้า

“เซ็นตามชื่อนามสกุลที่เขียนไว้นะครับ” เจ้าหน้าที่คนเดิมเอ่ยบอกเจ้าบ่าวเจ้าสาว พร้อมกับชี้ไปยังจุดที่ทั้งสองต้องเซ็น

ปัณณวิชญ์มองกระดาษตรงหน้านิ่ง มือใหญ่เอื้อมไปหยิบปากกามาไว้ในมือ จิ้มปลายปากกาตรงจุดที่เขาต้องเซ็นชื่อกำกับแล้วค้างอยู่อย่างนั้น และกำลังคิดในใจว่า กระดาษแผ่นนี้เป็นเสมือนเชือกแห่งอิสรภาพที่จะรัดร่างเขาไว้ ไม่ให้ทำอะไรหลาย ๆ อย่างได้เหมือนก่อน ไม่ว่าจะเป็นเปลี่ยนนารีเป็นว่าเล่น กินเที่ยวดื่มได้อย่างเสรี ใช้ชีวิตโสดได้อย่างสนุกสุดเหวี่ยง ถ้าหากเขาเซ็นชื่อกำกับลงไป สิ่งเหล่านั้นเขาจะยังใช้ชีวิตได้เหมือนเดิมหรือไม่

เขาเองก็ยังไม่แน่ใจ...ความรู้สึกลึกๆ มันบอกซ้ำๆ

“เซ็นสิลูกจะได้เสร็จสิ้นพิธี”

เสียงของปณีย์อรที่ยืนลุ้นระทึก หากลูกชายไม่เซ็นชื่อกำกับลงไป นั่นเท่ากับว่าข้อตกลงของนางกับแม่สามีจะไม่เป็นผลสัมฤทธิ์

นั่นสิ เซ็นๆ ไปจะได้จบ สิ้นเรื่องสิ้นราว แล้วก็ไม่มีใครมาหยุดพฤติกรรมของเขาได้ด้วย แม้ว่าคนคนนั้นจะขึ้นชื่อว่าภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายก็ตาม

ใช่...ไม่มีใครหยุดเขาได้

คิดได้ดังนั้นปลายปากกาจึงลากไปตามมือใหญ่ที่วาดลายเส้นกำกับชื่อ ปณีย์อรเห็นแล้วหน้าบานเท่ากระด้ง ส่วนอภิรดียิ้มอย่างพึงพอใจ

“ลูกนิสาเซ็นชื่อสิลูก”

อภิรดีเร่งลูกสาวนอกไส้ นิสามณีจึงจรดปากกาเซ็นชื่อกำกับทันควัน เพราะหวาดกลัวสายตาของอภิรดีที่ส่งแววตาดุๆ มาให้

“เอาล่ะค่ะ เสร็จสิ้นการแต่งงานที่เรียบง่ายเสียที ได้เวลาไปรับประทานอาหารเลี้ยงฉลองการแต่งงานแล้วนะคะ”

คุณหญิงอภิรดีประกาศก้อง หลังจากที่การจดทะเบียนสมรสเสร็จสิ้น รอยยิ้มสาสมใจผุดพรายเต็มใบหน้า

“ใครบอกว่าเสร็จ ยังมีอีกหนึ่งเรื่องที่ยังไม่ได้ทำ” เสียงที่ดังขึ้นทำให้บุคคลทั้งหลายที่อยู่ในห้องนั้นต่างงงงัน

“เรื่องอะไรครับคุณแม่?” ปัณณพัฒน์เป็นตัวแทนถามคำถามที่ทุกคนต้องการรู้

“เจ้าหน้าที่ทำตามที่ฉันบอกได้เลยค่ะ”

เอี่ยมลออไม่ตอบคำถามลูกชาย แต่กลับหันไปพูดกับเจ้าหน้าที่อำเภอที่พยักหน้ารับคำ ก่อนจะนำเอกสารอีกสองฉบับออกมาจากกระเป๋าหนังเอกสารสีดำ จากนั้นจึงยื่นเอกสารทั้งสองฉบับนั้นตรงหน้านิสามณีเจ้าสาวของงาน

“ใบสำคัญการหย่า”

นิสามณีอ่านหัวข้อเรื่องของเอกสารที่วางอยู่ตรงหน้า ลดสายตาต่ำลงอ่านชื่อและนามสกุลของเธอและสามีป้ายแดงที่กำกับไว้ในใบหย่าด้วยความไม่เข้าใจ จดทะเบียนสมรสเสร็จหมาดๆ หมึกยังไม่ทันแห้งจะให้เซ็นใบหย่าเลยอย่างนั้นหรือ เกิดอะไรขึ้น มันเกิดอะไรขึ้น

“อะไรกันครับคุณแม่ คุณแม่กำลังทำอะไรครับ?” ปัณณพัฒน์เอ่ยถามมารดา เมื่อก้มมองดูเอกสารที่เจ้าหน้าที่เขตยื่นมาตรงหน้าลูกสะใภ้คนสวย

“ก็ใบหย่าไง อ่านไม่ออกหรือ” เอี่ยมลออเชิดหน้าพูด ใบหน้ามีรอยยิ้มบางๆ ขณะที่ปรายตามองดูใบหย่า

“ผมเห็นแล้วครับ แต่ไม่เข้าใจว่าคุณแม่ทำอย่างนี้ทำไม?”

ผู้เป็นลูกถามมารดาอีกครั้ง เนื่องจากเวลานี้ใบหน้าของแต่ละคนล้วนแล้วแต่มีเครื่องหมายคำถามตัวใหญ่ ติดค้างบนใบหน้าทุกคน

“ก็เซ็นเผื่อไว้ไงล่ะ เผื่อว่าวันหนึ่งวันใดปัณณ์อยากจะหย่าขึ้นมา จะได้ไม่มีปัญหา ทะเบียนหย่ามีชื่อกำกับไว้พร้อมสรรพแล้ว ซึ่งแม่จะเป็นคนเก็บเอาไว้เอง ให้หนูนิสาเซ็นชื่อลงไปในแบบฟอร์มคำร้องคนเดียวก็พอ ถ้าเผื่อวันข้างหน้าปัณณ์เจอผู้หญิงที่ดีกว่า และเต็มใจแต่งงานด้วยมากกว่า ถึงเวลานั้นแม่จะได้ให้ปัณณ์เซ็นช่องว่างในแบบฟอร์มขอหย่า แล้วนำใบหย่าไปกำกับวันเดือนปีที่สำนักเขต แค่นี้ใบหย่าที่วางอยู่บนโต๊ะตัวนี้ก็จะถูกต้องตามกฎหมายทันที โดยไม่มีเรื่องยุ่งยากตามมายังไงล่ะ ที่แม่ทำเพราะกันความยุ่งยากให้หลานรักของแม่ยังไงล่ะ เพราะแม่รู้ว่าปัณณ์ไม่เต็มใจแต่งงาน”

ก่อนถึงวันแต่งงานหนึ่งวัน เอี่ยมลออได้สืบจนรู้แน่ชัดว่า อภิรดีจ้างวานเจ้าหน้าที่จากที่ว่าการอำเภอมาอำนวยความสะดวกในการจดทะเบียนสมรสนอกสถานที่ นางจึงส่งเลขาส่วนตัวไปหาเจ้าหน้าที่คนนั้น บอกความจำนงที่เป็นลายลักษณ์อักษรไปให้ ซึ่งเจ้าหน้าที่รายนั้นก็พร้อมจะปฏิบัติตาม แม้ว่าจะรู้สึกงงงันกับเรื่องที่เอี่ยมลออให้ทำก็ตาม

สาเหตุที่นางทำเช่นนั้นเป็นเพราะว่า นางรู้ดีว่างานวิวาห์ในวันนี้ปัณณวิชญ์ไม่เต็มใจ หากเต็มใจคงจะจัดงานแต่งงานแบบยิ่งใหญ่ เปิดเผยให้เพื่อนๆ และสังคมในระดับเดียวกันได้รับรู้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel