3
เช้าวันต่อมาเสิ่นหวานพาหรงหว่านเซียนเดินทางออกจากเผ่าหูแต่เช้า ในใจของนางอาลัยท่านยายยิ่งนัก ในรถม้าสองสามีภรรยามิได้เอ่ยปากสนทนากันแม้แต่น้อย เมื่อคืนหรงหว่านเซียนยังสงสัย ว่าเฟยเอ๋อร์เป็นผู้ใดกันแน่ เหตุใดสามีของนางถึงได้ละเมอเยี่ยงนี้
“ท่านพี่ เมื่อคืนท่านเมาหนักมาก แล้วเรียกชื่อ เฟยเอ๋อร์ขึ้นมา” หรงหว่านเซียนตัดสินใจถามเขา ดีกว่านางต้องมากังวลแล้วเก็บมาคิด
เสิ่นหวายมองนางด้วยแววตาที่เย็นชาประดุจน้ำเย็นในทะสาบ
“ไปถึงเจ้าจะรู้เอง”
นางถึงกับนิ่งเงียบในคำตอบที่แสนจะเย็นชาของเขา เวลาผ่านไปสามวัน เสิ่นหวายก็พานางมาถึงแคว้นต้าเยีย เมืองหลวงต้าเยีย นางเปิดม่านดู ประตูเมืองสีแดงที่ใหญ่โตเปิดออก ให้รถม้าของท่านแม่ทัพเข้าไปในเมือง
ชาวเมืองแต่งกายอย่างสะอาดสะอ้าน สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้ามากมาย เมืองหลวงช่างใหญ่โตเหลือเกิน เห็นทีเมื่อถึงจวนนางจะต้องขออนุญาตสามีออกมาเดินเล่นเสียแล้ว
“ข้าจะไปส่งเจ้าที่จวน”
“ท่านพี่จะไปไหนเจ้าคะ”
เสิ่นหวายปรายตามองสตรีที่สอดรู้ไปเสียทุกเรื่อง เขาจะไปไหนต้องรายงานนางด้วยรึ หรงหว่านเซียนเห็นสายตาเย็นของเขา นางพลันหลุบตาลงต่ำทันที คิดว่ามิน่าไปถามเขาเลย
“วังหลวง”
“เจ้าค่ะ”
จวนสกุลเสิ่น
รถม้าหยุดที่หน้าจวนสกุลเสิ่น หรงหว่านเซียนพลันลงจากรถม้า บ่าวรับใช้ ที่หน้าจวนลงมาต้อนรับนาง ดูเหมือนว่าบ่าวรับใช้หญิงจะมีมารยาทกับนางมาก
“คารวะอนุหรง” สาวใช้มีอายุเอ่ยคำนี้ หรงหว่านเซียนแทบจะหน้าชาก็ว่าได้ สาวใช้เรียกนางว่าอนุหรงอย่างนั้นรึ นางมิได้เป็นฮูหยินของเขา เพียงแต่นางเป็นอนุของเขา
“เชิญท่านไปพำนักในจวนเจ้าค่ะ” สาวใช้ผายมือเชื้อเชิญนางให้เข้าประตูใหญ่ แต่ทว่ามีสาวใช้นางหนึ่งเอ่ยขึ้นมาว่า
“ท่านเป็นเพียงอนุ ควรจะใช้ประตูเล็ก หาใช่จะเดินเข้าประตูใหญ่ มีเพียงฮูหยินใหญ่เท่านั้นถึงจะเข้าได้”
หรงหว่านเซียนปรายตามองสาวใช้นางนั้นทันที ฮูหยินใหญ่อย่างนั้นรึ เขาแต่งงานไปแล้ว แสดงว่าความฝัน ของนางเป็นความจริง
“เสี่ยวลิ่ว เจ้าเป็นแค่สาวใช้ของฮูหยินใหญ่ อย่ามาเพ่นพ่านอยู่แถวนี้” มัวมัวพลันเอ่ยขึ้น
“มัวมัว ข้าได้รับคำสั่งจากฮูหยินใหญ่ ให้มาบอกอนุหรงว่าให้เข้าประตูเล็กเท่านั้นเอง” เสี่ยวลิ่วทำหน้าตากวนเท้ายิ่งนัก
“แต่ฮูหยินผู้เฒ่าสั่งว่าให้อนุหรง เข้าประตูใหญ่ได้” สาวใช้ทั้งสอง ต่างเป็นสาวใช้คนโปรดของนายใหญ่ทั้งนั้น คนหนึ่งคือฮูหยินผู้เฒ่าเสิ่น คนหนึ่งคือฮูหยินใหญ่
หรงหว่านเซียนเพิ่งมาจวนเสิ่นครั้งแรกพลันปวดศีรษะและรับศึกหนักเสียแล้ว
“เอาล่ะ พวกเจ้าไม่ต้องเถียงกัน ข้าจะเดินเข้าประตูเล็กเอง ในเมื่อข้าเป็นอนุ ข้าย่อมรู้สถานะตัวเองดี” หรงหว่านเซียนเอ่ยเยี่ยงนี้ เสี่ยวลิ่วพอใจยิ่งนัก แต่ทว่ามัวมัวไม่พอใจเอาเสียเลย
สุดท้ายนางเดินเข้าประตูเล็ก มัวมัวจำใจเดินตามหลังนาง
“อนุหรง เชิญท่านไปหา ฮูหยินผู้เฒ่าเสิ่น ที่เรือนใหญ่เจ้าค่ะ”
“เจ้าพาข้าไปเถอะ” นางเองก็อยากจะพบแม่สามีอยู่แล้ว
ภายในห้องโถงของเรือนใหญ่ ฮูหยินผู้เฒ่าเสิ่นนั่งที่เก้าอี้จันทร์หอมสลักอย่างดี ตั้งหน้าตั้งตารอ อนุหรงหรือหรงหว่านเซียน เมื่อสองปีก่อนบุตรชายของนางหรือเสิ่นหวายได้เล่าให้ฟังว่า ในช่วงสงครามต่างแคว้นในตอนนั้น เสิ่นหวายได้รับบาดเจ็บ มีแม่นางน้อยคนหนึ่งได้ช่วยเหลือเขาไว้ เขาสัญญาว่าจะรับมานางเป็นฮูหยิน แต่ทว่า สามเดือนก่อนก็ผิดคลาดไป เพราะวันคล้ายวันเกิดของ จวิ้นอ๋อง หรือบิดาของท่านหญิงเยียฟาง ในตอนนั้นบุตรชายของนางพลันเมามากเกิด ทำข้าวสารกลายเป็นข้าวสุข
เช้าวันต่อมาเสิ่นหวายจำต้องจัดขบวนไปสู่ขอท่านหญิงเยียฟาง เรื่องนี้ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่ารับมิได้เป็นอันมาก ทั้งที่บุตรชายบอกว่าอีกไม่กี่เดือนจะไปสู่ขอสตรีนางหนึ่งที่เผ่าหู หลังจากที่บุตรชายแต่งงานกับท่านหญิงเยียฟาง บุตรชายของนางก็พลันเปลี่ยนไปราวกับคนละคน
สตรีนางหนึ่งสาวเท้าเดินตามหลังมัวมัวเข้ามาในห้องโถงใหญ่ ฮูหยินผู้เฒ่าทอดสายตามองร่างงามในอาภรณ์สีฟ้าลายดอกอวี้หลัน ดวงหน้าจิ้มลิ้มแพรวพราว รับกับดวงตาหงส์คู่งาม ยิ่งมองยิ่งเสน่หาเสียจริง
“คารวะ ฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าค่ะ” หรงหว่านเซียนเอ่ยอย่างอ่อนน้อม
“มานั่งข้าง ๆ ข้า” ฮูหยินผู้เฒ่าดูเหมือนจะเอ็นดูนาง
“เจ้าค่ะ”
“เซียนเอ๋อร์ หวังว่าเจ้าคงจะไม่โกรธ ท่านแม่ทัพกระมัง ที่แต่งเจ้าเป็นอนุ ข้าได้ยินมาว่าเขาจะแต่งเจ้าเป็นฮูหยิน แต่ทว่าสามเดือนก่อน ได้เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น ทำให้เขาต้องแต่งงานกับท่านหญิงเยียฟาง ธิดาของจวิ้นอ๋อง หวังว่าเจ้าไม่โกรธกระมัง”
นางได้ฟังฮูหยินผู้เฒ่าเล่าความจริง นางก็พลันโกรธาไม่ลง มิน่าเล่า
“อนุอย่างข้า ไม่มีสิทธิ์ไปโกรธ ท่านพี่หรอกเจ้าค่ะ ฮูหยินผู้เฒ่า”
“เซียนเอ๋อร์ อย่าเรียกฮูหยินเฒ่าเลย เรียกท่านแม่ดีกว่า” ฮูหยินผู้เฒ่าพลันเอ่ยขึ้น หันไปมองทางมัวมัว สั่งให้มัวมัวหยิบถาดสมบัติมา
“เจ้าค่ะท่านแม่” หรงหว่านเซียนพลันอบอุ่นในหัวใจ อย่างน้อยแม่สามีก็ดีต่อนาง ไม่นานนักถาดสมบัติสีแดงหนึ่งถาดวางบนโต๊ะ อัญมณี สร้อยมุข กำไลทำจากหยกชั้นดี ปิ่นมรกต วางในถาดอย่างงดงาม นี่อย่าบอกนะว่าแม่สามีจะให้นาง
“เลือกเอาสักอย่างสิ ข้าให้เจ้าถือว่าเป็นการรับเจ้าเข้ามาในจวนเสิ่น”
“ข้าเลือกสร้อยมุขเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าหยิบให้นาง ถือว่านางตาถึงใช้ได้สร้องมุขนี้ ได้จากทะเลตงไห่ทางใต้ ถือว่าเป็นของ หายากพอสมควร
“ขอบคุณท่านแม่เจ้าค่ะ” หรงหว่านเซียนพูดคุยสัพเพเหระกับฮูหยินผู้เฒ่าได้ไม่นาน มัวมัวก็พานางไปพำนักที่เรือนกิ่งไผ่ ฮูหยินผู้เฒ่านึกเอ็นดูนางยิ่งนัก
วังหลวง
ห้องทรงพระอักษร ฮ่องเต้ทรงพอพระทัยมากที่เสิ่นหวายแต่งงานกับธิดาเทพประจำชนเผ่าหู ได้สำเร็จ เมืองต้าเยียไม่มีฝนตกมาหลายเดือน อีกไม่กี่วันข้างหน้า เยียหนานจะทรงจัดพิธีบูชาฟ้าฝน โดยการให้หรงหว่านเซียนรำขอฝนกลางลานหลวงในวัง ครั้งก่อนรัชทายาทกับองค์ชายสามจุดธูปขอพรไม่สำเร็จ จึงทำให้เยียหนานทรงกังวลนัก ว่าชาวเมืองต้าเยียจะประสบภัยแล้ง
“เจ้าไปพักผ่อนได้”
“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมขอตัว” เสิ่นหวายพลันถอยหลังออกไปจากห้องทรงอักษร ในใจของเขาคะนึงหาเยียฟางจะแย่อยู่แล้ว พลันอยากจะกอดนางเหลือเกิน หลายวันมานี้ เขาคิดถึงนางใจแทบขาดอยู่แล้ว
จวนสกุลเสิ่นเรือนอวี้หลัน
“นังสารเลว มาถึงก็เสนอไปหานังแก่นั่น เป็นแค่อนุ” ความที่ว่าหรงหว่านเซียนได้สร้อยมุขได้ยินไปถึงหู ท่านหญิงเยียฟาง ทำให้นางบันดานโทสะไม่น้อย ตอนที่นางแต่งเข้ามาในจวน นางไปเยี่ยมฮูหยินผู้เฒ่าแล้วขอสร้อยมุข นังแก่ไม่ยอมให้นาง แต่ทว่านังอนุชั้นต่ำเข้ามา กลับประเคนให้มัน
กาน้ำชาโยนลงพื้น แตกเป็นเสี่ยง ๆ ทำให้สาวใช้เป็นห่วงท่านหญิงเหลือเกิน
“ท่านหญิง ตอนนี้ ท่านเป็นฮูหยินใหญ่แล้ว จะกังวลไปใยเจ้าคะ เราค่อยหาวิธีแกล้งมันก็ได้” เสี่ยวลิ่วเป็นคนออกความคิดชั่วร้ายนี้
“ความคิดไม่เลว” ดวงหน้างามเผยอยิ้มขึ้นเล็กน้อย
“บ่าวมีวิธีเจ้าค่ะ”
“ว่ามา” เสี่ยวลิ่วมองซ้ายขวาแล้วกระซิบเจ้านาย ดวงหน้างามของเยียฟางปรากฏรอยยิ้มชั่วร้ายขึ้นมา สาวใช้เสี่ยวลิ่วฉลาดเหลือเกิน
“น้องหญิง” เสียงนี้ดังขึ้นพร้อมกับเรือนร่างสูงสาวเท้าเข้ามาหานาง
“ท่านพี่” เยียฟางสั่งโบกมือเป็นเชิงให้สาวใช้ออกไป
“ข้าคิดถึงเจ้ายิ่งนัก” ชายหนุ่มไม่พูดเปล่า เขาทั้งหอมซอกคอของนาง
“ข้าก็คิดถึงท่านพี่เจ้าค่ะ”
เรือนกิ่งไผ่เวลานี้ หรงหว่านเซียนนั่งที่เตียงยาว สายตากวาดมองไปโดยรอบพบว่า เรือนนี้มีของล้ำค่ามาก อาทิแจกัน ภาพวาดโบราณ ฮูหยินผู้เฒ่าช่างเอาใจนางเหลือเกิน
“อนุหรงนอนได้แล้วเจ้าค่ะ” เสี่ยวเฟิง สาวใช้ที่ฮูหยินผู้เฒ่าส่งมารับใช้หรงหว่านเซียนได้บอกเจ้านายของนางให้เข้านอน
“ข้าจะรอท่านแม่ทัพ” นางอยากจะนอนกอดเขา
เสี่ยวเฟิงนึกสงสารเจ้านายเสียจริง ท่านแม่ทัพโปรดฮูหยินใหญ่เสียอะไรดี จะมาหาอนุหรงได้อย่างไร
สาวใช้เสี่ยวลิ่วพลันสาวเท้าเข้ามาที่เรือนกิ่งไผ่
“อนุหรง คืนนี้ท่านแม่ทัพจะนอนเรือนอวี้หลัน ท่านไม่ต้องรอ อีกอย่างพรุ่งนี้เช้า อนุหรงไปคารวะน้ำชาฮูหยินใหญ่ด้วยเจ้าค่ะ” เสี่ยวลิ่วสาวใช้โอหังหนุมกายออกไปโดยไม่เคารพหรงหว่านเซียนเลยแม้แต่น้อย ได้ยินดังนี้ หัวใจของนางก็แตกสลายแล้ว
ในใจของเสิ่นหวายไม่มีนางเลยแม้แต่น้อย เจ็บปวดราวกับมีดกรีดกลางใจ แล้วเขาจะแต่งนางมาเป็นอนุทำไม
“อนุหรงเป็นอะไรหรือไม่เจ้าคะ” เสี่ยวเฟิงเห็นท่าอนุหรงคงจะหมดแรงเป็นแน่แท้ เมื่อได้ยินคำพูดเยี่ยงนี้
“ข้าจะนอนแล้ว รบกวนเจ้าดับไฟให้ด้วย” นางสาวเท้าไปที่เตียง นอนลงทั้งน้ำตา นางจะอดทนเพื่อให้เขากลับมารักนางเล็กน้อยก็ยังดี ในเรือนกิ่งไผ่มีแต่ความมืดมิดและเสียงร่ำไห้ แต่ทว่าเรือนอวี้หลันเต็มไปด้วยเปลวเพลิงเสน่หาของ
หนึ่งบุรุษ
หนึ่งสตรี
เริงรักอย่างบ้าคลั่ง
ตับ ตับ ตับ ตับ
“อ้า ท่านพี่ ข้าไม่ไหวแล้ว” เรียวปากงามของเยียฟางเรียกเสิ่นหวายที่ขยับบนเรือนร่างของนาง แท่งหยกสีแดงของเขา แทงที่กลีบร่องงามอย่างช้า ๆ เยียฟางยอมรับว่าของเขาทั้งใหญ่และยาวทำให้หลงในตัวบุรุษผู้นี้
“น้องหญิง”
เสิ่นหวายยังคงหอมที่ซอกคออย่างหลงใหล ยิ่งกลิ่นกายของนาง ยิ่งทำให้เขาไม่อาจละดวงหน้าออกจากลำคอที่เนียนงามได้เลยแม้แต่น้อย เขายอมรับว่าไม่เคยหลงใครมากขนาดนี้มาก่อน มืองามสัมผัสที่ศีรษะเขาอย่างแผ่วเบา ดวงหน้างามเผยอยิ้มขึ้น เรื่องนี้ต้องขอบพระคุณบิดา และท่านอาจารย์เซี่ยที่ทำให้นางประสบความสำเร็จ น้ำปรุงมนตร์ดำใกล้จะหมดแล้วเห็นทีนางต้องเดินทางไปวัดฝูที่นั้นเสียหน่อย
แท่งหยกแทงร่องรักจนเป็นรอยแดง นางครวญครางลั่นห้อง ช่างมีความสุขเหลือเกิน นังอนุชั้นต่ำมีดีแค่ขอฝนได้ จะมาทำให้ท่านแม่ทัพหลงใหลได้อย่างไร เมื่อไรที่นังอนุขอฝนสำเร็จ นางจะกำจัดมันทันที