2
บนโต๊ะม้าหินอ่อน ใต้ต้นอวี้หลันสองยายหลานพลันนั่งอยู่ ความฝันเมื่อคืนทำให้หรงหว่านเซียนพลันคิดหนัก ต้องให้ยายเฒ่าเอากระดูกเสือมาทำนายให้ หลังจากที่นางเล่าความฝันให้ท่านยายฟัง
“เอาล่ะ เจ้าหยิบกระดูกในไหมาหนึ่งชิ้น” ไหปั้นดินเผาขนาดไม่ใหญ่มาก หรงว่านเซียนล้วงเข้าไปในไห แล้วแบมือออกมาพบว่าเป็นกระดูกสีดำ
“เซียนเอ๋อร์ เจ้าได้กระดูกสีดำ” หรงหว่านเซียนมองกระดูกเสือสีดำ ใช่ว่านางจะไม่รู้ความหมายของมัน ทุกครั้งที่ท่านยายทำนายดวงชะตาของคนอื่น คนที่หยิบได้กระดูกสีดำ นั้นมักจะไม่สมปรารถนา หรือเรื่องที่คิดอาจจะเป็นเรื่องจริง ความฝันของนางเป็นจริง เสิ่นหวายมีสตรีนางอื่นแล้ว คิดได้กระนั้นดวงหน้างาม พลันเศร้าหมองขึ้นมาทันที
คนเป็นยายนึกเป็นห่วงหลานสาวขึ้นมาทันที ถ้าบุรุษผู้นั้นมีสตรีนางอื่นขึ้นมาจริง ๆ แล้วหลานสาวของนางเล่าจะเป็นเช่นไร
“คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง มันแค่ความฝัน” เมื่อเห็นสีหน้าหลานสาวแล้วจึงได้แต่พูดปลอบใจ
“ท่านยาย มันต้องเป็นจริงแน่ๆ”
“เซียนเอ๋อร์ อย่าร้องไห้ ถึงคำทำนายจะออกมาเป็นกระดูกสีดำ เจ้าต้องมีสติ อย่าเอาแต่ร้องไห้ เข้าใจหรือไม่”
หรงหว่านเซียนพลันหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตา
“ข้าจะเชื่อท่านยาย”
“บุรุษมีสี่อนุสามภรรยาเป็นเรื่องปกติ เขาจะมีเจ้าแค่คนเดียวมันเป็นไปมิได้ ถ้าเจ้ารักเขา เจ้าต้องอดทน”
“เจ้าค่ะ ข้าเข้าใจแล้ว” นางลืมไปได้ยังไง เขาเป็นท่านแม่ทัพแห่งแว่นแคว้นนี่นา ถ้าเขาจะมีสตรีอื่นก็ไม่แปลก กระนั้นนางจะต้องใจกว้างดั่งมหาสมุทรในทะเล
ในระหว่างที่สองยายหลานคุยกันอยู่นั้น ได้มีขบวนทหารม้ามาหยุดที่หน้าเรือน หรงหว่านเซียนหันไปมอง ดวงตาหงส์เบิกกว้างขึ้นแทบจะถลนออกมาจากเบ้าตาก็ว่าได้
เป็นเขา เสิ่นหวาย
บุรุษรูปร่างสูงใหญ่ในชุดเกราะสีน้ำเงิน ดวงหน้าหล่อเหลาราวกับเทพเซียน นานแล้วที่นางมิได้เจอเขา นี่เขากลับบมาแล้ว
“ท่านแม่ทัพ” หญิงสาวลืมตัวกระโดดกอดคอเขา
“เซียนเอ๋อร์” คนเป็นยายมองดูพฤติกรรมไม่งามของหลานสาวอย่างอึ้งงัน
หรงหว่านเซียนรีบปล่อยตัวเสิ่นหวานทันที นางลืมไปว่าชายหญิงไม่ควรใกล้กัน ชายหนุ่มปรายตามองดวงหน้าที่จิ้มลิ้ม หรงหว่านเซียนมองดูแววตาของเขาที่ดูนางแปลกไป
“คารวะท่านยาย”
“ท่านแม่ทัพเชิญ เข้าไปในเรือนเจ้าค่ะ” ยายเฒ่าเอ่ยอย่างอ่อนน้อม เหล่าทหารม้าต่างยืนรอที่หน้าลานเรือน ชาวบ้านละแวกนั้นต่างมองอย่างไม่อยากจะเชื่อ ว่าจะมีบุรุษมาสู่ขอหรงหว่านเซียน เมื่อวานเรื่องของหรงหว่านเซียนลือไปทั่วหมู่บ้านว่า สองยายหลานปฏิเสธครอบครัวของต้าซาน ที่จะมาสู่ขอ เพราะหรงหว่านเซียนมีบุรุษในใจแล้วนี่เอง นางซือซือได้แต่มองอย่างเจ็บใจ
ภายในเรือนของสองยายหลาน เสิ่นหวายกวาดสายตามอง เรือนแห่งนี้ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย เก้าอี้ โต๊ะไม้ ยังเก่าเหมือนเดิม
“ข้าไม่อ้อมค้อม ข้ามาสู่ขอหรงหว่านเซียนตามที่สัญญากับนางไว้” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา ทำให้หรงหว่านเซียนที่ได้ยินดวงหน้าแดงก่ำ
ยายเฒ่ายิ้มอย่างดีใจ ในที่สุดหลานสาวของนางก็สิ้นสุดการรอคอย
“ดี ๆ”
“ข้าได้นำของหมั้นยี่สิบหีบมาสู่ขอนาง ท่านยายโปรดยกนางให้ข้าด้วย”
“ข้ายกนางให้เจ้า แต่นางจะยอมแต่งเจ้าหรือไม่” ทุกสายตาจับจ้องที่หรงหว่านเซียน ท่านยาย ท่านก็รู้ว่าข้ารักเขาจนหมดหัวใจ ใยต้องถามให้มากความด้วยเล่า
หรงหว่านเซียนพลันบิดผ้าเช็ดหน้าแก้เขินอาย
“ว่าอย่างไร เจ้าจะแต่งกับท่านแม่ทัพหรือไม่”
นางรอคอยมาตั้งนานจะไม่แต่งกับเขาได้อย่างไรล่ะ
“แต่งเจ้าค่ะ” หรงหว่านเซียนเอ่ยอย่างชัดถ้อย ชัดคำ
วันพรุ่งนี้ถือว่าเป็นการจัดงานแต่งงานของนางกับท่านแม่ทัพเสิ่นหวาย ด้านหัวหน้าชนเผ่าหู หรือหัวหน้าหมู่บ้าน ต่างก็มาแสดงยินดีกับสองยายหลาน ด้านท่านแม่ทัพต้องไปพักที่บ้านหัวหน้าชนเผ่า ส่วนสองยายหลานต่างจัดฉากเรือนทั้งหลังด้วยผ้าปูสีแดง เวลาแค่หนึ่งวันถือว่าเสร็จเรียบร้อย เพราะมีเหล่าทหารม้ามาช่วยในการจัดผ้าครั้งนี้
ในค่ำคืนนั้นยายเฒ่านำชุดเจ้าสาวสีแดง ลายหงส์ที่ปักด้วยดิ้นทองอย่างงามล้ำ มามอบให้หลายสาว แล้วบอกว่าเป็นสมบัติของมารดานางที่เสียชีวิตไปแล้ว
“ขอบคุณท่านยายเจ้าค่ะ”
“ดีใจกับเจ้าด้วย ในที่สุดเจ้าก็สมหวังเสียที แต่เจ้าอย่าลืมเชียวนะ บุรุษที่มีสี่อนุสามภรรยาเป็นเรื่องปกติ เจ้าไม่ควรที่จะหึงหวงเขา”
“หลานเข้าใจเจ้าค่ะ”
ยายเฒ่าเพิ่งนึกได้ ว่ามีสินเดิมของบุตรสาว นางจึงเดินไปที่หีบแล้วหยิบกล่องสีแดงเล็ก ๆ มา หรงหว่านเซียนมองอย่างสงสัย
“อะไรเจ้าคะ ท่านยาย”
“กำไลมรกต ของมารดาเจ้า ได้มาจากแคว้นเหลียง ในปีนั้นมารดาของเจ้าได้เป็นแขกรับเชิญให้ไปขอฝนที่แคว้นเหลียง ฮ่องเต้แคว้นเหลียงประทานให้นาง ก่อนตายนางได้ขอให้ข้ามอบให้กับเจ้าในวันที่เจ้าออกเรือนไป ข้าก็หมดหน้าที่แล้ว”
นางหยิบกำไลออกจากกล่อมมาสวมใส่ที่ข้อมือ กำไลนี้ทำจากหยกชั้นดีของแคว้นเหลียง ท่านแม่ของนางโชคดีเหลือเกินที่ได้หยกชิ้นนี้มาครอบครอง
“ท่านยาย ต่อไปถ้าหลานไม่อยู่ท่านยายต้องดูแลตัวเองให้ดีนะเจ้าคะ” ลึก ๆ ในใจหรงหว่านเซียนเป็นผู้เป็นยายอยู่ไม่น้อย ที่นางต้องออกเรือนไปอยู่ในแคว้นต้าเยีย เมืองหลวงต้าเยียที่ห่างไกลจากชนเผ่าหูเป็นร้อยลี้ ทำให้นางอดห่วงท่านยายมิได้จริง ๆ
“มิต้องห่วงข้าหรอก ข้าดูแลตัวเองได้”
“ถ้าเกิดว่า เผ่าหูของเราไม่มีเทพธิดาประจำชนเผ่าจะทำเยี่ยงไรเจ้าคะ”
“เจ้ามิต้องกังวลไปหรอก เรื่องนี้ข้าจะถ่ายทอดวิชาให้บุตรสาวของหัวหน้าเผ่า”
“เจ้าค่ะ”
คืนนั้นทั้งคืนสองยายหลานพลันนอนกอดกันอย่างมีความสุข ยายเฒ่าดีใจที่ได้ส่งหลานสาวออกเรือนได้เสียที เหลือเวลาอยู่ไม่มากแล้ว ยายเฒ่าต้องรีบถ่ายทอดวิชาให้หลานสาวหัวหน้าชนเผ่าหลังจากนี้ นางก็คงได้ลงโลงอย่างตาหลับเสียที…
แสงแดดอ่อนลมพัดแผ่วเบา บรรยายกาศในการจัดงานแต่งงานครั้งนี้ถือว่าไม่ร้อนมาก เจ้าบ่าวในชุดสีแดงเพลิงยืนรอเจ้าสาวที่หน้าลานบ้าน แม่สื่อประจำหมู่บ้านประคองเจ้าสาวมายืนเคียงข้างเสิ่นหวาย
ยายเฒ่าที่นั่งบนเก้าอี้ ใบหน้ามีความปีติ วันนี้เป็นวันมงคลของหลานสาว
“เริ่มพิธีได้” แม่สื่อประจำหมู่บ้านพลันเอ่ยขึ้น
หรงหว่านเซียนหัวใจพองโตที่นางจะได้เป็นของเขาแล้ว ชาวบ้านต่างร่วมเป็นสักขีพยานในครั้งนี้
“หนึ่งไหว้ฟ้าดิน” คู่บ่าวสาวหันไปไหว้ฟ้าดิน
“สองคำนับบิดามารดา” เนื่องจากบิดามารดาของนางตายหมดแล้ว อีกทั้งท่านแม่ทัพก็มิได้นำมารดามาด้วย กระนั้นจึงเคารพป้ายวิญญาณของบิดามารดา หรงหว่านเซียน
“สามคำนับกันและกัน” ในระหว่างที่พวกเขาทั้งสองโค้งตัวคำนับกันและกัน มงกุฎหงส์ไปเกี่ยวกับศีรษะของเสิ่นหวาย ทำให้ยายเฒ่าหัวเราะออกมา ดูท่าแล้วคงจะมีบุตรหัวปีท้ายปีเป็นแน่แท้
“ส่งตัวเข้าหอ”
หรงหว่านเซียนนั่งรอเจ้าบ่าวในเรือนนอนของนาง ในตอนนั้นเสิ่นหวายต้องไปร่วมร่ำสุรากับแขกเหรือที่มาร่วมงาน นางนั่งรอเขาที่เตียงสีแดง
“เซียนเอ๋อร์ ของยายช่างงามนักวันนี้” ยายเฒ่าสาวเท้าเข้ามาในเรือนนอนของหลานสาว
“เจ้าค่ะ”
“วันพรุ่งนี้ ท่านมาทัพบอกว่าจะออกเดินทางแต่เช้า จดจำคำสอนของยายไว้ให้ดี”
“หลานเข้าใจ”
“อีกประเดี๋ยวท่านแม่ทัพจะมาแล้ว ยายไปล่ะ” ยายเฒ่าสาวเท้าออกจากเรือนนอนของหลานสาวทันที
หรงหว่านเซียนได้แต่ลูบกำไลหยกสีมรกตรอสามี ให้มาเปิดผ้าคลุมหน้าของนาง ถือว่าเป็นอันเสร็จพิธี แต่ทว่า ท่านแม่ทัพก็ไม่มาเสียที จนเวลาผ่านไปหนึ่งชั่วยาม เสียงฝีเท้าคนประมาณสามคนมาในเรือนหอของนาง
“ท่านแม่ทัพเมาอย่างหนักเลย”
เหล่าทหารวางร่างท่านแม่ทัพลงเตียง
“ท่านแม่ทัพเมารึ”
“ขอรับ นายหญิง พวกข้าน้อยขอตัวก่อน” กล่าวจบทหารสองนายรีบออกจากเรือนนอนทันที หรงหว่านเซียนพลันดึงผ้าคลุมหน้าออกมา เจ้าบ่าวในสภาพเมาเหมือนสุนัขในคืนเข้าหอ นางได้แต่ทำใจ สุดท้ายต้องเปิดผ้าคลุมหน้าตัวเอง
นางเปลี่ยนอาภรณ์เป็นอาภรณ์ธรรมดา แล้วมาถอดชุดเจ้าบ่าวออก เพื่อให้เขาได้นอนอย่างสบายตัว ในระหว่างนั้นเอง
“เฟยเอ๋อร์” คำว่าเฟยเอ๋อร์ทำให้หรงหว่านเซียนหยุดชะงัก