

บทที่ 3 สาวตัวท็อป
บีทรีช คลับ
คลับกึ่งบาร์ใจกลางกรุงเทพถูกตกแต่งเอาไว้อย่างหรูหรามีระดับเพื่อรองรับลูกค้ากระเป๋าหนักเข้ามาใช้บริการ ร้านแห่งนี้ค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวสูง แถมยังต้องให้สมาชิกพาเข้ามาเท่านั้น ยิ่งทำให้เหล่าชายหนุ่มมีเงินต่างพยายามสมัครเป็นเมมเบอร์ เพื่ออวดความรวยข่มกัน
ภายในร้านจะมีหญิงสาวหน้าตาดีหลากหลายแนวให้เลือกไปนั่งเป็นเพื่อนคุย ซึ่งคัดคุณภาพมาแล้ว ทุกคนต้องผ่านการเทรนเตรียมตัวหลายขั้นตอน ทั้งรูปร่างหน้าตา มารยา การวางตัว และระดับความรู้ กว่าที่จะสามารถออกมารับงานจริงได้ เป็นการการันตีว่าลูกค้าจะไม่ได้หญิงสาวที่มีดีแค่รูปลักษณ์ภายนอกแน่นอน แต่ยังต้องมีสมองเช่นกัน
แม้ทุกอย่างจะดูล่อแหลมแค่ไหน แต่ทางร้านไม่มีบริการค้าเนื้อสดแน่นอน เพียงต้องการให้ลูกค้าผ่อนคลายไปกับบรรยากาศดีๆ อาหารอร่อย และมีสาวน่ารักคอยดูแล หรือบางคนแค่เบื่ออยากได้เพื่อนนั่งคุยเท่านั้น จึงมีบรรดานักธุรกิจพาคู่ค้ามาคุยทำสัญญาที่นี่ไม่ขาดสาย
แต่ก็มีพนักงานหลายคนที่แอบใช้ช่องโหว่นี้ทำข้อตกลงลับๆ กับลูกค้า ซึ่งทางร้านก็ไม่ได้ก้าวก่าย แต่ก็จะไม่รับรองความปลอดภัยใดๆ ให้แก่เด็กที่ทำเช่นนี้เหมือนกันว่าจะไปเสี่ยงเจอกับเรื่องอะไร
ใยไหมสวมชุดเดรสสายเดี่ยวเข้ารูปสีดำขับเน้นสัดส่วนให้โดดเด่นชวนมอง สับขาไขว้ราวกับนางแบบบนรันเวย์ ส่วนสูงกว่าหนึ่งร้อยหกสิบห้าเซนติเมตรรวมส้นสูงสี่นิ้ว ส่งเสริมให้เธอสวยสง่าราวกับนางพญาประจำคลับ
มุมปากอวบอิ่มเคลือบด้วยลิปสติกสีแดงก่ำคลี่ยิ้มออกช้าๆ ให้การ์ดตัวใหญ่หน้าคลับที่คุ้นหน้าค่าตากันดี ซึ่งพวกเขาก็พยักหน้าให้เธอแล้วช่วยผลักประตูสีทึบอ้ารอให้สาวสวยเดินเข้าด้านใน
แสงไฟในร้านเป็นสีออกน้ำเงินมืดสลัว สร้างบรรยากาศให้ดูลึกลับน่าค้นหา เวทียกสูงจากพื้นเล็กน้อย มีนักดนตรีกำลังเช็กเครื่องเสียงกันอยู่ โต๊ะหินอ่อนขัดเงาล้อมด้วยโซฟาวิคเตอเรียทรงสูงถูกจัดเว้นระยะห่างกัน ล้อมรอบเวทีเพื่อความเป็นส่วนตัวของแขกที่มาใช้บริการ ภายในก็ประดับประดาด้วยโคมไฟคริสทัลส่องแสงระยิบระยับล้อแสงไฟในร้าน ให้ความรู้สึกผ่อนคลายมากกว่าพวกเลานจ์ที่จะคล้ายผับ เธอหันไปทักทายเพื่อนร่วมงานตามมารยาท รู้ดีว่าพวกนี้พอลับหลังก็มักจับกลุ่มนินทาด้วยความอิจฉาริษยา แต่หากใยไหมไม่ได้ยินด้วยหูตัวเองก็เลือกจะมองข้ามมันไป
เพราะการวางตัวดีดูแพงเข้าถึงยากและไม่เคยรับงานไปต่อกับแขกผู้ชาย ทำให้หญิงสาวคว้าตำแหน่งสาวสวยเบอร์หนึ่งของร้านมาครอบครอง แถมยังขึ้นแท่นเป็นลูกสาวคนโปรดของเจ๊เปา ชายหนุ่มวัยสี่สิบห้า รูปร่างสูงใหญ่กำยำหนวดเฟิ้มแต่ใจสาว เจ้าของร้านมาดเข้มที่ความจริงแล้วใจดีขัดกับหน้าตาดุๆ เหลือเกิน จึงทำให้ไม่ค่อยมีใครกล้าเขม่นใส่เธอนัก
ใยไหมทำงานที่ร้านนี้มาตั้งแต่เข้ามากรุงเทพใหม่ๆ ความยากจนทำให้เธอเลือกสถานบันเทิงอโคจรแทนการไปเป็นพนักงานพาร์ตไทม์ที่ได้เงินน้อยกว่า อย่าหวังว่าจะให้มารดาที่เป็นเพียงแม่บ้านในรีสอร์ตช่วยส่งเสีย เธอต้องกัดปากดิ้นรนเอาชีวิตรอดในเมืองกรุงตามลำพัง เจ๊เปาดูเหมือนจะเห็นอะไรบางอย่างในตัวเธอจึงยอมรับเด็กสาวอายุเพียงสิบเก้าปีเข้าทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟ ช่วยให้เธอพอมีเงินเหลือเก็บไปอัปความสวย แล้วผลักดันจนสามารถเป็นตัวเต็งของร้าน ทำเงินให้ผู้มีพระคุณได้เป็นกอบเป็นกำ
ท่อนขาเรียวยาวก้าวไปยังส่วนหลังร้านเพื่อเก็บข้าวของส่วนตัวเอาไว้ในตู้ล็อกเกอร์ ยืนคุยกับเพื่อนร่วมงานบ้าง ระหว่างรอเวลาเปิดร้าน ไม่นานเสียงดนตรีภายนอกก็ดังคลอเข้ามาเบาๆ เป็นสัญญาณเริ่มทำงาน หญิงสาวหลายคนทยอยเดินออกไปหาลูกค้ากระเป๋าหนัก ต้อนรับแขกที่เข้ามาใช้บริการ ส่วนสาวสวยเบอร์หนึ่งก็ยังคงนั่งเลื่อนโทรศัพท์เล่นไปเรื่อยๆ
"พี่ไหมๆ วันนี้เจ๊เปาให้พี่ไปดูแลเสี่ยนนท์นะครับ"
เด็กเสิร์ฟหนุ่มรุ่นน้องเดินเข้ามาบอก เพียงแค่ได้ยินชื่ออีกฝ่ายเธอก็กลอกสายตาระอา แอบขุ่นเคืองใจเล็กน้อย ทั้งที่เคยบอกพฤติกรรมลูกค้าคนดังกล่าวกับเจ้าของร้านไปแล้ว แต่คงเพราะเขากระเป๋าหนักและค่อนข้างมีอิทธิพลในละแวกนี้ ทำให้เจ้าของร้านไม่อยากขัดใจ
สุดท้ายเธอก็ทำอะไรไม่ได้ สลัดความเบื่อหน่ายในชีวิตทิ้ง แล้วสวมวิญญาณสาวสวยพราวเสน่ห์ดูดีทุกกระเบียดนิ้วเข้าร่าง พยักหน้ารับแล้วเดินตามรุ่นน้องออกไปด้านนอก
ดนตรีสดฟังสบายบวกกับบรรยากาศมืดสลัวสร้างเสน่ห์น่าค้นหาให้พนักงานในร้านยิ่งขึ้น ใบหน้าสวยจัดแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางระดับมืออาชีพสะกดสายตาแขกหนุ่มทุกคู่ให้จ้องมองมาที่เธอเป็นตาเดียว ใยไหมเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยเดินตัวตรงมาดมั่นบนรองเท้าส้นสูงเข็ม ริมฝีปากอิ่มน้ำคลี่ยิ้มเย้ายวน เพียงแค่ปรายสายตามองหนุ่มๆ บนโต๊ะที่ผ่าน ก็ทำหัวใจพวกเขาแทบหยุดเต้น ต่างเขย่าแขนมองตามตาเป็นมัน อยากจะได้สาวสวยระดับนี้มาร่วมโต๊ะเสียเลย
และนั่นคงเป็นสิ่งที่ชานนท์คิดเช่นกัน เสี่ยใหญ่วัยกลางคนใกล้ห้าสิบปียิ้มกว้างเมื่อเห็นสาวสวยที่เขาหมายตาไล่ตามจีบเดินส่งยิ้มมาแต่ไกล รู้สึกกระชุ่มกระชวยขึ้นเป็นกองเพียงแค่ได้เห็นใบหน้าหยาดเยิ้มของเธอ ยิ่งใยไหมเป็นที่หมายปองของหนุ่มอื่นในร้าน เขายิ่งได้ใจที่สามารถคว้าตัวเธอมานั่งร่วมโต๊ะได้
"สวัสดีค่ะเสี่ย วันนี้มาเร็วจังเลยนะคะ" เธอยิ้มหวานโปรยเสน่ห์ไม่มียั้ง ทำชายหนุ่มหลงหัวปักหัวปำกว่าเดิม รีบขยับตัวออกตบที่ว่างข้างกายเชิญชวนให้เธอมานั่งข้างๆ
"ถ้าเสี่ยไม่รีบมา คืนนี้คงไม่ได้เห็นหน้าสวยๆ ของน้องใยไหมแล้ว"
"แหม ไหมก็ไม่ได้ฮอตถึงขนาดนั้นซะหน่อย"
ร่างบางทิ้งตัวลงข้างกายลูกค้ายกขาขึ้นไขว้ทำให้กระโปรงที่สั้นอยู่แล้วร่นขึ้นมาอีกเล็กน้อย สายตาเสี่ยใหญ่วาวโรจน์ ลำคอแห้งผากต้องลอบกลืนน้ำลายให้ลำคอชุ่มชื่น ระดับความอยากได้ตัวเด็กสาวยิ่งทวีสูง พลางขยับกายใกล้ชิดอีกฝ่ายอีกเล็กน้อยเพื่อลดระยะห่าง กลิ่นน้ำหอมนุ่มลึกมีระดับลอยมาสัมผัสจมูกส่งเสริมให้เธอเซ็กซี่ยั่วยวนใจเป็นเท่าตัว
"ใช่ที่ไหนล่ะ ถ้าหนูไม่ฮอตในร้านคงไม่มีใครฮอตแล้วครับ"
เธอทำเพียงระบายยิ้มขวยเขินตามที่เคยถูกสอนมา พลางเอื้อมมือไปชงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ดีกรีแรงส่งให้อีกฝ่ายอย่างเอาใจ
"วันนี้ดื่มเป็นเพื่อนเสี่ยหน่อยสิ"
"ก็ได้ค่ะ"
ใยไหมตอบกลับว่าง่าย หยิบแก้วเปล่าจากข้างโต๊ะมาชงให้ตัวเองอีกแก้ว โดยเลือกที่จะรินเหล้าสีอำพันน้อยหน่อย เพื่อให้ตัวเองมีสติสัมปชัญญะครบถ้วนตลอดเวลาทำงาน
"รินแค่นี้จะไปรู้สึกอะไรครับ ใส่อีกหน่อยสิ" เขาคะยั้นคะยอเพิ่ม
"แน่ะ จะหาเรื่องมอมไหมเหรอคะ ถ้าไหมเมาไปก่อนใครจะอยู่เป็นเพื่อนคุยกับเสี่ยล่ะคะ" เธอหันไปหรี่ตาเอ่ยแซวอย่างมีจริตจะก้าน หาเรื่องขึ้นมาบ่ายเบี่ยง
"โธ่ แค่อยากให้น้องใยไหมผ่อนคลายเฉยๆ เอง"
"ไหมยังต้องทำงานอีกนะคะ"
"เสี่ยก็บอกหนูหลายทีแล้วไงคะ ความจริงน้องใยไหมไม่จำเป็นต้องมาเหนื่อยเปลืองแรงทำงานเลย ไม่อยากนอนอยู่ห้องสบายๆ เหรอคะ" หนุ่มใหญ่เปลี่ยนมาพูดจา คะ ขา เอาใจ หลุบสายตาหื่นกระหายมองเนินอกอวบอิ่มเบียดชิดใต้ชุดเดรสสายเดี่ยวอย่างสื่อความหมาย พร้อมเอื้อมมือหยาบโอบเอวคอดกิ่วลดระยะห่างระหว่างทั้งคู่ เธอเองก็ไม่ได้ขยับหนี เพียงแค่ส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ซุกซนตอบกลับทีเล่นทีจริง กระตุ้นให้อีกฝ่ายอยากจะได้เธอมาครองแทบบ้า
"แหม เดี๋ยววันหนึ่งเสี่ยก็เบื่อไหม ไม่เอาด้วยดีกว่า"
"โธ่ น้องไหมสวยน่ารักขนาดนี้ เสี่ยจะกล้าเบื่อได้ยังไง ลองเก็บเอาไว้คิดดูนะคะคนดี"
"ไว้ไหมจะลองคิดดูแล้วกันค่ะ"
คำตอบนั้นทำให้ชานนท์ดีใจเนื้อเต้นอย่างมีหวัง ก่อนที่จะถูกหญิงสาวเจ้าเล่ห์เบี่ยงประเด็นไปคุยเรื่องอื่นอย่างแนบเนียน เธอคุยเก่ง วางตัวดี เพราะเพียงแค่ฝ่ามือร้อนเลื่อนลงต่ำ ดวงตาเรียวคู่สวยก็จะหรี่มองรู้ทัน ท่าทางเช่นนั้นทำให้หนุ่มใหญ่ไม่กล้าล้ำเส้นไปมากกว่าที่เธออนุญาต จึงทำได้เพียงโอบเอวแล้วพูดคุยกับเธอเท่านั้น
"เฮ้ออออ~" สาวสวยเบอร์หนึ่งของร้านระบายลมหายใจออกมายาวยืดขณะเปิดตู้ล็อกเกอร์หยิบของด้านในออกมาเตรียมจะกลับบ้าน เสียงเพื่อนร่วมงานที่เธอค่อนข้างสนิทก็แซวขึ้นเสียก่อน
"เป็นอะไรยะ เหนื่อยอะไรขนาดนั้น วันนี้ก็ได้รับทิปจากเสี่ยนนท์มาเพียบไม่ใช่เหรอ"
"เหนื่อยตรงต้องหาเรื่องชวนคุยนี่แหละ แป๊บหนึ่งก็วนกลับเข้าเรื่อง อยากจะให้ฉันไปเป็นเมียเก็บให้ได้ อะไรจะขนาดนั้น!"
เธอเล่าระบายให้หลิวฟัง ซึ่งอีกฝ่ายก็ทำได้เพียงส่งยิ้มให้กำลังใจพลางลูบหลังปลอบท่าทางเข้าอกเข้าใจ
"เออ ทนๆ หน่อย งานเราก็แบบนี้แหละ ไม่ค่อยมีคนมองอย่างให้เกียรติ พอเห็นว่าเป็นพริตตี้ เด็กในร้านเหล้าก็จะชวนไปเป็นเมียเก็บ"
"ถ้าเกิดมาแล้วรวยเลยก็ไม่อยากมานั่งทำงานเปลืองตัวแบบนี้หรอก"
ใยไหมห่อไหล่เอนพิงร่างกับตู้ล็อกเกอร์ดูหมดเรี่ยวแรงจริงจัง งานที่ทำและสิ่งที่ต้องเผชิญมาตลอดทั้งวันกินพลังงานชีวิตเธอเหลือเกิน แล้วในขณะที่ทั้งคู่คุยกัน ก็มีเสียงแหลมสูงฉายแววประชดประชันมาขัดอารมณ์ทั้งสองซะก่อน
"โอ๊ยยยย~ เขาชวนก็เป็นๆ ไปเถอะย่ะ ทำอาชีพแบบนี้แล้วจะมาวางตัวสวยหรูดูแพงอีกทำไม ไม่มีใครเขามองดีอยู่แล้ว"
ร่างอวบอึ๋มของจอยปรากฏขึ้นที่หน้าห้องแต่งตัว เธอเชิดหน้าเบะปากไล่มองคู่กัดที่ชิงดีชิงเด่นตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาหมั่นไส้อย่างไม่คิดจะปิดบัง พลางเดินผ่านใยไหมและหลิวไปยังล็อกเกอร์ของตัวเองเพื่อหยิบของ แต่ปากก็ยังอวดชีวิตของตัวเองต่อทั้งที่ไม่มีใครถาม
"ดูอย่างฉันสิ ค่าคอนโดคุณวิทย์ก็ออกให้ แถมยังบอกช่วยดาวน์รถให้อีก มีเงินเหลือใช้สบายๆ" ใบหน้าสวยที่ผ่านมีดหมอมาแล้วทั้งหน้าเชิดขึ้นด้วยความภาคภูมิใจ ทำคนฟังอดหมั่นไส้ไม่ได้
"อ๋ออออ~ เสี่ยแก่ๆ อ้วนๆ ที่เป็นลูกค้าประจำแกคนนั้นน่ะเหรอ"
"แล้วทำไมยะ! ขอแค่มีเงินดูแลฉันได้ จะลูกใครเมียใครฉันก็ไม่สนหรอก! ของแกก็คงหาได้ไม่ดีไปมากกว่าฉันนักหรอก ไอ้ที่มาติดๆ ก็คนแก่มีลูกมีเมียแล้วทั้งนั้น!"
จอยหันมาตอกกลับร้อนแรงเอาเรื่องเช่นกัน ทำให้หลิวที่ไม่ชอบมีเรื่องมีราวรีบกระตุกแขนบางให้ใจเย็น แต่ใยไหมก็ปัดมือเพื่อนสาวออก ก้าวเดินเข้าไปเผชิญหน้ากับคู่กัดโดยไม่มีท่าทีเกรงกลัวแม้แต่น้อย
"ถ้าฉันจะหาคนดูแลจริงๆ ฉันหาได้ดีกว่าแกเป็นร้อยเท่าแน่ ไม่หน้ามืดคว้ามั่วไม่เลือกเหมือนแกแน่นอน เงินไม่กี่หมื่นมันซื้อฉันไม่ได้หรอกโว้ย!"
"อีไหม!"
จอยกระทืบเท้าชี้หน้าคู่แค้นด้วยความเดือดดาล โทสะในกายแล่นพล่านเมื่อถูกหญิงสาวที่ตนชังน้ำหน้าตอบโต้กลับเผ็ดร้อน แต่ใยไหมก็เชิดหน้ากรีดยิ้มร้ายไม่สนใจ คว้าข้อมือเพื่อนสาวให้เดินตามออกไปจากร้าน ซึ่งก็ยังได้ยินเสียงตะโกนโวยวายของจอยปรามาสตามหลังมาไม่หยุด
"ทำตัวสูงส่งนัก มึงก็แค่เด็กร้านเหล้า ที่มีดีแค่หน้าตาเท่านั้นแหละว่ะ ผู้ชายดีๆ ที่ไหนมันจะไปจริงจังด้วย อีบ้า!"
"อย่างน้อยก็ไม่ใช่ลุงแก่อ้วนลงพุงเหมือนของมึงก็แล้วกัน!"
"กูจะคอยดูน้ำหน้ามึงอีไหม!"
สองสาวตะโกนด่าทอกันข้ามห้องไม่มีใครยอมใคร คำสบประมาทนั่นทำใยไหมอยากจะเดินกลับเข้าไปตบคู่แค้นให้หน้าหงายจริงๆ แต่หลิวก็รีบฉุดแขนของเธอเอาไว้ ใช้เรี่ยวแรงที่มีลากเพื่อนสาวหัวร้อนออกไปทางหลังร้าน
"รำคาญอีจอยฉิบหาย สาระแนไปซะทุกเรื่อง" เธอสบถหยาบคายระบายความขุ่นเคืองในใจให้หลิวฟัง มือไม้ยังสั่นพั่บๆ จากความโกรธ
"แกก็อย่าไปสนใจยัยบ้านั่นเลย มันก็เป็นแบบนั้นมาตั้งนานแล้ว"
"ถ้ามันไม่มายุ่งเรื่องของฉัน ฉันเคยไปหาเรื่องมันก่อนที่ไหน"
"เออๆ ปล่อยไป ยังไงก็อยู่ร้านเดียวกัน...ว่าแต่แกเถอะ ไปพูดแบบนั้น อย่าบอกนะว่าคิดจะทำจริงๆ"
เพื่อนสาวหรี่ตามองท่าทางหัวร้อนของใยไหมอย่างจับผิด รู้จักกันมาตั้งนานอีกฝ่ายก็ดูตั้งปณิธานแน่วแน่ ว่าจะไม่ขายศักดิ์ศรีที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด
"ฉันก็พูดปั่นประสาทยัยนั่นไปเฉยๆ" ร่างสมส่วนพ่นลมออกมาแรงๆ พลางกลอกสายตาเหนื่อยหน่ายรำคาญใจ
"ก็นึกว่าจะเอาจริง"
"ไม่รู้อะ พออีจอยมันสบประมาทก็อยากจะหาผู้ชายหล่อๆ รวยๆ ควงกระแทกหน้ามันกลับบ้าง จะได้รู้ว่าฉันไม่ได้ดีแต่ปาก แค่ไม่หาเท่านั้นแหละ"
"ถ้าทำเพื่อความสะใจก็ไม่ต้องหรอกแก" หลิวปลอบต่อไม่ให้เพื่อนสาวใช้อารมณ์เป็นที่ตั้งโดยไม่คิดให้รอบคอบ
"เฮ่อะ! ไม่ต้องห่วง แกก็รู้เงินมันซื้อฉันไม่ได้!" ใยไหมกอดอกเชิดหน้า ก้าวฉับๆ บนรองเท้าส้นสูงเดินไปยังถนนหน้าร้านเพื่อจะหาแท็กซี่เรียกกลับบ้าน คำพูดนั้นเรียกรอยยิ้มจากสาวสวยที่เดินข้างกันได้ไม่ยาก หลิวอมยิ้มกรุ้มกริ่มพลางแซวเพื่อนกลับด้วยประโยคประจำตัวของเธอ
"จ๊ะ! ถ้ามันไม่มากพอ"
"หึๆ" ร่างสูงโปร่งแค่นหัวเราะในลำคอถูกอกถูกใจด้วยท่าทางเย่อหยิ่งเจ้าเล่ห์ แต่ก็ไม่ได้ตอบกลับอะไรต่อ ทั้งคู่บอกลาแยกย้ายกันที่หน้าคลับ
แผ่นหลังบางเอนพิงเบาะหนังของรถแท็กซี่ แอร์เย็นๆ บวกกับความง่วงและอ่อนเพลียทำเธอเกือบผล็อยหลับไปบนรถอยู่แล้ว ต้องหยิกแขนเรียกสติตัวเองให้ประคับประคองสติหอบร่างกลับถึงคอนโดให้ได้ก่อน ช่างเป็นวันที่แสนยาวนานและเหนื่อยแทบขาดใจอีกวัน ใครว่าทำอาชีพนี้แล้วจะสบายได้เงินง่าย ใยไหมขอเถียงใจขาด
